เรื่องที่กำลังกลับมาเขย่าขวัญหลายหน่วยงานอีกครั้งหลังจาก ทีมข่าว 1/4 Special Report เกาะติดประเด็นตำรวจกองปราบปราม บุกจับกุม “เสี่ยโจ้ ปัตตานี” หรือ นายสหชัย เจียรเสริมสิน อายุ 53 ปี เจ้าพ่อค้าน้ำมันเถื่อน ตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลา ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน คาร้านอาหาร ในตลาดห้วยขวาง ช่วงกลางดึกคืนวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา

หนีคดีไปกว่า 7 ปี กลับมาจนมุมตำรวจได้เพียงแค่วันเดียวเท่านั้น สุดท้ายก็หลุดมือกฎหมายไปอีก!! 

เมื่อนำตัวส่งพนักงานอัยการ จังหวัดสงขลา ได้มีคำสั่งไม่ฟ้องทำให้จำเป็นต้องปล่อยตัวไป เพราะตำรวจหาไม่เจอ หมายจับค้างเก่า ของศาลจังหวัดปัตตานี ในความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ปลอมแปลงแผ่นตรวจลงตราเข้าเมือง เมื่อปี 2557 มาเจอภายหลังในวันที่ 6 พ.ย. แต่เสี่ยโจ้ ก็เผ่นหนีหายเข้ากลีบเมฆไปแล้วเรียบร้อย จึงทำให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ทั้งสำนักงานอัยการ, สำนักงานศาลยุติธรรม ต่างออกมาแถลงข่าวกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด

พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9

ตร.เต้นสั่งไล่รื้อคดีเก่าเสี่ยโจ้

 หลังเกิดปริศนาหมายจับเก่า หาไม่เจอในสารบบกลาง ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบ.ตร. มีความเห็นแย้งอัยการไปเป็นที่เรียบร้อยทันควัน ในส่วนเรื่องหมายจับของเสี่ยโจ้ ที่ไม่อยู่ในสารบบกลางนั้น พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 ก็รีบตรวจสอบเช่นเดียวกัน เบื้องต้นจึงสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัย ตำรวจที่เกี่ยวข้อง 1 นาย นอกจากนี้ยังสั่งการ พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี ไล่สืบสวนสอบสวนรื้อคดีเพิ่มเติมว่า ยังมีใครร่วมในการทำผิดด้วยอีกหรือไม่ พร้อมสั่งให้สอบสวนขยายผล กลุ่มบุคคล ที่พาเสี่ยโจ้ หนีจากที่ควบคุมตัวของศาลจังหวัดปัตตานี หลังฟังคำพิพากษาเมื่อปี 2557  แม้ในเบื้องต้นจะมีการตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อเอาผิดกับตำรวจที่ควบคุมผู้ต้องหาและสั่งให้ออกจากราชการไปแล้วก็ตาม

ทีมข่าว 1/4 Special Report ได้เคยตามเกาะติดเรื่องนี้ยังพบด้วยว่า มีหลายเรื่องของเสี่ยโจ้ ยังถูกหมกเงียบเอาไว้ โดยเฉพาะปมฉาว “ส่วยน้ำมันเถื่อน” ซึ่งก็ไม่แตกต่างจาก สารพัดส่วย ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยมาช้านาน เมื่อทำ ธุรกิจสีเทา ก็จำเป็นต้องจ่ายเบิกทางให้กับ “กลุ่มเจ้าหน้าที่นอกรีต” ส่วยจึงเป็นขุมทรัพย์มหาศาลที่ถูกแบ่งสันปันส่วนไปให้กับกลุ่มเจ้าหน้าที่นอกรีต ถ้าไล่ย้อนหลังกลับไป 9 ปีก่อน ปี 2555 ตั้งแต่สมัยที่ พล.อ.จตุพร กลัมพสุต อดีต ผอ.สขว.กอ.รมน.ภ.4ยังดำรงตำแหน่ง หัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามภัยแทรกซ้อน กอ.รมน.ภาค 4 เคยสนธิกำลังทหาร ตำรวจ และดีเอสไอ เข้าติดตามจับเสี่ยโจ้ ในบ้านพัก อ.เมือง จ.ปัตตานี ตามหมายจับของดีเอสไอ ข้อหาหลบเลี่ยงภาษีสรรพากร โดยขยายผลมาจาก คดีน้ำมันเถื่อน และ ไม้เถื่อน ตรวจค้นในบ้านยังพบ เอกสารบัญชีการเงิน ถูกเผาทำลายทิ้งหลงเหลืออยู่บางส่วน พบว่าเป็น บัญชีส่วย จ่ายให้กับเจ้าหน้าที่นอกรีตหลายหน่วยงาน ไม่ได้เฉพาะในภาคใต้ มีทั้งภาคตะวันออก ไปจนถึงหน่วยงานจากส่วนกลาง รวมกันแล้วเดือนละหลายสิบล้านบาท

