เรื่องราวในมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ (มกช.) กลับมาน่าสนใจอีกครั้งหลังจาก “อาจารย์หรั่ง” ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะกรรมาธิการการกีฬาวุฒิสภา ได้หารือในการประชุมสภา เมื่อ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ประเด็นที่มีก็คือ

1.การสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ตาม พรบ.มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ที่ประกาศใช้เมื่อ ปี พ.ศ.2562 ยังไม่จบและยังไม่ได้อธิการบดีคนใหม่ ทำให้คนเก่า ดร.ปริวัฒน์ วรรณกลาง จึงต้องทำหน้าที่อธิการบดีไป (ตาม พรบ.ระบุคือใช้คำว่าอธิการบดีต่อไป ไม่ใช่ใช้คำว่ารักษาการ) จนกว่าจะสรรหาได้และผ่านกระบวนการทุกอย่างแล้วมานั่งแทน

2.การสรรหานายกสภามหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ที่ผ่านขั้นตอนต่าง ๆ แล้ว ได้ตัวแล้วคือ ท่านชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ แต่ก็ปรากฏว่าไม่ได้มีการดำเนินการต่อ จึงก็ยังไม่ได้นายกสภามหาวิทยาลัยคนใหม่ เหมือนกันกับอธิการบดีคนใหม่

3.การสอบวินัยของอธิการบดี ดร.ปริวัฒน์ วรรณกลาง ที่โดนกล่าวหา มีการตั้งประธานสอบเป็นอธิบดีกรมการท่องเที่ยว แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ อีกเช่นกัน

ที่น่ามองและน่าเห็นใจผู้เกี่ยวข้อง หรือมีความน่าสงสัย หรือควรติดตามคือ ทั้งสามประเด็นนี้ทำไมจึงคาราคาซังอยู่อย่างนี้

ในประเด็นที่ 1 การสรรหาอธิการบดีนั้น ตาม พรบ.จะมีปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน ซึ่งเมื่อปีกว่าปลัดโชติ ตราชู ได้ดำเนินการจนได้รายชื่อเสนอสภามหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติแล้ว แต่ปรากฏว่าโดนสภาทักท้วงในบางประเด็น จนทำให้สภาฯไม่ได้รับความกระจ่าง จนบัดนี้ สภาจึงไม่ได้นำรายชื่อที่เสนอมา มาดำเนินการต่อได้ เกมนี้ที่สะดุด อยู่ที่ประเด็นในเรื่องข้อกฎหมาย ข้อบังคับ และกฎระเบียบที่ไม่ชัดเจน ในความถูกต้อง จึงกินเวลาเนิ่นนาน ซึ่งที่จริง ๆ แล้ว พรบ.กำหนดไว้ว่าหากเกิดปัญหานี้ (ที่เป็นช่วงในการใช้บทเฉพาะกาล) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวจะเป็นผู้มีอำนาจในการตีความและวินิจฉัยชี้ขาด…ก็ควรจะงง ว่าทำไมเรื่องนี้โดนแขวนมายาวนานเกินไปไม่มีการแก้ไข

ประเด็นที่ 2 สภามหาวิทยาลัย ดำเนินการคัดเลือกตามกระบวนการที่จะได้มาซึ่งนายกสภามหาวิทยาลัยแล้วปีกว่าๆ แต่ปรากฏว่าการเสนอตามขั้นตอนต่อไปคือให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดำเนินการต่อ แต่ก็ปรากฏว่า ไม่ได้มีการดำเนินการต่อใดๆ ในขั้นตอนของกระทรวง ตามที่ พรบ.ได้ระบุไว้…ปัญหานี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคงจะหนีการถูกตั้งคำถามอีกครั้งว่า มันมีปัญหาตรงที่ใด หรือ ขั้นตอนใดผิดพลาด หรือ คนที่ถูกเลือกมาเป็นนายกสภาฯ ตามที่สภาเสนอกระทรวงมานั้นไม่เหมาะสม หรืออย่างไร

ประเด็นที่ 3 การตั้งข้อกล่าวหา “ผิดวินัยร้ายแรง” ต่ออธิการบดี ดร.ปริวัฒน์ วรรณกลาง ที่มีการตั้งอธิบดีกรมการท่องเที่ยว เป็นประธานสอบนั้นกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีการตั้งจริงมาระยะหนึ่งแล้ว แต่กลุ่มที่ถูกตั้งมาทำหน้าที่ ก็ไม่ได้มีการเรียก เพื่อที่จะให้ผู้ถูกสอบได้ชี้แจง เรื่องนี้เป็นปัญหาที่น่าคิดมาก เพราะการกล่าวหาที่หนัก แต่ไม่มีการเรียกสอบเพื่อให้เกิดความกระจ่างเหมือนแกล้งคนถูกกล่าวหา เพราะไม่มีโอกาสได้ชี้แจงในข้อมูล เอกสาร หลักฐานที่ได้ดำเนินการจนถูกกล่าวหา…ปัญหาเหล่านี้กรรมการสอบชุดนี้ควรถูกตั้งคำถามว่า เพราะอะไร หรือมีเจตนาซื้อเวลาไปเรื่อย ๆ แล้วโยนบาปไว้แก่ผู้ถูกกล่าวหาให้จมอยู่กับ “ความผิด” ที่ถูกโยนให้แล้วไม่ให้สิทธิเขาได้อธิบายใด ๆ ต่อสังคมเลย….อย่างนี้มันถูกต้องหรือ

จริงๆ เรื่องพวกนี้มีการถามถึงกันมาตลอดว่าถึงไหนแต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า ทั้งที่แต่ละประเด็นที่กล่าวมามีกรอบเวลาในการดำเนินการ…

และต่อจากนี้ไป หลังจากที่ “อาจารย์หรั่ง” ได้ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อส่งต่อประเด็นข้อสงสัยนี้ไปให้ ฝ่ายบริหารบ้านเมืองอีกครั้ง ให้ช่วยตอบหรือช่วยหาความกระจ่างแล้ว ในประเด็นต่างๆ ที่ว่ามานี้ จะได้ความกระจ่างขนาดไหน และเมื่อไหร่…โปรดติดตามกันต่อไป