หากพูดถึงโรคร้ายอย่าง “มะเร็ง” แล้ว หลายๆ คนอาจจะนึกไปถึงมะเร็งยอดฮิตที่มักจะพบในคนไทยอย่าง มะเร็งตับ, มะเร็งปอด ไปจนถึงมะเร็งเต้านม แต่ทราบกันบ้างหรือไม่ว่า.. จริงๆ แล้วยังมีอีกหนึ่งโรคมะเร็งที่เป็นภัยเงียบอย่างร้ายกาจ ที่หลายคนอาจจะคาดไม่ถึง นั่นก็คือ.. “มะเร็งช่องปาก”

โดย พ.ท.นพ.รุตติ ชุมทอง ศัลยแพทย์ด้านศีรษะและลำคอ โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ กล่าวว่า “มะเร็งช่องปาก” คือ ก้อนเนื้อร้ายที่เกิดขึ้นได้กับอวัยวะภายในช่องปากหลายๆ อวัยวะ เช่น ริมฝีปาก ลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้ม เพดานปาก และพื้นปากใต้ลิ้น ถือเป็นมะเร็งที่มีความรุนแรงและอันตรายหากมาตรวจพบในระยะลุกลาม โดยทั่วไปแล้ว “มะเร็งช่องปาก” เป็นโรคที่พบได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง มักพบตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไป สามารถแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอ ไปยังกระแสเลือด และไปยังอวัยวะข้างเคียงได้ ดังนั้นการสังเกตตัวเองและรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาโดยเร็วคือสิ่งสำคัญที่สุด 

สำหรับ “ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสการเกิดมะเร็งช่องปาก” คือ 
1.การสูบบุหรี่ ซิการ์ หรือไปป์ จะเพิ่มความเสี่ยงการพบมะเร็งช่องปากได้ถึง 6 เท่า 
2.ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ และหากยิ่งมีพฤติกรรมทั้งสูบบุหรี่และดื่มสุราก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงมากถึง 15 เท่า 
3.การเคี้ยวหมาก พลู เพราะอาจมีสารก่อมะเร็งเจือปนอยู่ 
4.การติดเชื้อไวรัสเอชพีวีในช่องปาก 
5.การเกิดบาดแผลเรื้อรังในช่องปากจากฟันผุ ฟันบิ่น หรือฟันปลอมที่หลวม ระคายเคืองซ้ำ ๆ จนเนื้อเยื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นมะเร็ง 
6.มีประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งในช่องปาก เป็นต้น

“อาการและการเกิดโรค” โดยทั่วไปแล้วคนไข้อาจมาด้วยอาการมีตุ่ม ก้อนเนื้อ หรือรอยแผลที่รักษาไม่หายนานเกินกว่า 2-3 สัปดาห์ อาจพบว่ามีเลือดออกจากรอยแผลนั้น หรือมีอาการชาจากการลุกลามเพราะมะเร็งไปทำลายเส้นประสาท หรือการกระจายไปที่ต่อมน้ำเหลือง จนสามารถคลำเป็นก้อนได้ที่ลำคอ การสังเกตมะเร็งช่องปากอาจตรวจพบเพียงรอยปื้นแดงหรือขาวบนเยื่อบุช่องปากโดยไม่มีอาการเจ็บปวด ดังนั้นการมาพบแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติในช่องปากจะช่วยให้สามารถวินิจฉัยได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม  

“โรคมะเร็งช่องปาก” แพทย์จะให้การรักษาด้วยการผ่าตัด หรือการฉายรังสี  หรืออาจใช้ทั้งสองวิธีร่วมกัน ขึ้นอยู่กับระยะของโรค ขนาด ตำแหน่ง ชนิดของมะเร็ง และสุขภาพของผู้ป่วย นอกจากนี้อาจทำเคมีบำบัดในคนไข้บางราย หากตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกเริ่มหรือตั้งแต่เป็นรอยโรคก่อนเป็นมะเร็ง (Precancerous Lesion) และได้รับการรักษา มีโอกาสหายขาดและมีอัตราการรอดชีวิตที่สูงมากกว่าการตรวจพบในระยะลุกลาม นอกจากนี้ โรคมะเร็งช่องปากระยะลุกลามอาจมีผลกระทบต่อการทำงานของอวัยวะในช่องปาก เช่น ปากผิดรูป ส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดปัญหาในการพูด การกลืน ซึ่งจำเป็นต้องใช้การผ่าตัดเพื่อซ่อมแซมการทำงาน และทำกายภาพบำบัดเพื่อคืนการทำงานของอวัยวะในช่องปากร่วมด้วย

ทั้งนี้ การป้องกัน “โรคมะเร็งช่องปาก” ทำได้โดย ลด ละ เลิกการสูบบุหรี่ ดื่มสุราเป็นประจำลง หมั่นดูแลรักษาสุขภาพช่องปากให้แข็งแรง เลือกรับประทานอาหารและผักผลไม้ที่มีประโยชน์ให้สมดุล สิ่งสำคัญคือ ควรพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน เพื่อตรวจค้นหาความเสี่ยงและเฝ้าระวังโรคมะเร็งในช่องปากไปพร้อมๆ กัน…

…………………………..
คอลัมน์ : Healthy Clean