ถือเป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่น่าจับตามองมากที่สุดในยุคนี้ สำหรับ เดฟ พาเทล พระเอกหนุ่มมาดเข้มเชื้อสายอินเดีย ที่เกิดและเติบโตในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งไม่ว่าเขาจะรับบทบาทอะไร ก็ไม่เคยทำให้แฟนๆ ผิดหวัง โดย เดฟ มีผลงานสร้างชื่อมาแล้วมากมาย จากเด็กหนุ่มวัย 17 ค่อย ๆ ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยซีรีส์เรื่อง “Skins” ก่อนที่จะโลดแล่นเข้าสู่วงการภาพยนตร์ โดยเริ่มผลงานแรกกับบทบาท “จามาล” ในภาพยนตร์คุณภาพ อย่าง “Slumdog Millionaire” จากนั้นก็มีผลงานที่โดดเด่นออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นบท “เจ้าชายซูโก” ใน “The Last Airbender” หรือหนังจักรกลเปลี่ยนโลก อย่าง “Chappie” รวมถึงภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงของนักคณิตศาสตร์อัจฉริยะ “ศรีนิวาสะ รามานุจัน” ใน “The Man Who Knew Infinity” ก่อนที่เขาจะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งแรก ในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม จาก “Lion”

ล่าสุดหนุ่ม เดฟ พาเทล ได้พิสูจน์ฝีมือทางการแสดงอีกครั้ง กับการรับบทนำในภาพยนตร์แฟนตาซีฟอร์มยักษ์ “The Green Knight ศึกโค่นอัศวินอมตะ” ของค่ายหนังคุณภาพ “A24” ที่เป็นการพลิกคาแร็กเตอร์ครั้งสำคัญของ เดฟ อย่างสิ้นเชิง ด้วยรูปร่างหน้าตาที่มีเสน่ห์สุดเท่ ทำให้ เดวิด ลาวรี ผู้กำกับภาพยนตร์ ที่สร้างความประทับใจจาก “A Ghost Story” เลือกให้เขามารับบทนำ อย่าง “เซอร์กาเวน” แบบไม่ลังเล พร้อมถ่ายทอดตำนานอัศวินโต๊ะกลมในเวอร์ชั่นที่ถูกนำมาตีความใหม่

จากการเป็นนักแสดงที่มักจะรับบทสดใส มองโลกในแง่ดีเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ สู่การเป็นอัศวินผู้กล้าในบทบาทของ “เซอร์กาเวน” หนึ่งในตำนานอัศวินโต๊ะกลมผู้เป็นหลานชายของ “กษัตริย์อาเธอร์” ผู้บ้าบิ่นและเอาแต่ใจ “เซอร์กาเวน” ได้ออกไปทำภารกิจ และเป็นผู้เดียวที่ลุกขึ้นรับคำท้าของ “อัศวินมรกต” ซึ่งเป็นบททดสอบสำคัญของเหล่าอัศวิน เขาต้องออกเดินทางผจญกับอุปสรรคตามสัจจะที่ให้ไว้ พร้อมรับมือกับวิญญาณอาฆาต ยักษ์ และโจร เพื่อค้นหาตัวตนและพิสูจน์คุณค่าของเขาต่อครอบครัวและอาณาจักร นับเป็นการต่อสู้เพื่อก้าวข้ามศึกครั้งสำคัญ และบททดสอบยิ่งใหญ่ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน วันนี้ “มูฟวี่โซน” เลยไม่รอช้า พาแฟน ๆ มาพูดคุยกับ เดฟ พาเทล ถึงบทบาทล่าสุดในภาพยนตร์เรื่องนี้ พร้อมเปิดมุมมองนักแสดงของเขากัน

Q : คุณมารับบทนี้ได้อย่างไร?

เดฟ พาเทล : ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมกำลังถ่ายทำเรื่อง ‘เดอะ เพอร์ซันนอล ฮิสทอรี่ ออฟ เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ (The Personal History of David Copperfield)’ ที่ลอนดอน ตอนที่เดวิดโทรฯ มาเล่าบทกวีเรื่องนี้ให้ผมฟัง ผมบอกเขาว่าผมประทับใจที่มันว่าด้วยถึงการเดินทางของชายหนุ่มคนหนึ่ง เขาต้องเอาชนะอีโก้ตัวเอง กรุยเส้นทางของตัวเอง หาความหมายของคำว่าเกียรติ ศักดิ์ศรี และคุณค่าความเป็นมนุษย์ ที่ผมตัดสินใจรับบท ‘กาเวน’ เพราะบทของ ‘เดวิด’ เหมือนกับตัวบทกวี มันมีมนต์สะกดบางอย่าง มันไม่เหมือนบทภาพยนตร์ทั่วไปที่ผมเคยอ่านมาเลยครับ

Q : แนะนำหน่อยว่า “เซอร์กาเวน” คือใคร?

เดฟ พาเทล : ตามตำนานดั้งเดิมเขาเป็นหนึ่งในอัศวินที่เก่งที่สุดของคาเมล็อต แต่ใน เดอะ กรีน ไนท์ (The Green Knight) ครับ ‘กาเวน’ คืออัศวินหนุ่มที่ใช้ชีวิตสุขสบายในฐานะหลานชายของกษัตริย์อาเธอร์ ผู้ปกครองคาเมล็อตต์ เขาไม่เคยต้องปากกัดตีนถีบหรือพยายามเพื่อให้ได้มาอยู่ในตำแหน่งที่เขาอยู่เลยแม้แต่น้อย เขาได้เป็นหนึ่งในอัศวินโต๊ะกลมระดับตำนาน แต่เขายังไม่มีตำนานกล่าวขนานของตัวเอง สำหรับผมมันเป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่ออกท่องโลก เพื่อหาคำตอบว่าเขาเกิดมาทำไม เขาต้องการพิสูจน์ตัวเองเลยอาสาเล่นเกมของอัศวินมรกตโดยไม่สนถึงผลที่จะตามมา

Q : คุณเองก็ชอบที่จะท้าทายตัวเองอยู่เสมอไม่ต่างจาก “เซอร์กาเวน” ที่คุณมารับบทบาท?

เดฟ พาเทล : ผมรู้สึกว่าในหนังที่ทุกเรื่องที่ผมแสดง ถ้าคุณแทนคำว่า ‘การถ่ายทำ’ ด้วยคำว่า ‘ภารกิจ’ ผมรู้สึกว่าผมต้องทำภารกิจที่ผมไม่รู้ว่าจะทำสำเร็จได้ยังไง ในฐานะนักแสดง คุณควรจะมีการพัฒนาฝีมือในทุกๆ ผลงาน ในบางมุมผมรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมั่นใจและปรับตัวเข้ากับชีวิตนักแสดงได้ดีขึ้น ผมไม่กังวลเมื่อต้องนั่งแต่งหน้านานๆ หรือเวลามีคนเอาไมค์มาจ่อหน้าเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่การเป็นนักแสดงทำให้คุณเจออะไรใหม่ๆ แบบที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเหมือนกัน เช่นตอนที่ผมคุยกับเดวิดครั้งแรก ผมรู้ว่าผมต้องขี่ม้า ผมตอบเขาไปว่าผมทำได้ แม้ว่าผมจะไม่เคยขี่ม้ามาก่อนเลยก็ตาม แต่อาจเผชิญกับเรื่องท้าทายนี่แหละที่ทำให้ชีวิตเรามีสีสันครับ

Q : แล้วพอถึงวันที่ต้องถ่ายทำกับม้าจริงๆ มันเป็นยังไงบ้าง?

เดฟ พาเทล : ผมทำความรู้จักกับมันอยู่นานเลยนะ วันแรกที่เราเจอกันมันไม่ยอมให้ผมสวมอานม้าด้วยซ้ำ ครูฝึกจับคู่ผมกับม้าพันธุ์เชตแลนด์ชื่อว่า ‘สปาร์เคิล’ พอทำความรู้จักกันเราก็เข้ากันได้ดี แต่ผมตัวสูงเกินไป ทีมงานเลยต้องเปลี่ยนม้าเวลาถ่ายทำจริง ม้าตัวที่สองชื่อ ‘อัลบานี’ แต่นิสัยมันผยอง คนขี่ต้องเอามันอยู่ ผมเอาชนะใจอัลบานีด้วยการป้อนแอปเปิ้ลให้มันทุกครั้งก่อนเดินกล้อง พอเมื่อใกล้ปิดกองที่ไอร์แลนด์ทั้งผมกับอัลบานีกลายเป็นเพื่อนซี้กันเลยทีเดียว อีกหนึ่งสิ่งที่ผมต้องฝึกคือการฟันดาบ มันสนุกมากครับ ใครจะไปคิดว่าหนุ่มอินเดียอย่างผมจะมีโอกาสได้สวมเกราะ ขี่ม้า และฟันดาบในเรื่องเดียว

Q : คุณโตขึ้นเยอะมากจากผลงานสร้างชื่อ อย่าง “Slumdog Millionaire” ทุกวันนี้คุณมีเกณฑ์ในการเลือกบทเล่นยังไง?

เดฟ พาเทล : ผมดีใจนะที่ทุกวันนี้ผมได้มีส่วนร่วมกับหนังคุณภาพ ได้ทำงานกับแนวหน้าของวงการ มันเป็นอะไรที่ผมไม่เคยฝันถึงเลยเมื่อเริ่มต้นอาชีพนี้ ย้อนกลับไปตอนนั้น หลังจากที่ผมแจ้งเกิดจาก สลัมด็อก (Slumdog) มีบทเสนอผมเข้ามาเยอะมากแต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นบทคล้ายๆ กัน เป็นตัวฮา เป็นคู่หู เป็นเนิร์ด อะไรทำนองนั้น นานๆ จะมีบทที่จะมอบโอกาสให้ผมพัฒนาฝีมือ จนผมได้เล่น ไลอ้อน (Lion) หรือ รับบทเป็น ชาร์ลส ดิกเกนส์ (The Personal History of David Copperfield) ผมคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกที่ยอมทิ้งบทพวกนั้นไป ไม่งั้นมันคงเป็นเรื่องยากที่จะฉีกภาพจำของตัวเอง และอาจไม่มีผมทุกวันนี้ก็ได้ครับ

Q : ท้ายสุดการแสดงช่วยให้คุณค้นหาตัวเองได้อย่างไร?

เดฟ พาเทล : ผมโตมาในลอนดอน ตอนเด็กๆ ผมต้องเก็บความเป็นอินเดียไว้เพราะไม่อยากโดนแกล้ง พยายามทำตัวกลมกลืน เอาง่ายๆ ว่าผมพยายามเป็นแรปเปอร์มากกว่าแสดงความเป็นอินเดียแบบที่บ้านออกมาให้คนอื่นได้เห็น จนกระทั่งผมมีโอกาสเข้าวงการ ซึ่งมันนำพาให้ผมกลับไปยังอินเดีย ได้เห็นรากเหง้าและวัฒนธรรมของตัวเอง ผมชอบที่ได้ทำความรู้จักตัวเองผ่านงานแสดงครับ

ร่วมพิสูจน์ปฐมบทตำนานของอัศวินนักรบ ไปกับ เดฟ พาเทล พร้อมเปลี่ยนเรื่องเล่าขานให้กลายเป็นอีกหนึ่งตำนานภาพยนตร์ ที่เต็มไปด้วยความกล้าหาญและการผจญภัยสุดแฟนตาซีใน “The Green Knight ศึกโค่นอัศวินอมตะ” วันนี้โรงภาพยนตร์