กรณีที่เกิดขึ้นกับเผิง ฉ่วย ซูเปอร์สตาร์นักเทนนิสชื่อดังชาวจีน และผลกระทบที่เกิดขึ้นตามมา ทำให้ประเด็นเกี่ยวกับกลไกการเซ็นเซอร์ของจีน ความลับและปริศนาที่อยู่รายล้อมคณะผู้ปกครองสูงสุดของประเทศ กลับมาเป็นที่จับตาและสนใจของชาวโลกอีกครั้ง ในช่วงที่อีกไม่นาน กรุงปักกิ่งจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว ที่กรุงปักกิ่ง ในเดือนก.พ. 2565
เผิง ฉ่วย วัย 35 ปี ออกมายอมรับต่อสาธารณชน ว่าเธอเคยมีความสัมพันธ์ทางเพศทั้งแบบสมยอมและไม่เต็มใจ กับนายจาง เกาลี่ อดีตรองนายกรัฐมนตรี วัย 75 ปี ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน “บุคคลวงใน” ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง และอดีตประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน หลังจากนั้น เผิง ฉ่วย หายตัวไปนานหลายสัปดาห์ ทำให้หลายฝ่ายเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานภาพของเธอ ในขณะที่จีนแทบไม่มีปฏิกิริยาใด ทั้งที่ผู้ถูกกล่าวหายังคงมีสถานะเป็นหนึ่งในสมาชิกระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์
ในขณะที่ปฏิกิริยาของทั่วโลกเป็นไปในทางเดียวกัน นั่นคือการต้องการหลักฐานเชิงประจักษ์ที่สามารพิสูจน์ความปลอดภัยของเผิง ฉ่วย แต่การเคลื่อนไหวของทุกฝ่ายเป็นไปค่อนช้างชัดเจน นั่นคือ “กล้า ๆ กลัว ๆ” อย่างไรก็ตาม รัฐบาลปักกิ่งไม่อาจปฏิเสธได้อย่างเต็มปากเช่นกัน ว่าข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นสั่นสะเทือนไปจนถึงยอดพีระมิดของพรรคคอมมิวนิสต์ และเรื่องนี้จะยังคงเป็นที่พูดถึงเป็นระยะ ไปจนถึงการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว และอาจยาวต่อเนื่องไปจนถึงเอเชียนเกมส์ ที่เมืองหางโจว ซึ่งมีกำหนดจัดในเดือนก.ย.ปีหน้าเช่นกัน
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า “กำแพงไซเบอร์” ของจีน มีความเข้มงวดมากเพียงใด เพียงไม่นานหลังเผิง ฉ่วย เปิดเผยเรื่องราวที่เก็บเป็นความลับมานาน ระบบเซ็นเซอร์ของรัฐบาลปักกิ่งปิดกั้นการเข้าถึงคำค้นหาทุกรูปแบบ เกี่ยวกับเผิง ฉ่วย บนเว่ยป๋อ หนึ่งในเครือข่ายสังคมออนไลน์ใหญ่ที่สุดของประเทศ การพูดถึงเรื่องนี้โดยตรงถูกปิดกั้นบนสื่อทุกแขนง ส่งผลให้ประชาชนที่พอจะทราบเรื่องนี้ ต้องหาคำอื่นมาเลี่ยง เพื่อสนทนากันในกลุ่ม ที่ยังคงต้องไม่โจ่งแจ้งมากจนเกินไป
“ทุกคนต้องการให้สังคมรับรู้แต่เรื่องราวที่ดีของตัวเอง” ไม่ว่าใครก็เป็นเช่นนั้น จีนก็แบบเดียวกัน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลปักกิ่งขับเคลื่อนนโยบายทางการทูตแบบ “อำนาจอ่อน” หรือ “ซอฟต์พาวเวอร์” ผ่านการเผยแพร่ทางศิลปวัฒนธรรม กีฬา และดนตรี กรณีของเผิง ฉ่วย เรียกได้ว่าสั่นคลอนภาพพจน์ของจีนในเรื่องนี้อย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น การที่เธอเป็นนักกีฬามีชื่อเสียงระดับโลก กรณีอื้อฉาวที่เกิดขึ้นจึงได้รับความสนใจ “มากเป็นพิเศษ” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกตะวันตก ที่จ้องจับผิดเรื่องสิทธิมนุษยชนในจีนมาตลอด ตั้งแต่เรื่องซินเจียง ไปจนถึงฮ่องกง
นายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า “บุคคลบางกลุ่มไม่ควรเล่นการเมืองกับเรื่องของเผิง ฉ่วย” ในเวลาเดียวกับที่สหรัฐและพันธมิตรตะวันตกส่งสัญญาณชัดเจนมากขึ้น ว่ากำลังพิจารณา “มาตรการบอยคอตทางการทูต” ต่อโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งหมายความว่า จะไม่มีการส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขัน
อย่างไรก็ตาม การหายตัวไปของบุคคลหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงในสังคมจีน “เป็นเวลานานระยะหนึ่ง” แล้วกลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง “ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ไม่ใช่เรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศแห่งนี้ แจ็ค หม่า หายหน้าไปนานหลายเดือนหลังวิจารณ์นโยบายการเงินของพรรคคอมมิวนิสต์ แล้วกลับมาปรากฏตัว ด้วยการให้คำมั่นสนับสนุนนโยบายขจัดความยากไร้ของประชาชน ฟ่าน ปิงปิง หายหน้าไปนานเกือบครึ่งปี แล้วเริ่มมีข่าวคราวด้านบันเทิงบ้าง เมื่อรัฐบาลจีนประกาศว่า ซูเปอร์สตาร์สาวจ่ายค่าปรับมหาศาลแล้ว ฐานหลบเลี่ยงภาษี
กรณีของเผิง ฉ่วย ยังคงมีคำถามคลุมเครืออีกมากมาย แต่เป็นไปได้น้อยมาก ที่ทุกฝ่ายจะได้รับคำตอบน่าพึงพอใจในเรื่องนี้ “คู่กรณี” ของฝ่ายหญิงไม่เคยออกมาให้ความเห็นใด การปรากฏตัวต่อสาธารณชนครั้งล่าสุด คือเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา บ่งชี้ว่ากำลังอยู่ภายใต้การคุ้มครองของพรรค ที่ตอนนี้ภาพลักษณ์กำลังถูกสั่นคลอนอย่างหนัก
อนึ่ง ย้อนกลับไปเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ศาลประชาชนเขตไห่เตียน ในกรุงปักกิ่ง มีคำสั่งชั้นไต่สวน ว่าการที่โจทก์คือ “น.ส.โจว” ยื่นฟ้อง “นายจู” เป็นจำเลย ในความผิดฐานล่วงละเมิดทางเพศนั้น “ไม่มีหลักฐานเพียงพอ” ศาลจึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลไม่ได้ระบุชื่อจริงและนามสกุลจริงของโจทก์และจำเลย แต่ย้อนกลับไปเมื่อปี 2561 มีการเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผยในแบบที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสังคมจีน นั่นคือการที่น.ส.โจว เสี่ยวซวน ปัจจุบันอายุ 28 ปี โพสต์เรื่องราวบนบัญชีสังคมออนไลน์ ว่าในสมัยที่เธอฝึกงานอยู่ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กลาง ( ซีซีทีวี ) เมื่อปี 2557 เธอตกเป็นเหยื่อของการล่วงละเมิดทางเพศ โดยนายจู จุน หนึ่งในผู้ดำเนินรายการและนักแสดงรุ่นใหญ่ชื่อดังระดับประเทศ
น.ส.โจวยืนยันว่า เธอจะอุทธรณ์คดีนี้ให้ถึงที่สุด เพื่อเป็นตัวอย่างและให้เป็นกรณีศึกษา ส่วนฝ่ายจำเลยยังไม่มีความเคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการ บริบทของกรณีที่เกิดขึ้นกับน.ส.โจว ค่อนข้างคล้ายคลึงกับเรื่องของ เผิง ฉ่วย และน่าจะช่วยผลักดันให้กระแส #Metoo ( มีทู ) กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งในสังคมจีน แม้อาจไม่สามารถผลักดันในมากนักในตอนนี้ก็ตาม.
ภัทราพร ไพบูลย์ศิลป
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES