ถือเป็นเรื่องที่สังคมกำลังเฝ้าติดตาม หลังสภาผู้แทนราษฎร ไฟเขียว ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ขึ้นมาพิจารณาศึกษาการเปิด สถานบันเทิงแบบครบวงจร  และ กาสิโนถูกกฎหมาย เพื่อเป็นแหล่งรายได้ใหม่ให้กับประเทศ

นับเป็นการจุดประกาย ทำให้เรื่อง กาสิโนถูกกฎหมาย ในประเทศไทยให้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอีกครั้งว่าจะมีความเป็นจริงได้มากน้อยเพียงใด หลังถกเถียงกันมายาวนานกว่า 20 ปี ปัจจุบันนอกจากเงินหมุนเวียนธุรกิจพนันผิดกฎหมาย จะสูงถึงปีละ 2-3 แสนล้านต่อปีแล้ว ทิศทางธุรกิจสีเทารอบ ๆ ประเทศไทยยังเติบโตต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีเคยมี ส.ส. และนักวิชาการ มีความเห็นสอดคล้องกันสนใจในแนวทาง สิงคโปร์โมเดล ให้ บริษัทข้ามชาติ มืออาชีพมารับสัมปทานทำกาสิโน ซึ่งมีระบบมาตรฐานระดับโลก ที่สำคัญหากรัฐเข้าไปทำเองก็จะเสี่ยงต่อผลประโยชน์และปัญหาต่าง ๆ

ผศ.ดร.รัตพงษ์ สอนสุภาพ

ทำเลที่ตั้งสำคัญ! ดึงดูดคนได้ทั่วโลก

ทีมข่าว 1/4 Special Report ยังคงพูดคุยต่อกับ ผศ.ดร.รัตพงษ์ สอนสุภาพ รองคณบดี วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต ซึ่งได้เคยทำโครงการวิจัยของ ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน เรื่อง บ่อนการพนันตามแนวชายแดน : ผลกระทบและแนวทางการจัดการ ได้มีมุมมองถึงหากในอนาคตมีการเกิดขึ้นจริง ๆ ของกาสิโนในประเทศไทยนั้น ไม่ควรมองแค่เป็นสถานที่สำหรับเล่นการพนันอย่างเดียว แต่อยากให้มองตัวอย่างของ “สิงคโปร์โมเดล” แบ่งพื้นที่เพียง 5 เปอร์เซ็นต์ใช้เป็นกาสิโน ส่วนอีก 95 เปอร์เซ็นต์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อน เช่น โรงแรม, สถานที่บันเทิง, พิพิธภัณฑ์, ห้างสรรพสินค้า โดยสิ่งนี้จะช่วยลดภาพลักษณ์บ่อนพนันกาสิโน ที่หลายคนมองว่าเป็นอบายมุข ซึ่งจริง ๆ แล้วในพื้นที่นั้นเป็นศูนย์รวมของนักท่องเที่ยว รูปแบบ สถานบันเทิงแบบครบวงจร 

ที่ผ่านมามีการศึกษาเกี่ยวกับการจัดรูปแบบกาสิโนแบบใหม่ มีรายงานว่า การจัดการตามรูปแบบสิงคโปร์โมเดล จะสร้างมูลค่าและเม็ดเงินด้านการท่องเที่ยวได้มากกว่าการที่จะเปิดให้เป็นกาสิโนเพื่อเล่นพนันกันอย่างเดียว เพราะอย่าลืมว่า เมื่อมีรายได้มากขึ้น เราจะมีเงินที่ปันผลสู่กิจกรรมเพื่อสังคมมากขึ้นด้วย