ขุมทรัพย์มหาศาลส่วยน้ำมันเถื่อน

แหล่งข่าวในพื้นที่ภาคใต้ ให้ข้อมูลว่า ประวัติของเสี่ยโจ้ ถูกขุดคุ้ยมาหลายรอบแล้วตั้งแต่เกิดคดี เมื่อปี 2555 ภูมิลำเนาพื้นเพมาจาก อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี มาโด่งดังอยู่ใน จ.ปัตตานี จากทำธุรกิจแพปลา จำหน่ายไม้แปรรูปสำหรับการต่อเรือประมง ในหลายจังหวัดของภาคใต้ โดยนำเข้าไม้มาจาก สปป.ลาว จนกิจการไม้ใหญ่โต มีสาขาทั้งที่ จ.หนองคาย บึงกาฬ และตราด กระทั่งไปรู้จัก “คนมีสี” แนะนำเข้าสู่วงจรค้า น้ำมันเถื่อน ซื้อน้ำมันจาก เรือแทงค์เกอร์ ในน่านน้ำสากลบรรทุกมาขายให้กับบรรดาเรือประมงที่อยู่กลางทะเลอ่าวไทย ด้วยความที่เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย เห็นรายได้กำไรมหาศาลจากน้ำมันเถื่อนจึงไม่ได้ขายให้เฉพาะเรือประมง ลักลอบขนขึ้นมาขายบนฝั่งด้วย โดยประสานกับนักธุรกิจค้าน้ำมันประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งราคาน้ำมันถูกกว่าประเทศไทย จัดส่งเรือแทงค์เกอร์ มาลอยลำอยู่นอกน่านน้ำ 12 ไมล์ทะเล ก่อนจะมี กองเรือประมงดัดแปลง ทยอยสลับผลัดเปลี่ยนไปขนน้ำมันลักลอบมาส่งขึ้นฝั่งตามภาคใต้ไล่มา จ.เพชรบุรี ถึง จ.สมุทรสงคราม 

กระทั่ง เสี่ยโจ้ ขยับขึ้นชั้นเป็น เบอร์ 1 เจ้าพ่อน้ำมันเถื่อน เมื่อการติดต่อซื้อขายน้ำมันกับประเทศเพื่อนบ้านต้องจ่ายเป็นเงินตราต่างประเทศ จึงขยับทำธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเอาไว้รองรับด้วย กลายเป็นครบวงจร ทั้งค้าไม้ น้ำมัน และเงินตราต่างประเทศ ยังไม่รวมธุรกิจสีเทาอื่นโดยเฉพาะการพนัน ด้วยความที่เป็นนักเล่นกระเป๋าหนักตระเวนเล่นกาสิโน ทั้งมาเก๊า เก็นติ้ง และปอยเปต จนถึงขั้นได้หนังสือเดินทางประเทศกัมพูชา และเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อคิดทำ ธุรกิจสีเทา จึงต้องจ่ายส่วยให้ กลุ่มเจ้าหน้าที่นอกรีต มากเป็นพิเศษหลากหลายหน่วยงานไว้เป็นใบเบิกทางให้ง่ายขึ้น

สาเหตุที่ทำให้ต้องมาถูกปิดเกมเพราะในปี 2557 หน่วยข่าวความมั่นคง กอ.รมน.ภาค 4 ไปเจอข้อมูลว่า เสี่ยโจ้ เข้าไปพัวพันขายน้ำมันเถื่อนให้แก่ “นายก อบต.” ใน จ.ปัตตานี และ “กำนัน” ที่ จ.นราธิวาส ซึ่งบุคคลทั้ง 2 ถูกขึ้นบัญชีเป็น แนวร่วมของขบวนการก่อความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ถูกชุดปฏิบัติการปราบปรามภัยแทรกซ้อน กอ.รมน.ภาค 4 ลุยกดดันไล่จับกุมเสี่ยโจ้ อย่างต่อเนื่องมาตลอด ตรวจค้นโรงไม้ใน จ.ปัตตานี ทำให้ไปพบหลักฐานสมุด “บัญชีส่วย” รวมถึงข้อมูลใน “โทรศัพท์มือถือ” ที่บันทึกข้อมูลละเอียด มีทั้งเขียนด้วยลายมือ และพิมพ์คอมพิวเตอร์ ระบุวันเวลา, ชื่อย่อ, หน่วยงานสังกัด, จำนวนเงิน, บัญชีธนาคาร และเบอร์โทรศัพท์ ยอดเงินตั้งแต่หลักหมื่น หลักแสน ไปถึงหลักล้าน

