ปัจจุบัน การใช้เงินยูโรครอบคลุมอย่างน้อย 19 ประเทศ ตั้งแต่ไอร์แลนด์ ไปจนถึงเยอรมนี และสโลวาเกีย รวมจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 340 ล้านคน ขณะที่บัลแกเรีย โครเอเชีย และโรมาเนีย เป็นประเทศกลุ่มต่อไปซึ่งจะได้ีรับการยอมรับให้ร่วมใช้เงินยูโร ภายในระยะเวลาอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แม้ประชาชนในประเทศที่กล่าวมาข้างต้น ยังคงมีความเห็นแตกต่างกันเป็นสองกลุ่มอย่างชัดเจน ในการต้องยุติใช้สกุลเงินของตัวเอง แล้วไปใช้เงิน “สกุลกลางของภูมิภาค”

แนวคิดของการใช้เงินยูโรนั้น เริ่มมีมาตั้งแต่เมื่อประมาณ 40 กว่าปีที่แล้ว เพื่อยกระดับการบูรณาการทางเศรษฐกิตระหว่างกลุ่มประเทศในยุโรปด้วยกัน และเป็นไปตามความเชื่อว่า หากทุกประเทศในภูมิภาคใช้สกุลเงินแบบเดียวกัน จะเป็นการเพิ่มความเป็นเอกภาพทางเศรษฐกิจ ให้เงินของยุโรปสามารถคานอำนาจกับเงินดอลลาร์สหรัฐได้

ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบัน ที่เศรษฐกิจโลกตึงตัวอย่างหนัก ด้วยเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบไปทั่่วทุกโครงสร้างของสังคมและเศรษฐกิจ นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป ( อีซีบี ) คนปัจจุบัน ให้ความเห็นเอาไว้ว่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญซึ่งสามารถประคับประคองเศรษฐกิจของยุโรปโดยรวม ให้สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ในสภาวะแบบนี้ คือเงินยูโร และยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า เศรษฐกิจของยุโรปยากที่จะแยกจากกัน แม้ยูโรไม่ได้ถือเป็นเงินสกุลกลางที่ครอบคลุมทุกประเทศในทวีปแห่งนี้ก็ตาม

DW News

ในระยะแรกของการใช้เงินยูโร แน่นอนว่านี่คือความเปลี่ยนแปลงครั้งมโหฬาร จึงมีความวุ่นวายเกิดขึ้นตามมามากมาย เนื่องจากทุกประเทศที่เข้าร่วมล้วนมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ค่าครองชีพในหลายประเทศปรับตัวสูขึ้นโดยปริยาย

อย่างไรก็ตาม ในความเหมือนย่อมีความแตกต่าง และต้องมีความเปลี่ยนแปลง อีซีบีประกาศความพร้อม “ปรับภาพลักษณ์” ของเงินยูโร ทั้งธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ โดยการเผยโฉมใหม่ของเงินยูโรน่าจะเกิดขึ้นภายในปี 2567 โดยลาการ์ดยืนยันว่า ธนบัตรและเหรียญกษาปณ์สกุลเงินยูโร “ต้องมีตัวตน” และหมุนเวียนอย่างยั่งยืนในตลาดต่อไป แม้อีซีบีเริ่มมีแนวคิดของการจัดทำ “สกุลเงินยูโรดิจิทัล” เพื่อให้ทันยุคทันสมัยมากขึ้นด้วย

แน่นอนว่า ดอลลาร์สหรัฐยังคงถือเป็นสกุลเงินที่เป็น “พื้นฐาน” ของโลก มีการใช้งานแพร่หลายที่สุด และนานาประเทศเก็บเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศมากที่สุด แต่การที่เงินยูโรใช้เวลาเพียง 2 ทศวรรษ ในการก้าวขึ้นมาเป็นที่ยอมรับจากประขาคมโลก และเป็นรองเพียงเงินดอลลาร์สหรัฐเท่านั้นในตอนนี้ เป็นข้อพิสูจน์ได้ในระดับหนึ่งแล้วว่า เงินยูโรสามารถตอบสนองต่อความท้าทาย และรักษาความน่าเชื่อถือไว้ได้ตลอดมา.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES