ขึ้นแท่นอีกหนึ่งซีรี่ส์ที่เรียกความสนใจ และกำลังได้รับการพูดถึงอย่างมากในตอนนี้ สำหรับ “ทัณฑ์นรก (Hellbound)” ซีรีส์ใหม่จาก “เน็ตฟลิกซ์ (Netflix)”  ที่ร้อนแรงจนครองอันดับ 1 ของการจัดอันดับรายการทีวียอดนิยมบน “เน็ตฟลิกซ์” จากกลุ่มผู้ชมทั่วโลก หลังจากฉายได้เพียงแค่ 1 วัน โดยสร้างมาจากเว็บตูนเรื่อง “The Hellbound” เขียนโดย ยอนซังโฮ และ ชเวคยูซอก ผลงานผู้กำกับมากฝีมือ ยอนซังโฮ ที่พาหนังซอมบี้เกาหลี อย่าง “Train to Busan” รวมถึง “Peninsula” ไปประสบความสำเร็จมาแล้วทั่วโลก ซึ่งครั้งนี้ ยอนซังโฮ ได้เชื้อเชิญแฟน ๆ เข้าสู่โลกทัศน์ใบใหม่ของเขาอีกครั้ง กับการเรื่องราวที่เต็มไปด้วยปรัชญา พาทุกคนไปสำรวจรอยแยกของความเชื่อ พร้อมตั้งคำถาม ที่ถูกนำเสนอผ่านซีรี่ส์แนวระทึกขวัญ แฟนตาซี ถ่ายทอดบทบาทโดยกองทัพนักแสดงมากฝีมือคับคั่ง

สำหรับ “ทัณฑ์นรก (Hellbound)” เล่าถึงเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ เมื่อมีผู้คนได้รับคำประกาศิต ทำนายวันตาย จากนั้นอสุรกายลึกลับก็ปรากฏกายขึ้นมาอย่างไม่มีที่มา เพื่อไล่ล่าลงทัณฑ์ และส่งคนนั้นลงนรกตรงตามคำทำนายดังกล่าว ในยามที่โลกเผชิญหน้ากับความโกลาหลที่หาคำตอบไม่ได้นี้ ได้เปิดทางให้ “กลุ่มสัจธรรมใหม่” ลัทธิเทียมเท็จออกมามีอำนาจในการชักจูงความคิดของผู้คน ทำตัวเป็นองค์กรศาสนา มีประธาน “จองจินซู” (ยูอาอิน) เป็นผู้นำกลุ่มนี้ พร้อมด้วยสาวกมากมายที่คลั่งไคล้บูชา โดยลัทธินี้ได้บิดเบือนพระลักษณะอันเปี่ยมล้นด้วยความรักและเมตตาของพระเจ้า และแอบอ้างว่าเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่มีสิ่งมีชีวิตปริศนาจากขุมนรกขึ้นมาทำร้ายมนุษย์นั้น เป็นสารจากสวรรค์ที่ลงทัณฑ์ต่อเหล่าคนบาป ทั้งที่ในพระคัมภีร์ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่าพระเจ้าทรงให้อภัยคนบาปทุกคนที่กลับใจมาหาพระองค์ ซึ่งการออกมากล่าวอ้างของ “กลุ่มสัจธรรมใหม่” เช่นนั้น ทำให้เกิดความขัดแย้งกันระหว่างกลุ่มสัจธรรมใหม่และกลุ่มผู้แสวงหาความจริง ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวลึกลับที่เกิดขึ้นนี้ตามเหตุผลและกฎหมาย ก่อนตามมาด้วยความวุ่นวายและการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างกลุ่มผู้ที่ถูกประณามว่าเป็นคนบาป และผู้คนที่สรรเสริญกลุ่มสัจธรรมใหม่อย่างงมงายบ้าคลั่ง

ซึ่งภายใต้เรื่องราวสยองขวัญ แฟนตาซีนี้ ก็ได้สะท้อนข้อคิดที่หลากหลายให้ผู้คนได้ขบคิดและถกเถียง โดยเฉพาะแนวคิด “การบูชาบุคคล” จนหลงลืมความถูกต้อง ผิดชอบชั่วดี รวมถึงความเป็นมนุษย์และจริยธรรมที่พึงมี พร้อมวิพากษ์สังคมที่เต็มไปด้วยการสร้างมายาคติเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว และยังชวนให้ทบทวนในความเชื่อของตัวเองด้วย

ล่าสุด “ฮาอึน” ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานแถลงข่าวออนไลน์ส่งตรงจากเกาหลี พร้อมสัมภาษณ์ ยอนซังโฮ ผู้กำกับ และเหล่านักแสดงนำ ทั้ง ยูอาอิน รับบท “จองจินซู”ประธานกลุ่มสัจธรรมใหม่ , คิมฮยอนจู รับบท “ทนายความมินฮเยจิน” , พัคจองมิน รับบท “แบยองแจ” โปรดิวเซอร์รายการสารคดี, วอนจินอา รับบท “ซงโซฮยอน” ภรรยาของ “แบยองแจ” และ ยังอิกจุน รับบท “ชินคยองฮุน” ตำรวจสายสืบ โดยพวกเขาได้มาบอกเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของซีรี่ส์  รวมถึงความประทับใจในการทำงานในครั้งนี้ นำมาฝากแฟน ๆ แบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟด้วย

 Q : “ทัณฑ์นรก (Hellbound)” เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร?

ผู้กำกับยอนซังโฮ : ‘ทัณฑ์นรก’ เป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้น ณ ใจกลางเมืองกรุงโซล เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความอลหม่านให้กับสังคม และเผยให้เห็นถึงความขัดแย้งของกลุ่มคนที่มีความเชื่อแตกต่างกันครับ เป็นผลงานที่สร้างจากเว็บตูนที่ผมและเพื่อนสนิทได้เขียนร่วมกันครับ

Q : ทำไมจึงตัดสินใจนำผลงานเว็บตูน “Hellbound” มาทำเป็นผลงานซีรีส์แบบไลฟ์ แอคชั่น และอะไรที่ทำให้ “ทัณฑ์นรก (Hellbound)” มีความน่าสนใจ?

ผู้กำกับยอนซังโฮ : ตอนที่เริ่มโปรเจกต์กับเพื่อนนักวาดการ์ตูน ผมแค่อยากจะสร้างสิ่งใหม่ที่สนุกและน่าสนใจ ทาง เน็ตฟลิกซ์ชื่นชอบผลงานฉบับเว็บตูน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่อง อารมณ์และโทนของเรื่อง หรือแมสเสจที่ต้องการสื่อ ทำให้ได้มีโอกาสได้สร้างเป็นเวอร์ชั่นซีรีส์ขึ้นมาครับ

Q : หลักเกณฑ์ในการเลือกนักแสดงของผู้กำกับคืออะไร?

ผู้กำกับยอนซังโฮ : ผมเลือกและยื่นข้อเสนอให้แก่นักแสดงที่ผมคิดว่าเหมาะสมกับตัวละครนั้นมากที่สุด โชคดีที่คราวนี้นักแสดงทุกท่านตอบตกลงที่จะร่วมแสดงครับ

Q : ความประทับใจแรกที่มีต่อ “ทัณฑ์นรก (Hellbound)” และเหตุผลที่ดึงดูดให้ร่วมผลงานเรื่องนี้?

ยูอาอิน : อย่างแรกเลยคือชื่อเรื่องที่รุนแรงมากครับ เคยเห็นผลงานหลายเรื่องที่มีคอนเซ็ปต์เกี่ยวกับนรก แต่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับผลงานที่ใช้ชื่อ “ทัณฑ์นรก” อย่างตรงไปตรงมา เลยชวนให้สนใจอยากรู้ครับ อีกอย่างคืออยากลองเข้าไปในโลกทัศน์ของผู้กำกับยอนซังโฮครับ

คิมฮยอนจู : ฉันเองก็คิดว่า คำว่า ‘ทัณฑ์นรก’ มีพลังและเป็นแรงดึงดูดได้ดีทีเดียว ตอนที่ได้อ่านฉบับเว็บตูน รู้สึกว่าสีหน้าและการแสดงท่าทางของตัวละครดูสมจริงมาก ทำให้รู้สึกประทับใจมากและถือว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับนักแสดงที่จะถ่ายทอดสิ่งเหล่านั้นออกมา และทำให้อยากเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์เรื่องนี้ค่ะ

พัคจองมิน :  ผมมีโอกาสอ่านเวอร์ชั่นเว็บตูนก่อนครับ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติก็จริง แต่ก็ทำให้ฉุกคิดว่าเหตุการณ์เหนือธรรมชาติเหล่านี้มันมีผลกระทบกับชีวิตจริงของพวกเราหรือเปล่า สำหรับผมแล้วค่อนข้างใกล้เคียงกับความเป็นจริง รู้สึกดีใจที่ผลงานถูกนำมาสร้างเป็นซีรีส์  มีซีรีส์มากมายที่ถูกดัดแปลงและสร้างมาจากเว็บตูน แต่ผมว่านี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่คนที่เขียนเว็บตูน นำผลงานของตัวเองมาสร้างเป็นซีรีส์ รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มีส่วนร่วมในผลงานชิ้นนี้มากครับ

วอนจินอา : ตอนได้อ่านหนังสือการ์ตูน ฉันทึ่งมากที่เหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้น มันช่างสมจริงเหลือเกินค่ะ นั่นถือเป็นเสน่ห์ของเรื่องอย่างหนึ่ง อีกอย่างการที่ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบใหม่ของผู้กำกับยองซังโฮ ถือเป็นเกียรติและเป็นโอกาสที่ดี และยังได้ร่วมงานกับรุ่นพี่และเพื่อน ๆ นักแสดงที่ชื่นชอบด้วย เป็นประสบการณ์ที่สนุกมากค่ะ

ยังอิกจุน : ผมสงสัยว่าโลกแห่งทัณฑ์นรกจะออกมาเป็นรูปแบบไหน ตัวจริงผมยังไม่มีครอบครัว แต่ต้องมารับบทเป็นพ่อคน การที่ต้องปกป้องครอบครัวในภาวะที่ต้องเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิด จะต้องแสดงและสื่อสารออกมายังไง ถือเป็นการท้าทายสำหรับผมครับ ผมเคยมีโอกาสได้ร่วมงานพากย์เสียงในอนิเมชั่นของผู้กำกับยอนซังโฮ มุมมองและโลกทัศน์ของเขาสร้างสรรค์และแปลกใหม่มาก ทำให้อยากลองร่วมงานกับเขาอีก และคิดว่าน่าจะเป็นอีกหนึ่งผลงานที่ได้รับการตอบรับอย่างดีครับ

Q : แนะนำบทบาทของแต่ละคนในเรื่องนี้หน่อย?

ยูอาอิน : ผมรับบทเป็น ‘จองจินซู’ ครับ เป็นตัวละครที่ไม่ใช่ผู้นำกลุ่มลัทธิทางศาสนาทั่วไป แต่เรียกว่าเป็นบุคคลที่ศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติ และแสดงการสาธิตลงทัณฑ์จากเทวทูตนรก เพื่อโน้มน้าวให้ผู้คนดำเนินชีวิตอย่างมีสัจธรรมมากขึ้น ส่วนการเข้าถึงบทบาท คือตอนการถ่ายทำผมไม่ได้กังวลอะไรมาก เพราะตัวบทและเนื้อเรื่องถูกเรียบเรียงมาดีอยู่แล้ว แค่คอยแลกเปลี่ยนกับผู้กำกับเกี่ยวกับทิศทางของตัวละคร ในส่วนของตัวผมเอง ก็โฟกัสว่า ณ ฉากนั้นตัวละครควรแสดงท่าทีอย่างไร ร่วมกับการแนะนำของผู้กำกับระหว่างถ่ายทำ ทำให้ออกมาเป็นธรรมชาติครับ

พัคจองมิน : ผมรับบท ‘แบยองเจ’ เป็นคนธรรมดา ที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย เป็นพ่อของลูก และสามีที่ทุ่มเทเพื่อครอบครัวครับ เมื่อคนในครอบครัวประสบอุบัติเหตุ ทำให้เข้าไปมีส่วนและรู้สึกขัดแย้งต่อลัทธิความเชื่อที่ ‘จองจินซู’ สร้างขึ้นครับ

วอนจินอา : ฉันรับบท ‘ซงโซฮยอน’ เป็นภรรยาของ ‘แบยองแจ’ เป็นตัวละครที่ประสบกับความสับสน และเป็นตัวละครที่แสดงให้เห็นการแสดงออกที่หลากหลายตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เป็นคนที่พบกับความทุกข์ที่แสนสาหัสและสิ้นหวังค่ะ

ยังอิกจุน : ผมรับบท ‘จินคยองฮุน’ เป็นตัวละครที่หมดกำลังแรงและกำลังใจในการดำเนินชีวิต เพราะคนที่รักได้จากโลกไป ทำให้เขาต้องดำเนินชีวิตต่อไปด้วยความโศกเศร้า ในขณะที่มีเหตุการณ์แปลกๆ ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เขาต้องไขข้อสงสัยจากเหตุการณ์ที่สร้างความสะพรึงกลัวให้แก่สังคมในฐานะตำรวจนักสืบ

คิมฮยอนจู : ฉันรับบทเป็นทนายความชื่อ ‘มินฮเยจิน’ ค่ะ ตัวละครของฉันนั้นขัดแย้งกับ ‘จองจินซู’ เป็นตัวละครที่เชื่อมั่นในความยุติธรรม

Q : ทำไมถึงเลือก “คิมฮยอนจู” มารับบท “มินฮเยจิน” ? 

ผู้กำกับยอนซังโฮ : จองจินซูเป็นตัวละครที่ลึกลับใช่มั้ยครับ ผมว่าการแสดงบทลึกลับเป็นเรื่องที่ยากมาก ยิ่งทำให้ดูลึกลับบางทีกลับยิ่งทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ แต่คุณยูอาอินแสดง ไม่ใช่แค่ตัวละครลึกลับตัวหนึ่งในภาพยนตร์ แต่เขาแสดงออกมาเหมือนเป็นคนลึกลับจริง ๆ ส่วนมินฮเยจินเป็นตัวละครที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง มีคุณลักษณะที่ ‘จองจินซู’ ไม่มี ซึ่งผมคิดว่าสิ่งเหล่านั้นต้องเป็นสิ่งที่แทรกซึมอยู่ในตัวอยู่บ้างแล้ว ในฐานะที่เป็นแฟนติดตามผลงานของคุณคิมฮยอนจูมานาน ด้วยประสบการณ์การแสดงของเธอ ผมคิดว่ามันสามารถสร้างรากฐานที่ดีให้กับตัวละครมินฮเยจินได้อย่างดีครับ

Q :  แต่ละคนรู้สึกอย่างไรที่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับ “ยอนซังโฮ” หนึ่งในผู้กำกับผลงานแนวทริลเลอร์ที่เก่งที่สุดของเกาหลี?

ยูอาอิน : เป็นเกียรติและเป็นประสบการณ์ที่สนุกมากที่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับยอนครับ ผมคาดหวังและจินตนาการตั้งแต่ก่อนได้พบกับผู้กำกับแล้ว ว่าผู้กำกับยอนซังโฮจะสื่อโลกของทัณฑ์นรก ที่ดูเหมือนเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติแต่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงออกมาได้สร้างสรรค์เพียงใด

คิมฮยอนจู : ตอนที่เห็นผลงานชิ้นก่อนๆ ของผู้กำกับ ฉันรู้สึกได้ว่าเขามีโลกทัศน์และมุมมองของตัวเองที่ชัดเจนและสร้างสรรค์มาก ก่อนหน้านี้ฉันค่อนข้างมีอคติ เพราะคิดว่าคนที่มีความคิดสร้างสรรค์และสร้างผลงานที่เป็นเอกลักษณ์น่าจะเป็นคนที่ไม่ค่อยรับฟังความเห็นของคนอื่น พอได้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเขา ฉันก็ยิ่งอคติมากกว่าเดิมเมื่อได้เห็นรูปของเขา(หัวเราะ) แต่หลังจากได้ร่วมงานและพูดคุยกับเขา ฉันค้นพบว่าตัวจริงของเขาเป็นคนตลกและเป็นผู้กำกับที่มีความคิดสร้างสรรค์มาก

ยังอิกจุน : ถึงแม้เนื้อเรื่องจะหนักและรุนแรงไปบ้าง แต่บรรยากาศการถ่ายทำไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย ผู้กำกับคอยสร้างบรรยากาศระหว่างการถ่ายทำให้สนุกครื้นเครงตลอด ต่อให้บทบาทของนักแสดงทุกคนจะตึงเครียดแค่ไหน แต่เราก็สามารถทำงานได้โดยมีสุขภาพจิตใจและกายที่แข็งแรงในสภาพแวดล้อมที่ดี

พัคจองมิน : ผมได้ร่วมงานกับผู้กำกับเป็นครั้งที่สองครับ การได้ร่วมงานกับผู้กำกับยอน นอกจากจะสนุกตอนแสดงแล้ว การได้สนทนาในกองถ่ายก็สนุกมากเช่นกันครับ ผมทึ่งทุกครั้งที่ได้รับฟังไอเดียและมุมมองของเขาเมื่อก่อนเขาเคยเอ่ยถึงผลงานเรื่อง ทัณฑ์นรก (Hellbound) ให้ผมฟัง น่าตกใจเช่นกันที่ได้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาจริงๆ ในสมองของเขามีไอเดียมากมายครับ ผมว่าต่อให้เขาสิ้นลมหายใจไปก็ยังสร้างผลงานที่อยู่ในหัวของเขาได้ไม่หมดครับ (หัวเราะ)

วอนจินอา : ถ้าไม่ใช่ผู้กำกับยอน ฉันคิดว่าคงว่าคงไม่มีใครริเริ่มไอเดียแบบเรื่องนี้ได้แน่นอนค่ะ ถือเป็นโชคดีของฉันค่ะ ตอนที่ได้อ่านบทฉันทึ่งกับเนื้อเรื่องที่แปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน แค่คิดว่าจะได้ร่วมแสดงในเรื่องนี้ก็ทำให้ฉันตื่นเต้นมากแล้ว แทนที่จะกดดันตามเนื้อเรื่องที่เคร่งเครียด บรรยากาศครื้นเครงของกองถ่ายทำให้ทำงานได้อย่างเพลิดเพลินมากขึ้น

Q :  ไอเดียและแบบอย่างในการสร้างผู้ปฏิบัติการจากนรก และเทวทูตคืออะไร?

ผู้กำกับยอนซังโฮ : ความเชื่อเรื่องนี้มีมาตั้งแต่โบราณแล้ว คนโบราณเล่ากันว่าทุก ๆ ร้อยปีหรือสองร้อยปีพวกเขาจะปรากฏตัวให้เห็นในรูปของอสุรกายหรือยมทูต ผมพยายามใส่จินตนาการเสริมจากเรื่องเล่าที่มีแต่เดิม สำหรับผู้ปฏิบัติการจากนรก ผมอยากให้ผู้ชมเห็นรูปลักษณ์ของพวกเขาแล้วสามารถจินตนาการและเห็นภาพของนรกได้ชัดเจนขึ้น

Q : ทำไมผู้ปฏิบัติการจากนรกถึงมี 3 ตัว?

ผู้กำกับยอนซังโฮ : ผมคิดว่าการเป็นกลุ่มน่าจะสร้างความหวาดกลัวได้มากกว่าเดี่ยว สองตัวก็น้อยไป สามตัวกำลังพอดีครับ

Q : ครั้งแรกที่ได้เห็นผู้ปฏิบัติการและเทวทูตจากนรกรู้สึกอย่างไรบ้าง?

ยูอาอิน : ผมคิดว่าแค่ภาพลักษณ์ของมันสามารถทำให้ ‘ทัณฑ์นรก’ ดูน่าสนใจมากครับ

วอนจินอา : ตอนอ่านบทฉันสงสัยว่าจะออกมาหน้าตาอย่างไร ผู้กำกับได้เอารูปที่วาดคร่าวๆ ให้ดูก่อน ก็คล้ายๆ กับที่จินตนาการไว้ แต่ก็ดูแปลกนิดนึง แต่โดยรวมแล้วฉันว่าก็ดีนะคะ

ยังอิกจุน : ผมมีโอกาสได้เห็นครั้งแรกที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่ปูซาน มันเหนือความคาดหมาย เกินที่ผมจินตนาการไว้มากเลยครับ

Q :  มีความยากลำบากอย่างไรบ้างที่ต้องเข้าฉากกับนักปฏิบัติการจากนรก ที่ไม่สามารถมองเห็นตัวตน?

ยูอาอิน : มีน้อยฉากมากที่ตัวละครที่ผมได้รับจะต้องเจอกับนักปฏิบัติการจากนรก เลยไม่รู้สึกกดดันอะไรครับ

Q : คุณ “ยูอาอิน” รู้สึกอย่างไรกับบท “จองจินซู” บทนี้มีความเหมือนหรือแตกต่างกับบทที่เคยได้รับในผลงานก่อน ๆ อย่างไรบ้าง?

ยูอาอิน : บทพูดในเรื่องยาวมากครับ เรื่องราวในซีรีส์เป็นเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เหนือธรรมชาติ ผมต้องสวมบทบาทเป็นคนที่แสดงให้เห็นสิ่งเหนือธรรมชาติโดยยึดจากความเชื่อและทฤษฎีของตัวละครผม ผมพยายามโฟกัสถึงการแสดงออกของตัวละครที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว พยายามแสดงออกให้เป็นธรรมชาติ ดูไม่มากเกินไป

Q : ในผลงานสายดาร์กเรื่องนี้มีตัวละครที่หลากหลายมาก ช่วยเล่าถึงเคมีของเหล่านักแสดงระหว่างการถ่ายทำหน่อย?

ยูอาอิน : สำหรับผมการถ่ายทำละครหรือภาพยนตร์ไม่ได้มีข้อแตกต่างอะไรมาก ผมไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษที่ได้กลับมาเล่นซีรีส์ แต่ผมตั้งตารอที่จะได้พบกับผู้ชมทั่วโลกผ่านเน็ตฟลิกซ์ หวังว่าแฟนๆ จะเพลิดเพลินกับซีรีส์เรื่องนี้ของผมนะครับ

Q : ถามคุณ “คิมฮยอนจู” บทบาทที่ได้รับในเรื่องนี้ต่างกับบทที่คุณเคยได้รับก่อนหน้านี้ยังไง และคุณมีวิธีเข้าถึงตัวละครอย่างไรบ้าง?

คิมฮยอนจู : สิ่งที่แตกต่างจากบทที่เคยได้รับก่อนหน้านี่คือความหวาดกลัวที่คิมฮยอนจูได้รับค่ะ เนื่องจากเรื่องนี้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เหนือธรรมชาติ ฉันเลยตั้งใจโฟกัสให้เห็นถึงความเป็นจริงของมนุษย์เพื่อให้เห็นความแตกต่างระหว่างสิ่งเหนือธรรมชาติและความเป็นจริงได้อย่างชัดเจน และฉันเน้นที่จะแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของตัวละครแทนที่จะเน้นโชว์ความแข็งแกร่งด้วยค่ะ

Q : แล้วมีอุปสรรคใดในการแสดงบทบาทตัวละคร “’มินฮเยจิน’” มั้ย?

คิมฮยอนจู : ไม่มีอุปสรรคอะไรเป็นพิเศษนะคะ ปกติฉันพยายามไม่กังวลก่อนที่จะถ่ายทำ และค่อย ๆ หาคำตอบและแนวทางในการแสดงไประหว่างแสดงบทบาทนั้นๆ ในเรื่องนี้ฉันอ้างอิงนิสัยของตัวละครมินฮเยจินจากต้นฉบับเว็บตูนเป็นส่วนใหญ่ ถ้ารู้สึกติดตรงไหน ฉันก็มักจะกลับไปอ่านเว็บตูนอีกครั้งค่ะ

Q : เตรียมตัวสำหรับฉากแอ็คชั่นอย่างไรบ้าง?

คิมฮยอนจู : ฉากแอ็คชั่นไม่ใช่ฉากที่รุนแรงมากเท่าไหร่ เตรียมตัวแบบสบายๆ ไม่ได้เครียดอะไรค่ะ โชคดีที่มีคนคอยช่วยเหลือเยอะ ทำให้ผ่านไปได้อย่างสนุกและราบรื่นค่ะ

Q : ถามคุณ “พัคจองมิน” ถึงความประทับใจแรกของคุณเมื่ออ่านสคริปต์คืออะไร และอะไรทำให้คุณตื่นเต้นมากที่สุดเกี่ยวกับซีรีส์นี้ คุณลักษณะใดที่คุณชื่นชมมากที่สุดและน้อยที่สุดเกี่ยวกับตัวละครของคุณ?

พัคจองมิน : สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดสำหรับผมคือแมสเสจที่ต้องการสื่อผ่านซีรีส์ ผมรู้สึกประทับใจตั้งแต่ตอนอ่านเวอร์ชั่นเว็บตูนแล้ว และคิดว่าเวอร์ชั่นซีรีส์เองก็น่าจะสื่อสารไปยังผู้ชมได้อย่างดีเช่นกัน สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดเกี่ยวกับตัวละครของผมคือ เขาเป็นคนธรรมดาที่มีอยู่ในชีวิตความเป็นจริง สิ่งที่ผมไม่ชอบมากที่สุดเกี่ยวกับเขาคือ เขาไม่พอใจกับหลายสิ่งมากเกินไปครับ

Q : ขอถามคุณ “วอนจินอา”  ช่วยเล่าเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวละครของคุณ และวิธีเตรียมตัวสำหรับบทบาทที่คุณได้รับหน่อย?

วอนจินอา : สำหรับ ‘ซงโซฮยอน’ เป็นตัวละครที่มีความสับสนและรู้สึกหมดหวังเมื่อคนที่เธอรักต้องเผชิญกับโชคร้าย เพราะเรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ ในชีวิตจริง ทำให้ยากที่จะจินตนาการได้ค่ะ ฉันคอยปรึกษาผู้กำกับอยู่เสมอ เพื่อให้เห็นแนวทางในการแสดงบทบาทของตัวละครที่อาจจะต้องเสียคนรักไป และคอยเตือนตัวเองให้จินตนาการว่าฉากที่กำลังถ่ายทำอยู่เป็นเรื่องจริงค่ะ

Q : ถามคุณ “ยังอิกจุน” คุณเคยบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่คุณร่วมงานในโปรเจกต์ที่เกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติ คุณทำให้ตัวเองกลมกลืนกับจักรวาลของ “ทัณฑ์นรก (Hellbound)” อย่างไร โดยเฉพาะเมื่อมันเกี่ยวกับเหล่าตัวละครเหนือธรรมชาติที่ใช้ซีจี?

ยังอิกจุน : ผมเคยมีประสบการณ์แสดงในฉากที่ใช้ซีจีตอนถ่ายทำที่ญี่ปุ่น เป็นผลงานแนวตลก ผมต้องแสดงเหมือนโดนกระสุนยิง พอได้ทราบว่าจะมีซีจีตัวละครที่เป็นสิ่งเหนือธรรมชาติในเรื่องนี้ ผมรู้ตื่นเต้นและท้าทายมากครับ ตัวผมเป็นคนที่มีจินตนาการล้ำเลิศอยู่แล้ว ทำให้รู้สึกสนุกที่ต้องเข้าฉากที่มีซีจีมากครับ

Q : การได้ร่วมงานในซีรีส์เรื่องนี้ส่งผลต่อความเชื่อและการดำเนินชีวิตของคุณอย่างไรบ้าง?

วอนจินอา : ซีรีส์เรื่องนี้ได้ถ่ายทอดภาพลักษณ์ของนรกที่ต่างจากที่เราวาดไว้ ถ้าพูดถึงนรกเรามักจะนึกถึงไฟนรกอะไรแบบนี้ใช่มั้ยคะ ฉันคิดว่าในแต่ละลัทธิความเชื่อ ถ้าคนส่วนใหญ่เห็นแก่ตัว มีความคิดในแง่ลบ ยิ่งมีคนแบบนั้นเยอะมากเท่าไหร่ก็ทำให้ที่นั่นกลายเป็นนรกได้เหมือนกัน ฉันตระหนักได้ว่า ไม่ว่าจะในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันหรือการเข้าร่วมกลุ่มใดๆ ก็ตามการใช้วิจารณญาณอย่างชาญฉลาดเป็นสิ่งที่จำเป็นมากค่ะ

Q : ถ้าเหตุการณ์ในเรื่องเกิดขึ้นในชีวิตจริง สิ่งแรกที่คุณจะทำคืออะไร?

ยังอิกจุน : คงวิ่งหนีก่อนอย่างแรกเลยครับ คงได้แต่คิดว่าผมทำอะไรผิด ถึงได้โดนตามล่าแบบนี้ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าสมองจะตอบโต้อย่างไรถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นจริง แต่คิดว่าคงหวาดกลัวมาก และยากที่จะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงครับ

Q :  “Train To Busan” เป็นหนึ่งในผลงานภาพยนตร์เกาหลีที่ประสบความสำเร็จในประวัติการณ์ คุณรู้สึกกดดันมั้ยตอนที่ทำ “Hellbound” โดยเฉพาะเมื่อซีรีส์เรื่องนี้จะฉายใน 190 ประเทศทั่วโลก และคุณรับมือกับความกดดันนี้อย่างไร?

ผู้กำกับยอนซังโฮ : ผมไม่รู้สึกกดดันมากเท่าไหร่ถ้าเทียบกับผลงานอื่นๆ ผมพยายามสนุกกับการมันให้มากที่สุด และคอยสนับสนุนให้นักแสดงและทีมงานได้ทำผลงานออกมาให้ดีที่สุดครับ

Q : การที่ต้องเผยแพร่ผลงานชิ้นนี้ตามมาติด ๆ กับผลงานเกาหลีใต้ที่ประสบความสำเร็จ อย่าง “Squid Game” และ “My Name” นั้น ทำให้รู้สึกยังไงกันบ้าง?

ผู้กำกับยอนซังโฮ : ผมคิดว่าโชคดีมากที่มีโอกาสได้เผยแพร่ผลงานชิ้นใหม่ในขณะที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจคอนเทนต์จากเกาหลีใต้ ซีรีส์ของเรามีความแปลกใหม่และมีทีมนักแสดงและทีมงานที่ตั้งใจทำงานการอย่างเต็มที่ หวังว่าจะได้รับความเพลิดเพลินในการชมครับ

ยูอาอิน : ในฐานะนักแสดง ผมรู้สึกมีกำลังใจและพลังในการทำงานมากเมื่อเห็นว่าผู้ชมจากทั่วโลกชื่นชมผลงานคอนเทนต์จากเกาหลีใต้ ถ้าได้ดูตัวอย่างอย่างเป็นทางการแล้ว ผมว่าน่าจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามู้ดและโทนของ ‘ทัณฑ์นรก’  แตกต่างจากผลงานเรื่องอื่นที่เอ่ยมาในคำถาม ผมคิดว่าหลายคนน่าจะชื่นชอบครับ ผมหวังว่าซีรีส์เรื่องนี้จะเป็นผลงานที่ผู้คนพูดถึงและได้รับความรักในระยะยาว ไม่ใช่แค่ความนิยมเพียงช่วงสั้น ๆ ครับ

คิมฮยอนจู : ฉันเห็นด้วยกับคุณยูอาอินค่ะ ในฐานะนักแสดงฉันรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ผลงานเกาหลีได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วโลก โดยส่วนตัวฉัน ไม่มีอะไรที่แปลกใหม่ไปกว่าเดิม ฉันยังคงตั้งใจทำหน้าที่ในฐานะแสดง และมุ่งมั่นกับผลงานของฉันต่อไปให้ดีที่สุดค่ะ

ยังอิกจุน : ต้องยอบรับครับว่าเกาหลีผลิตซีรีส์และภาพยนตร์ได้อย่างยอดเยี่ยม ยิ่งมีสตรีมมิ่ง เช่น เน็ตฟลิกซ์ เข้ามา ก็ยิ่งทำให้ผู้สร้างสรรค์ผลงานในเกาหลี สามารถต่อยอดและแสดงศักยภาพของตัวเอง บวกกับไอเดียที่ไร้ขีดจำกัด และอุปสรรคเรื่องงบประมาณในการสร้าง ทำให้ผลงาน อย่าง ‘สควิดเกม เล่นลุ้นตาย (Squid Game)’ และ ‘มาย เนม (My Name)’ ประสบความสำเร็จไปทั่วโลก ผมว่าเน็ตฟลิกซ์ สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับผู้ผลิต และนำพากันบรรลุเป้าหมายและความสำเร็จ

พัคจองมิน : ผมก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เป็นแฟนตัวยงของเน็ตฟลิกซ์และผมก็ชื่นชอบ ‘สควิดเกม เล่นลุ้นตาย’ ด้วยครับ ผมก็เดาไม่ได้ว่าจะมีคนติดตามผลงานของเรามากแค่ไหน แต่ในฐานะผู้ชม ผมคิดว่าซีรีส์เรื่องนี้เปิดเผยมุมมองที่ต่างจากทุกผลงานที่ผมเคยรับชม เป็นเรื่องที่ชวนให้ตระหนักถึงสิ่งรอบๆ ตัวเรา ความโลภและ สัญชาตญาณของมนุษย์ ฝากติดตามชมกันเยอะๆ ด้วยครับ

วอนจินอา : ก่อนหน้านี้ฉันเคยร่วมงานแต่ผลงานที่เผยแพร่ในประเทศ รู้สึกตื่นเต้นมากที่ซีรีส์เรื่องนี้จะได้เผยแพร่สู่สายตาทั่วโลก แต่ละประเทศมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ฉันสงสัยเหมือนกันค่ะว่าผู้ชมแต่ละประเทศจะให้การตอบรับอย่างไรบ้าง

Q : เมสเสจ (Message) ที่อยากสื่อผ่าน ทัณฑ์นรก(Hellbound) ?

ผู้กำกับยอนซังโฮ :  บทบาทตัวละครที่นักแสดงทุกคนในที่นี้ได้รับ เป็นบทบาทที่มีอยู่ในชีวิตจริงของเรา ทว่าตัวละครแต่ละตัวมีความเชื่อที่แตกต่างกันไป ผมว่าผู้ชมบางท่านอาจเห็นด้วยกับความเชื่อนั้น หรือบางคนอาจเห็นต่าง น่าจะสะท้อนให้เห็นความขัดแย้งของความเชื่อ และหวังว่าคงจะเป็นผลงานที่ชวนให้ผู้ชมได้มีโอกาสคิดทบทวนเกี่ยวกับความเชื่อของตัวเองครับ

Q : ฝากถึงแฟน ๆ  ทั่วโลกที่รอรับชม “ทัณฑ์นรก (Hellbound)”?

ผู้กำกับยอนซังโฮ : ผมหวังว่าซีรีส์ ‘ทัณฑ์นรก’ จะเป็นผลงานที่ช่วยไขคำตอบข้อถกเถียงต่างๆ ได้ครับ

ยูอาอิน : หากคุณผู้ชมตั้งใจชมซีรีส์เรื่องนี้โดยยึดมั่นความรู้สึกของตัวเอง ผมคิดว่า ‘ทัณฑ์นรก’ อาจเป็นซีรีส์เรื่องโปรดของคุณแน่นอนครับ หวังว่าจะเพลิดเพลินกับมันครับ

คิมฮยอนจู : ฉันเองก็ได้ทบทวนคิดว่าถ้าเรารู้วันตายของเราแล้ว จะเป็นอย่างไร ถ้าเรารู้ว่าเรามีเวลาเหลือเท่าไร น่าจะยิ่งรู้ความหมายของชีวิตและใช้มันอย่างคุ้มค่ามากขึ้น หวังว่าผู้ชมทุกท่านเอง ได้กลับไปทบทวนเช่นเดียวกับฉันค่ะ ฝากติดตามด้วยค่ะ

พัคจองมิน : ฝากติดตามชม ‘ทัณฑ์นรก’ กันเยอะ ๆ ด้วยนะครับ และหวังว่าเรื่องนี้จะทำให้ทุกคนได้ลองย้อนกลับมามองปัจจุบันครับ

วอนจินอา : นอกจากนักแสดงและตัวละครที่อยู่ในที่นี้แล้ว ยังมีตัวละครอีกมากมาย ที่จะมาช่วยสร้างความสนุกให้กับซีรีส์ ฝากติดตามชมกันเยอะ ๆ ด้วยค่ะ

ยังอิกจุน : อย่าลืมติดตามชมทางเน็ตฟลิกซ์นะครับ

มาด่ำดิ่งสู่ของสู่โลกทัศน์ใบใหม่ เมื่อนรกไล่ตามลงทัณฑ์ผู้คนอย่างบ้าคลั่ง พร้อมขบคิดและไขปริศนาความเชื่อเหล่านี้ไปพร้อมกันใน  “ทัณฑ์นรก (Hellbound)”  ทาง “เน็ตฟลิกซ์”

ฮาอึน