อย่างไรก็ดีการจะทำให้เป็นแบบสิงคโปร์โมเดล ต้องใช้เงินลงทุนสูง ดังนั้นจะต้องดึงดูด นักลงทุนต่างชาติ ให้เข้ามาลงทุน เมื่อ 10 ปีก่อน ก็เคยมีพิมพ์เขียวยื่นเสนอให้หน่วยงานรัฐพิจารณา โดยตอนนั้นมีแผนเงินลงทุนประมาณ 2 หมื่นล้านบาท แต่แผนพัฒนาก็ถูกต่อต้าน จนไม่สามารถดำเนินการต่อได้ ถ้ามาลองคิดดู หากมีหลายแหล่งทุนมาร่วมพัฒนาพื้นที่นี้ขึ้น จะทำให้แผนพัฒนานี้เป็นจริงได้ โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนของภาครัฐ เพราะโดยหลักแล้วพื้นที่ที่จะสร้างกาสิโนรูปแบบใหม่ ควรจะรองรับนักท่องเที่ยวทุกรูปแบบได้ ต้องเชื่อมโยงกันในระบบขนส่ง ตัวอย่างเช่น ประเทศเกาหลีใต้ ตั้งกาสิโนใกล้กับสนามบินอินชอน บนเกาะยางจอง เมืองอินชอน อยู่ทางตะวันตกของกรุงโซล ถ้าเราส่งเสริมเพื่อสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว สถานที่ตั้งจึงเป็นเรื่องสำคัญ แต่ถ้ามองแค่ว่าให้มีแล้วไปหาพื้นที่ห่างไกลตั้งกาสิโนก็อาจไม่ตอบโจทย์

กาสิโนอาจเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยว เพราะประเทศเรามีทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ และอื่น ๆ อีกมากมาย นักท่องเที่ยวบางคนอาจไปเที่ยวทะเลเสร็จแล้ว ก่อนจะกลับอาจแวะเข้าไปกาสิโน ก่อนจะขึ้นเครื่อง เพราะจากสถิติพบว่า คนจีนมีการใช้เงินในกาสิโน มากกว่านักท่องเที่ยวจากยุโรป ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจ

เปิดประสบการณ์ใหม่ให้นักท่องเที่ยว

       ผศ.ดร.รัตพงษ์ วิเคราะห์ว่า แม้หลายคนมองว่ายุคปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวไกล คนเริ่มหันมาเล่นในกาสิโนแบบออนไลน์มากขึ้น การจะเปิดกาสิโนที่เป็นรูปแบบออนไซต์ จึงอาจจะเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าในอนาคต แต่ถ้ามองในความเป็นจริงแล้วก็ยังมีนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะมาท่องเที่ยวแล้วยังได้เล่นพนันในกาสิโนตามรูปแบบเดิมอยู่ แม้ตลาดออนไลน์จะโต แต่สิ่งสำคัญของการทำกาสิโนคือ จะต้องสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับนักท่องเที่ยว ได้เกิดความประทับใจที่ได้มาเยือนแล้วอยากจะกลับมาเที่ยวใหม่ บ้างครั้งต้องยอมรับว่า การพนันเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์ การที่จะทำให้ทุกคนอยู่ในโลกอุดมคติทั้งหมดจึงเป็นเรื่องที่ยาก เพียงแต่ว่าจะทำเช่นไรในการควบคุมจัดการสิ่งที่อาจเป็นปัญหาให้เป็นระบบลงตัวที่สุด

หากมีการตั้งกาสิโน สิ่งที่สำคัญจะช่วยสร้างตลาดใหม่ ๆ ด้านการท่องเที่ยวให้กับแรงงานไทย เพราะต่อให้ใช้บริษัทข้ามชาติเข้ามา  บริหาร แต่ก็ยังจำเป็นจะต้องใช้แรงงานในพื้นที่ ซึ่งแรงงานไทยค่อนข้างมีประสบการณ์ได้รับการยอมรับในด้านการบริการจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างได้เปรียบ แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องทำระหว่างพิจารณาเรื่องนี้คือ จะต้องทำให้มีความโปร่งใส ให้ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเข้ามามีส่วนร่วม เปิดเผยข้อมูลในการพิจารณาในขั้นตอนต่าง ๆ ให้ประชาชนทราบ โดยเฉพาะในขั้นตอนการประมูลว่า แต่ละบริษัทมีข้อเสนออย่างไรให้กับรัฐบาลไทย

