ในที่สุด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็กลับมาคว้าชัยในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จเป็นหนแรกในรอบ 3 นัด หลังบุกไปดับซ่า เบรนท์ฟอร์ด ถึงบ้าน 3-1

            เกมนี้ ราล์ฟ รังนิก ยังคงจัดทีมลงสนามในระบบ 4-3-3 เหมือนเกมที่บุกเสมอ แอสตัน วิลลา 2-2 เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมี ดาบิด เด เคอา เฝ้าเสา แนวรับเป็น ดีโอโก ดาโลต์, วิคตอร์ ลินเดเลิฟ, ราฟาแอล วาราน และอเล็กซ์ เตลลิส แดนกลางใช้ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ปักหลักอยู่หน้าแผงหลัง โดยมี เฟร็ด กับ บรูโน แฟร์นันด์ส เป็นตัวทำเกม ขณะที่ 3 แนวรุกเป็น แอนโธนี อีลังกา, คริสเตียโน โรนัลโด และเมสัน กรีนวูด

            ส่วนบนม้านั่งสำรองก็น่าสนใจเพราะได้ทั้ง แฮร์รี แม็กไกวร์ ที่หายเจ็บกลับมาแล้ว และอองโตนี มาร์กซิยาล ที่ร่ำ ๆ อยากย้ายสังกัดก็มีชื่อกลับมาอยู่ในทีมอีกครั้งเช่นกัน

            ครึ่งแรกเกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังต่อกันไม่ติดเหมือนเดิมนะครับ และเกือบจะโดนเจ้าบ้านขึ้นนำไปก่อนจากจังหวะที่ มัตเธียส เยนเซน ได้หลุดไปซัดโล่ง ๆ ถึง 2 ครั้ง แต่ก็ถูก เด เคอา ใช้ขาเซฟเอาไว้ได้ทั้ง 2 ครั้งจนทำให้ “ผีแดง” ที่ยิงไม่เข้ากรอบเลยในช่วง 45 นาทีแรกยังรอดตัวไม่โดนทะลวงตาข่ายไปก่อน

            ครึ่งหลังต้องชม รังนิก ว่า ปลุกใจลูกทีม และแก้เกมมาได้เป็นอย่างดี เมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด เร่งสปีดเกมขึ้นมาจนกระทั่งได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ เฟร็ด เปิดบอลข้ามแนวรับไปให้ อีลังกา โฉบไปกระดกบอลหนี โยนาส ลอสเซิล นายทวารของ เบรนท์ฟอร์ด ก็จะตามไปโหม่งเข้าไปตุงตาข่ายในนาทีที่ 55

            หลังเสียประตู เดอะ บีส์ ก็เปิดเกมสู้ ซึ่งก็ถือว่า เข้าทาง แมนฯ ยูไนเต็ด ที่รอโจมตีด้วยเกมสวนกลับอยู่แล้ว และทำให้ “ผีแดง” ได้ประตูหนีไปเป็น 2-0 จากการทำเกมรุกที่รวดเร็วสวยงาม และเด็ดขาด เริ่มจาก แม็คโทมิเนย์ เปิดบอลให้ โรนัลโด พักอกต่อให้ แฟร์นันด์ส หลุดเดี่ยวไปดวลกับ ลอสเซิล ก่อนจะไหลต่อให้ กรีนวูด แปเข้าไปง่าย ๆ ในนาทีที่ 62

            เมื่อขึ้นนำถึง 2 ประตู หนนี้ รังนิก ไม่รอช้าตัดสินใจปรับหมากมาเล่นหลัง 3 โดยถอด โรนัลโด ออกไปพัก และส่ง แม็กไกวร์ ลงมาคุมเกมรับร่วมกับ วาราน และลินเดเลิฟ ขณะที่ส่ง แรชฟอร์ด ลงมาแทน กรีนวูด ที่เริ่มอ่อนแรง เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนในเกมกับ วิลลา ที่โดนไล่ตีเจ๊า 2-2 ในช่วงท้ายเกมทั้งที่อุตส่าห์ออกนำก่อนถึง 2-0

