แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้ง หลังเปิดบ้านต้อน เบิร์นลีย์ สบายเท้า 3-1 พร้อมกระโจนขึ้นมารั้งอันดับ 6 ในตารางพรีเมียร์ลีกเรียบร้อย

            เกมนี้ ราล์ฟ รังนิก ตัดสินใจเปลี่ยนผู้เล่น 6 ตำแหน่งเนื่องจากการติดโทษแบนของ บรูโน แฟร์นันด์ส และจากการที่นักเตะหลายคนทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังในเกมเสมอ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด

            รังนิก ยังคงส่งทีมลงสนามในระบบ 4-2-2-2 โดยส่ง เอริก ไบยี ลงมายืนเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟคู่กับ แฮร์รี แม็กไกวร์ แทน ราฟาแอล วาราน

            ส่วนแดนกลางดร็อป เฟร็ด เป็นตัวสำรอง และใช้ เนมานยา มาติช คุมเกมคู่กับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ โดยมี เจดอน ซานโช ลงมาสวมบทหมายเลข 10 คู่กับ เมสัน กรีนวูด แทน แฟร์นันด์ส ขณะที่ เอดินสัน คาวานี ได้ลงมายืนเป็นหัวหอกคู่กับ คริสเตียโน โรนัลโด แทน มาร์คัส แรชฟอร์ด

            กุนซือชาวเยอรมนี ให้สัมภาษณ์ก่อนเกมว่า เขาอยากเห็นลูกทีมเล่นด้วยความมุ่งมั่น และมีพลังมากขึ้น ที่สำคัญต้องพยายามเก็บบอลจังหวะสองให้ได้ หลังจากที่แดนกลางแทบจะเก็บบอลไม่ได้เลยในเกมกับ สาลิกาดง

            ครึ่งแรกนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด ดูจะตอบสนองต่อสิ่งที่ รังนิก ต้องการได้เป็นอย่างดี โดยนักเตะทุกคนพยายามช่วยกันไล่บอล และแย่งบอลกลับมาไว้ในครอบครองได้อย่างรวดเร็ว

            ที่สำคัญพวกเขาสามารถดักเก็บบอลจังหวะสองได้ดีกว่าทีมเยือนที่พยายามจู่โจมด้วยบอลยาวอย่างชัดเจน

            นอกจากนี้เกมรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังดูวูบวาบ และเข้าทำได้รวดเร็วกว่าเกมที่แล้วมากทีเดียว

จากการออกนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 8 จากการส่องไกลของ แม็คโทมิเนย์ ทำให้ อสูรแดง เล่นงา่ยขึ้นเยอะ และมาบวกเพิ่มได้อีก 2 ประตูจากจังหวะที่ ซานโช ที่ซัดบอลไปแฉลบ เบน มี เข้าประตูตัวเอง และจาก คริสเตียโน โรนัลโด ที่ตามซ้ำลูกยิงไกลของ แม็คทอม เข้าไปตุงตาข่าย

ทว่าจากความเฟอะฟะของ ไบยี ที่จับบอลลั่นอย่างน่าเขกกะโหลกทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องสังเวยประตูตีไข่แตกให้กับ เบิร์นลีย์ จากฝีเท้าของ อารอน เลนนอน ในช่วงท้ายครึ่งแรก

            ส่วนครึ่งหลัง แม้จะทำประตูเพิ่มไม่ได้ แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็สามารถคุมเกมเอาไว้ได้หมด และประคองตัวเข้าวินไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

            การส่ง มาติช ลงมาคุมเกมคู่กับ แม็คโทมิเนย์ แทน เฟร็ด ในเกมนี้ ทำให้เกมในแดนกลางของ แมนฯ ยูไนเต็ด ดูมีประสิทธิภาพขึ้นเยอะทีเดียวเพราะ ดาวเตะเซอร์เบีย คุมจังหวะเกมได้ดี และยังออกบอลแม่นกว่า เฟร็ด มาก แม้จะเป็นรองเรื่องความสดก็ตาม

            ขณะที่ในแนวรับ ลุค ชอว์ แสดงให้เห็นแล้วว่า เขายังเหนือกว่า อเล็กซ์ เตลลิส อยู่หลายช่วงตัวไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมรับ หรือ จังหวะดันขึ้นไปเติมเกมรุกที่ดูอันตรายกว่า ดาวเตะแซมบ้า เยอะ

            ส่วนตำแหน่งแบ๊กขวา อารอน วาน บิสซากา ที่ได้โอกาสกลับมาเป็นตัวจริงแทน ดีโอโก ดาโลต์ อีกครั้งนั้น ดูจะสูญเสียความมั่นใจไปพอสมควร และยังคงมีปัญหากับการจ่ายบอลที่ไร้ความแม่นยำเหมือนเดิม

             สำหรับ แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนี้จะเป็นใครไปเสียไม่ได้นอกเสียจาก แม็คโทมิเนย์ ที่ขยันวิ่งลงมาช่วยเกมรับ และเติมเกมรุกไม่หยุด แถมยังมีส่วนกับการได้ประตูถึง 2 ครั้ง

สิ่งที่ ดาวเตะทีมชาติสกอตแลนด์ ทำได้ดีขึ้นอย่างชัดเจนในเกมนี้ก็คือการยิงประตูจากแถว 2 ที่หวังผลได้ และน่าจะเป็นเรื่องดีมาก ๆ หากเจ้าตัวจะสามารถทำแบบนี้ได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่มา ๆ หาย ๆ เหมือนที่ผ่านมา

จากชัยชนะนัดนี้ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บได้ถึง 14 คะแนนจาก 6 นัดหลังในลีก โดยชนะ 4 นัด และเสมอ 2 นัดภายใต้การคุมทัพของ ไมเคิล คาร์ริค และรังนิก มากกว่าที่ โอเล กุนนาร์ โซลชา พา เรด เดวิลส์ เก็บได้ในการคุมทีม 6 นัดสุดท้ายถึง 10 คะแนนเลยทีเดียว และมันก็น่าจะเป็นการส่งสัญญาณว่า พวกเขาน่าจะกำลังเดินมาถูกทางแล้วนั่นเอง.

แท ยอน