 เมื่อทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไฟเขียวให้สอบสวนรื้อคดีเพิ่มเติม คงทำให้กลุ่มเจ้าหน้าที่นอกรีต เริ่มหนาว ๆ ร้อน ๆ ว่า ของกลาง “บัญชีส่วย” ซึ่งเจอในพื้นที่ จ.ปัตตานี เมื่อ 7 ปีก่อนจะถูกปัดฝุ่นขึ้นมาตรวจสอบด้วยหรือไม่? ถือเป็นประเด็นใหญ่อีกเรื่องที่สังคมเฝ้าจับตามอง!!.

14 คดีเก่าของเสี่ยโจ้

สำหรับรายละเอียดคดีของ นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ เสี่ยโจ้ ก่อนหน้านี้มีรายงานเบื้องต้นเอาไว้ เคยถูกดำเนินคดีอาญาทั้งหมด 14 คดี  1.คดีปี2546 ร่วมกันทำให้เสียหายซึ่งเรือของกลางที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึด โดย สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี พนักงานสอบสวนสั่งฟ้อง อัยการสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากขาดอายุความ, 2. คดีปี 2546 เล่นการพนันสลากกินรวบ (ฝ่ายเจ้ามือ) โดย สภ.เมืองปัตตานี ศาลสั่งยกฟ้อง, 3. คดีปี 2546 ร่วมกันนำของที่ยังมิได้เสียภาษีฯ เข้ามาในราชอาณาจักร โดย สภ.เมืองปัตตานี ศาลสั่งยกฟ้อง นายสหชัย เสียค่าปรับ และจ่ายค่าสินบนนำจับให้ชุดจับกุม, 4.คดีปี 2555 แจ้งความอันเป็นเท็จหรือให้ถ้อยคำเท็จต่อเจ้าพนักงาน โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ อัยการสั่งไม่ฟ้อง, 5. คดีปี 2555 ร่วมกันนำน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังไม่ได้เสียภาษี เข้ามาในราชอาณาจักร โดย บก.ปอศ. อัยการสั่งให้ ตร.ปอศ.สอบเพิ่ม, 6. คดีปี 2557 ทำขึ้นปลอมขึ้น ซึ่งดวงตราสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ โดย สภ.เมืองปัตตานี ศาลพิพากษาจำคุก 1 ปี 9 เดือน ภายหลังตัดสินนายสหชัย แอบหลบหนีจากศาล, 7. คดีปี 2557 เป็นผู้สนับสนุน เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ คดีนี้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองปัตตานี ส่งสำนวนให้ ป.ป.ท.พิจารณาเป็นที่เรียบร้อย

 8. คดี ปี 2557 ตั้งและประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต โดย สภ.เมืองปัตตานี พนักงานสอบสวนสั่งฟ้อง, 9. คดีปี 2557 ปลอมเอกสาร โดย สภ.เมืองปัตตานี พนักงานสอบสวนและอัยการสั่งไม่ฟ้อง, 10. คดีปี 2557 หลบหนีไประหว่างการควบคุมของเจ้าพนักงานตำรวจ โดย สภ.เมืองปัตตานี พนักงานสอบสวนสั่งฟ้อง ภายหลังมีการถอนหมายจับ, 11. คดีปี 2557 ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน โดย สภ.เมืองสมุทรปราการ พนักงานสอบสวนสั่งฟ้อง อัยการสั่งไม่ฟ้อง อยู่ระหว่างรออัยการสูงสุดชี้ขาด 12. คดีปี 2561 หลบหนีไประหว่างคุมขังตามอำนาจศาล โดย สภ.เมืองปัตตานี พนักงานสอบสวนสั่งฟ้อง มีหมายจับจากศาลจังหวัดปัตตานี ที่ออกแทนหมายเดิม (1412/2557) เป็นหมายจับที่ จ.559/2561, 13. คดี ปี 2561 เป็นเจ้าของเรือ ไม่ได้ติดตั้งระบบติดตามเรือ โดย สน.บางเขน พนักงานสอบสวนสั่งฟ้อง แต่นายสหชัย หนีประกัน คดีขาดอายุความ และ 14. คดี ปี 2561 เรือไม่มีใบอนุญาตทำการประมง โดย สภ.เมืองชลบุรี อยู่ระหว่างการสอบสวน ออกหมายเรียกครั้งที่ 2