            แน่นอนว่า เมื่อถูกถอดออกจากสนามทั้งที่ยังเหลือเวลาอีกร่วม 20 นาที โรนัลโด ย่อมต้องออกอาการไม่สบอารมณ์เป็นธรรมดา ทว่าประตู 3-0 จากฝีเท้าของ แรชฟอร์ด ในนาทีที่ 77 ตอกย้ำให้เห็นว่า รังนิก ตัดสินใจได้ถูกต้องแล้ว

            ทว่าสุดท้ายด้วยความผิดพลาดง่าย ๆ ในแนวรับก็ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่สามารถรักษาคลีนชีตเอาไว้ได้ เมื่อ เฟร็ด สกัดลูกทุ่มไกลของ เบรนท์ฟอร์ด ไม่ดีจนบอลกระฉอกไปถึงเท้าของ ไอแวน โทนีย์ ที่ซัดตีไข่แตกให้เจ้าถิ่นไล่มาเป็น 1-3 ในนาทีที่ 85 และจบเกมด้วยสกอร์เดียวกัน

            แม้จะคว้าชัยชนะได้ก็จริง แต่หากมองลึกลงไปแล้วเกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังมีข้อผิดพลาดค่อนข้างเยอะนะครับ โดยเฉพาะแดนกลางที่ไม่สามารถทำเกมได้เลยในครึ่งแรก

            เฟร็ด แม้จะทำได้ 1 แอสซิสต์ แต่โดยรวมแล้วยังถือว่า น่าผิดหวัง โดยเฉพาะเรื่องการจับบอลลั่นจนเกือบทำให้ทีมพบกับความวอดวาย และจ่ายบอลเสียง่าย ๆ แม้เพื่อนจะออยู่ห่างเพียง 4-5 หลายังมีให้เห็นตลอด

            ส่วน แม็คโทมิเนย์ ถือว่า กลับมากู้ชื่อได้ในครึ่งหลังเมื่อใช้พลังเข้าบดบี้กับแดนกลางของ เบรนท์ฟอร์ด ได้อย่างเมามัน แถมยังตัดบอลสวย ๆ ได้หลายครั้ง ที่สำคัญเขายังมีส่วนกับการได้ประตูที่ 2 และ 3 รวมทั้งยังมีจังหวะเติมขึ้นไปยิงประตูด้วยตัวเองอีกด้วย

            จากสิ่งที่ แม็คทอม แสดงให้เห็นเกมนี้ ชัดเจนว่า หมอนี่ไม่ใช่มิดฟิลด์ตัวรับธรรมชาติ และเหมาะที่จะขยับขึ้นไปสวมบทหมายเลข 8 แทนตำแหน่งของ เฟร็ด มากกว่า

            ขณะที่ตำแหน่งหมายเลข 6 หรือ มิดฟิลด์ตัวรับที่ยืนปักหลักหน้าแผงกองหลังนั้น ต้องยอมรับว่า ยามนี้ ปิศาจแดง ยังขาดแคลนนักเตะระดับคุณภาพในตำแหน่งนี้ ที่พอจะเล่นได้ก็มีแค่ แม็คโทมิเนย์ กับ เนมานยา มาติช ที่ดูจะเชื่องช้า และโรยราไปเยอะทีเดียว

            นับจากตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกราว 10 วันตลาดนักเตะเดือนม.ค.ก็จะปิดตัวลงแล้ว เด็กผีคงต้องลุ้นกันหนักหน่อยล่ะครับว่า บอร์ดของ แมนฯ ยูไนเต็ด จะยอมอนุมัติงบประมาณให้ รังนิก นำไปชอปนักเตะใหม่เข้ามาแก้ปัญหาในแดนกลางที่เห็นกันอยู่ทนโท่ว่า ยังเป็นรองคู่แข่งในระนาบเดียวกันเยอะหรือไม่.

แท ยอน