ข้อมูลจาก ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า แม้สิงคโปร์เพิ่งอนุญาตให้มีกาสิโนมาประมาณ 10 ปี แต่ได้เพิ่มตัวเลขให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศอย่างมาก โดย 2 บริษัทที่ได้รับอนุญาตให้ลงทุน ได้แก่ Las Vegas Sands จากสหรัฐอเมริกา และ Genting International จากมาเลเซีย แต่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 กาสิโนยังคงเปิดให้บริการได้ทั้ง 2 แห่ง ทั้ง Marina Bay Sands กับ Resorts World Sentosa โดยนำเอามาตรการคัดกรองเข้มข้นมาใช้ นักเสี่ยงโชคต้องใส่หน้ากากอนามัยและตรวจอุณหภูมิทุกครั้งก่อนเข้า-ออก จำกัดผู้เล่นต่อโต๊ะไม่เกิน 10 คน ในอีกด้าน ผู้ประกอบการก็ต้องลดต้นทุนประคองธุรกิจในยามที่รายได้หดหาย ดังเช่น เครือ Genting Singapore ลดเงินเดือนผู้บริหารอาวุโส และเจ้าหน้าที่ระดับบริหาร

สิงคโปร์ถอดบทเรียนปัญหาก่อนเปิด

โดยในช่วงเริ่มต้นก่อสร้างกาสิโน รัฐบาลสิงคโปร์ ดำเนินกระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ในช่วงปี 2009-2010 ได้อนุญาตให้เปิดบ่อนการพนันอย่างถูกกฎหมาย 2 แห่ง คือ เซนโทซ่า (Sentosa) และมารีนาเบย์ (Marina Bay) โดยใช้เงินลงทุนเบื้องต้น 5,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หาก มองในแง่ผลประโยชน์ รัฐบาลคาดหวังว่าโครงการนี้จะก่อให้เกิดการจ้างงาน 35,000 อัตรา มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 15,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปี และผลอันเกิดจากการทำงานจะทำให้ภาคเศรษฐกิจอื่น ๆ ขยายตัวตามไปด้วย เช่น โรงแรม สายการบิน ค้าปลีก ห้องพัก และเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ ภาพรวมนี้จะส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มขึ้น

แต่ถ้า มองในแง่ผลกระทบ การเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย อาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ รวมทั้งอาจนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ ทางสังคม ได้แก่ ความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เป็นเหตุให้ปัญหาการคอร์รัปชั่นเพิ่มขึ้น และอาจส่งผลในแง่ประสิทธิภาพในการบริหารงานของรัฐบาล โดยข้อกังวลอีกประการหนึ่งสำหรับการเปิดกาสิโนคือ ปัญหาการเสพติดการพนัน จะนำไปสู่ปัญหาอื่นตามมา ได้แก่ ปัญหาครอบครัว ปัญหาอาชญากรรม และปัญหาหนี้สิน

รัฐบาลสิงคโปร์ตระหนักถึงผลกระทบทางสังคม จึงได้ ถอดบทเรียนและประสบการณ์ของเมืองหรือประเทศที่ได้มีการอนุญาตให้เปิดบ่อนการพนันอย่างถูกกฎหมาย มาเป็นกรณีตัวอย่าง จากนั้นจึงได้ออกมาตรการทางสังคม กฎระเบียบในการเข้าไปเล่นการพนันในบ่อนกาสิโนอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะชาวสิงคโปร์ และคนที่มีถิ่นพำนักอยู่ถาวรในสิงคโปร์ จะต้องเสียค่าใช้จ่าย 100 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อ 24 ชั่วโมง และ 2,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปี ส่วนชาวต่างชาติสามารถเข้าได้ฟรี ทั้งนี้ผู้เข้าไปเล่นจะต้องมีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป การเข้าไปใช้บริการในแต่ละครั้งจะต้องแสดงหลักฐานตัวตนอย่างชัดเจน เช่น บัตรประชาชน, ใบขับขี่, ส่วนชาวต่างชาติก็แสดงหลักฐาน เช่น หนังสือเดินทาง

ทั้งนี้ มีการประเมินว่า สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตในธุรกิจนี้รวดเร็วมาก ในปี 2010 เป็นปีแรกที่เปิดบ่อนกาสิโน สิงคโปร์ มีส่วนแบ่งตลาดถึงร้อยละ 8.2 มูลค่า 2,827 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นรองจาก มาเก๊า และออสเตรเลียเท่านั้น ถือเป็นอัตราที่สูงกว่า ตลาดเก่าที่เปิดให้บริการอยู่แล้วทั้งเกาหลีใต้, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, นิวซีแลนด์ และเวียดนาม

ในส่วนอนาคต จะเปิดกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย ทำได้จริงหรือไม่ ถือเป็นเรื่องน่าติดตามอย่างยิ่ง!!.