พูดตามตรง สเปอร์ส ไม่น่าจะมีแต้มด้วยซ้ำ ในเกมที่พลิกชนะ เลสเตอร์ 3-2

ก็ขนาดเข้าช่วงทดเวลา พวกเขายังตามหลังอยู่ 1-2 ใครจะไปคิดว่า จบเกม สเปอร์ส จะได้ถึง 3 แต้ม

นี่จึงเป็นเหมือนน้องๆ “ปาฏิหาริย์” เลยก็ว่าได้

รู้หรือไม่ว่า นี่คือ ประตูที่ 3 ใน 2 เกมหลัง ที่ สเปอร์ส ทำได้หลังหมดเวลาปกติ 90 นาทีไปแล้ว

ในเกมลีกนัดก่อนหน้านี้กับ วัตฟอร์ด ดาวิซอน ซานเชซ ก็โหม่งลูกเตะมุมในช่วงทดเวลา ช่วยให้ สเปอร์ส เฉือนชนะ 1-0 เช่นกัน

มองกันอีกมุม มันจึงอาจไม่มีเรื่องโชคชะตาฟ้าลิขิตอะไรมาเกี่ยวเลย

เป็นแค่เพียงความพยายามที่ไม่เคยสิ้นสุดเท่านั้น

ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่แฟน สเปอร์ส ไม่ได้เห็นมานาน เพิ่งได้มาเห็นกันอีกครั้งก็ยุค อันโตนิโอ คอนเต นี่เอง

ช่วยให้สถานการณ์ในการลุ้นที่ 4 เพื่อไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ดีขึ้นอีกเป็นกองเลยทีเดียว

เพราะทำให้ สเปอร์ส ขึ้นมาอยู่ที่ 5 ตามหลังที่ 4 เวสต์แฮม แต้มเดียว และเตะน้อยกว่า “3 นัด”

อีกยังตาม อันดับ 3 เชลซี 8 แต้ม และเตะน้อยกว่า “4 นัด”

ถ้าหากไม่มี 3 ประตูอันล้ำค่าใน 2 เกมหลัง สถานการณ์ของ สเปอร์ส ตอนนี้ หรือแม้แต่ในฤดูกาลนี้ จะเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ

จากจะลุ้นที่ 4 อาจต้องไปลุ้นว่า คอนเต จะถอดใจ ลาออกหรือไม่แทน

นั่นคือการมองแง่ดี

…แน่นอนว่า แง่ลบก็มีมากมาย

อย่างแรก ถ้าหาก สเปอร์ส ได้ประตูตั้งแต่ในเวลาปกติ พวกเขาคงไม่ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนขนาดนี้ในช่วงท้ายเกม

แสดงให้เห็นว่าพวกเขากำลังเจอปัญหาในการจบสกอร์

การขาดตัวหลักในแนวรุกอย่าง ซน ฮึง มิน ส่งผลชัดเจน เกมรุกลดความอันตรายลงไปหลายอัตรา

ทั้งที่รูปเกม ยังพยายามเปิดเกมาบุกเข้าโจมตีอยู่ตลอดเหมือนเดิม ความแตกต่างคือทำประตูไม่ได้

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่คมเอง อีกส่วนหนึ่งเป็นธรรชาติของเกม ที่ไม่มีทีมไหน บุกแล้วได้ประตูทุกครั้ง

แต่อีกส่วนหนึ่งคือความไม่สมดุลย์ในเกม

บอลของ คอนเต เน้นการโจมตีริมเส้น วิงแบ๊ก 2 ข้าง ต้องมี 10 ปอด วิ่งขึ้น-ลงได้ไม่มีหมด

นี่คือสิ่งที่ยังไม่มีในทีม สเปอร์ส ของเขา

ทางซ้าย พอไปวัดไปวาได้ เซร์คิโอ เรกีลอน เป็นแบ๊กที่เติมเกมดีอยู่แล้ว แต่มาเจอระบบของ คอนเต ต้องทำงานหนักมากขึ้น ทำให้ร่างกายรับไม่ค่อยไหว ชอบหมดท้ายเกม และเริ่มเจ็บบ่อย

ทางขวา คือปัญหาใหญ่ เอเมอร์สัน โรยัล เล่นเหมือนขาดความมั่นใจ รุกก็ไม่มี รับก็ไม่ได้ นอกจากทำให้เกมรุกทางขวาบอดแล้ว ยังทำให้โดนเจาะทางนั้นด้วย

ถ้าได้ “พี่บึ้ก” อดามา ตราโอเร มาจาก วูล์ฟส์ อาจกลบจุดอ่อนตรงนี้ได้ แต่ถ้าหากไม่ได้ สลบแน่

อีกอย่างคือ ตรงกลางยังขาดมิดฟิลด์ “เพลย์เมคเกอร์” คอยคุมจังหวะ และกำกับเกมรุก

บอลไปข้างหน้าเลยสะเปะสะปะ ไม่มีใครคอยบงการ แฮร์รี เคน และ ลูคัส มูรา ต้องลงมาเอาบอลเอง แล้วใช้ความสามารถเฉพาะตัวเลี้ยงหรือจ่ายเพื่อเข้าทำ

ทำให้ไม่มีตัวจบสกอร์ในกรอบเขตโทษ

แดนหลังก็ยังน่าอ่อนใจ ทั้งเรื่องตัวเจ็บ ที่ตัวหลักอย่าง เอริค ดายเออร์ กับ คริสเตียน โรเมโร ที่ทำท่าจะยาวเกินคาด

ทั้งเรื่องบรรดากองหลังที่มีอยู่ทั้ง จาเฟต แทนกานกา, ดาวิซอน ซานเชซ, เบน เดวีส์ ซึ่งมักจะพลาดง่ายๆให้เห็นเสมอ แถมออกบอลไม่ดี ทำให้พอโดนเพรสซิ่งแดนบนแล้วเสียบอลประจำ

หรือเรื่อง การเสริมทัพในตลาดรอบนี้ ที่แทบไม่มีข่าวกับกองหลังตัวกลาง ทั้งที่เป็นจุดสลบของ สเปอร์ส มาหลายยุคหลายสมัย

คอนเต ย่อมรู้ละเอียดลึกซึ้งอยู่แล้วกับปัญหาในทีมเหล่านี้ และคงพยายามแก้ไขอยู่ แต่ตอนนี้ ทำได้เพียงแค่ประคองสถานการณ์ไปก่อน

ปัญหาคือจะประคองได้จนจบฤดูกาลหรือไม่ เพราะจุดสลบเหล่านี้ นำมาซึ่งผลงานที่ตกลงได้เสมอ

ตัวอย่างที่ชัดเจน ดูง่ายๆในเกมต่อไป ที่ต้องไปเยือน เชลซี ในวันอาทิตย์นี้

เชลซี จะใช้ชุดอ่อนของ สเปอร์ส เหล่านี้ โจมตีใส่เหมือนเดิม ที่เคยทำมาใน 3 เกมที่พบกันไปแล้วในฤดูกาลนี้แน่นอน

เพราะมันทำให้พวกเขาได้รับชัยชนะแบบเด็ดขาด ทั้งสกอร์ และรูปเกม

อยู่ที่ สเปอร์ส จะแก้ปัญหานี้ตกหรือเปล่า

ที่บอกว่า อยู่ที่ สเปอร์ส ไม่ได้อยู่ที่ คอนเต เป็นเพราะ คอนเต นั้น แก้ตกแน่ และคงเตรียมวิธีการรับมือเอาไว้แล้ว

แต่เมื่อลงเล่นจริง เขาควบคุมอะไรไม่ได้ นักเตะ สเปอร์ส ชุดนี้ ยังผิดพลาด จนผิดแผนได้เสมอ

ปาฏิหาริย์ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ ใช้เปลืองเกินไป หมดโควต้าเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้

จากที่ล่องลอยอยู่บนสวรรค์ อาจโดนดึงกลับมาสู่ขุมนรกในอีกไม่กี่วันก็ได้ ?

กัปตันเจมี