ดูอะไรดีขอพาทุกคนไปพบกับหนัง The Matrix ภาคใหม่ ภาพยนตร์แอ็คชั่นไซไฟ The Matrix Resurrections (เดอะ เมทริกซ์ เรเซอเร็คชั่นส์) ซึ่งเข้าฉายห่างจาก 3 ภาคแรกราว ๆ 20 ปี (The Matrix 1999, The Matrix Reloaded 2003, The Matrix Revolutions 2003) ทั้งนี้ เอกลักษณ์ของเรื่องคงไม่พ้น 2 ตัวเอก “คีอานู รีฟส์” ผู้รับบท “นีโอ” ผู้ปลดปล่อย ที่กลับมาคราวนี้ไว้หนวดเคราเหมือนช่วงที่แสดงหนังเรื่อง “จอห์น วิค” ขณะที่ “แคร์รี-แอนน์ มอสส์” ที่กลับมารับบท “ทรินิตี้” มีความเป็นสาวรุ่นใหญ่ สวยสง่า เซ็กซี่ ขณะที่ผู้กำกับยังคงเป็นฝีมือของ “ลาน่า วาชอว์สกี้” ซึ่งมาแค่คนเดียว หลังจาก 3 ภาคก่อนมี “ลิลลี่ วาชอว์สกี” ร่วมกำกับด้วย 

The Matrix Resurrections มีความยาว 2 ชั่วโมง 28 นาที บอกเล่าเรื่องราวหลังเหตุการณ์ในภาค The Matrix Revolutions เมื่อสงครามระหว่างเครื่องจักรและมนุษย์ได้ยุติลง ทุกอย่างสงบสุขด้วยความเสียสละของ “นีโอ” และ “ทรินิตี้” ทำให้มนุษย์ที่เหลือหลบไปสร้างอาณาจักรใหม่ได้สำเร็จ เวลาผ่านไปหลายปีมนุษย์จำนวนมากยังคงกลายเป็นแหล่งพลังงานในการผลิตไฟฟ้าให้ฝ่ายจักรกล ซึ่งความคิดและจิตสำนึกของพวกเขายังคงยึดติดและวนเวียนอยู่ในโลกของ The Matrix ไม่จบสิ้น จนกระทั่งวันหนึ่งมีผู้พบเห็น “นีโอ” และ “ทรินิตี้” อยู่ในเมืองเดียวกันอีก นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของความพยายามที่จะทำให้บุคคลทั้งสองฟื้นคืนความทรงจำ เพื่อกลับมาสร้างความยิ่งใหญ่ในฐานะ “ผู้ปลดปล่อย” อีกครั้ง

จุดเด่นของ The Matrix Resurrections เหมือนพยายามเล่าเรื่องเก่าและใหม่ให้ดูคล้ายกัน เพื่อเอาใจคอหนัง The Matrix รุ่นก่อน เพียงแต่ต้องยอมรับว่าเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป จากหนุ่มหล่อเฟี้ยวกลายเป็นหนุ่มใหญ่ที่มีความเก๋าเกมแทน ทั้งยังเพิ่มลูกเล่นอื่น ๆ ให้ดูหลากหลาย เช่น ฉากการเชื่อมต่อในโลกของ The Matrix แทนที่จะต้องวิ่งไปหาโทรศัพท์เพื่อรับสายจากโอเปอเรเตอร์ ก็กลายเป็นแฮ็คข้อมูลแล้วสร้างประตูเพื่อเชื่อมต่อโลกทั้ง 2 ได้เลย สำหรับฉากที่ติดตาตรึงใจ คงต้องยกให้เมืองจักรกลที่เต็มไปด้วยเจ้าหุ่น “เซนตินัล” ที่คอยดูแลร่างของมนุษย์ในแคปซูลเพื่อนำมาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า กับฉากการโชว์อาณาจักรแห่งใหม่ของเหล่ามนุษยชาติ หรือ “ไอโอ”

อย่างไรก็ตาม The Matrix Resurrections ยังคงเป็นงานที่ดูไม่สมบูรณ์แบบเหมือนภาคก่อน โดยเฉพาะฉากแอ็คชั่นซึ่งเคยเป็นเอกลักษณ์ถึงขนาดถูกใช้เป็นมีมในโลกโซเชียล แต่กลับมาคราวนี้ “นีโอ” ไม่ต่างอะไรกับ “คุณลุง” ที่เอาแต่ปัดป้อง ไม่บู๊แอ๊คชั่นเท่ ๆ เหมือนก่อนแล้ว บทของหนังยังชอบใช้ฉากแฟลชแบ็ค ตอกย้ำเรื่องราวความทรงจำภาคก่อน หรือแม้แต่การนำดาราสมทบคนเก่า ๆ มาช่วยเสริมให้เรื่องราวชวนน่าติดตาม จนเกิดเป็นคำถามที่ว่า

“….ภาพยนตร์เรื่องนี้ ต้องการจะนำเสนอเส้นเรื่องเพื่อสานต่อความสำเร็จจาก 3 ภาคที่แล้ว หรือทำขึ้นมาให้หายคิดถึงภาคเก่า ๆ กันแน่”

ภาณุพงศ์ ส่องสว่าง