เรียกว่ายังคงไม่หยุดพัฒนาความสามารถ สำหรับ เซโกะ มัตสึดะ (Seiko Matsuda) ศิลปินดีว่าชาวญี่ปุ่น เจ้าของฉายา “ไอดอลตลอดกาล” ที่ล่าสุดได้มาขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในผู้กำกับ ออริจินัลซีรีส์สยองขวัญจาก “เอชบีโอ เอเชีย (HBO Asia)” อย่าง “โฟล์กลอร์ (Folklore)” ซีซั่น 2 ที่กลับมาบอกเล่าเรื่องราวความเชื่อและตำนานลี้ลับทั่วเอเชีย ซึ่ง เซโกะ กำกับในตอน “เดอะ เดย์ เดอะ วินด์ โบลว์ (The Day the Wind Blew)” นำแสดงโดย วิน โมริซากิ (Win Morisaki) และ ฮาโอริ ทาคาฮาชิ (Haori Takahashi) ถ่ายทอดเรื่องราวความรักระหว่างแฟนคลับและไอดอล ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความอบอุ่น และคราบน้ำตา แต่ก็ไม่ทิ้งกลิ่นอายความหลอนชวนขนลุก ล่าสุด ฮาอึนได้มีโอกาสพูดคุยกับ เซโกะ ถึงแรงบันดาลใจในการถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ รวมไปถึงข้อความในใจ ที่ไอดอลสาวอยากส่งตรงถึงหัวใจผู้ชมด้วย

Q : ทำไมคุณสนใจเข้าร่วมโปรเจกต์ซีรีส์ “Folklore” มีอะไรที่ดึงดูดใจคุณเป็นพิเศษมั้ย?

เซโกะ : ก่อนหน้านี้ มีโอกาสได้ร่วมงานกับผู้กำกับเอริค คู (โชว์รันเนอร์ ผู้ควบคุมการสร้างโปรเจกต์ Folklore) ในซีรีส์เรื่อง ‘Ramen The’ ค่ะ คราวนี้เลยได้รับโอกาสอีกครั้งจากเอริค เขาชวนให้ฉันลองมาเป็นผู้กำกับในเรื่องนี้ นอกจากตัวโปรเจกต์ที่น่าสนใจ ก็รู้สึกดีที่จะได้ร่วมงานกับเอริคอีกค่ะ

Q : ไอเดียตั้งต้นมาจากอะไร และขั้นตอนทำงานที่สำคัญที่สุดคืออะไร รวมถึงแตกต่างจากขั้นตอนของศิลปะอื่นยังไรบ้าง?

เซโกะ : มีครั้งนึงตอนไปทานข้าวกับผู้กำกับเอริค คู เลยเล่าเรื่องน่ากลัว ๆ ของแต่ละที่กันค่ะ เอริคเขาชอบและถูกใจเรื่องที่ฉันเล่าให้เขาฟังมาก ก็เลยเลือกและตกลงกันว่านำเรื่องนี้มาทำเป็นตอนหนึ่งในโปรเจกต์ซีรีส์ ‘โฟล์กลอร์’ ดีกว่า แล้วทุกอย่างก็เริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนนั้นเลย ระหว่างที่ฉันเขียนบท เอริคก็ให้คำแนะนำฉันหลายอย่าง พวกเราเริ่มเขียนบทกัน และเข้าสู่กระบวนการโปรดักชั่น ถ่ายทำซีรีส์ค่ะ

Q : ทำไมคุณถึงเลือกที่จะถ่ายทอดเรื่องราว “The Day the Wind Blew” ลงในซีรีส์ “Folklore Season 2” ?

เซโกะ : เรื่องมันนานมากแล้วนะคะ ก่อนหน้านี้ฉันมีผู้ช่วยผู้หญิงอยู่คนนึง เธอเป็นคนที่มีสัมผัสพิเศษค่ะ ตอนที่ฉันอยู่กับเธอ เธอเล่าว่าเธอเห็นผีพอดี แต่ฉันก็ไม่ทราบหรอกนะคะว่าจริงหรือเปล่า เพราะว่าฉันไม่เห็นอะไรเลย แต่ว่าฉันก็จำเรื่องนั้นได้ดี ลืมไม่ลงเลยค่ะ หลังจากนั้นตอนที่ฉันเจอกับเอริค ฉันก็เล่าเรื่องนี้ให้เอริคฟัง บอกว่าเรื่องนี้น่าสนใจนะ เขาก็คิดเหมือนฉันว่าเรื่องนี้น่าจะเอาไปทำเป็นผลงานสุดพิเศษได้เลย แต่ฉันในฐานะผู้กำกับเอง ก็ไม่ได้อยากทำผลงานที่น่ากลัวเพียงอย่างเดียว แต่ฉันอยากเพิ่มเรื่องเกี่ยวกับความรัก เป็นเลิฟ สตอรี่ด้วย ก็เลยเกิดเป็นซีรีส์เรื่องนี้ค่ะ

Q : แล้วเพราะอะไรคุณถึงเลือกที่จะเล่าเรื่องราวเหล่านี้ผ่านบทเพลงและการเต้นรำ ?

เซโกะ : (ครุ่นคิด) ….. สำหรับฉันแล้ว ฉันคิดว่าในการสร้างสรรค์และถ่ายทอดเรื่องราวใดๆ ออกไป การแสดงกับดนตรีเป็นสื่งที่สัมพันธ์กันมากเลยค่ะ โดยเฉพาะเรื่องราวในซีรีส์นี้เป็นที่ตัวเอกเป็นนักร้องด้วย ดนตรีจึงมีบทบาทสำคัญมาก ทุกอย่างมันเลยเชื่อมโยงถึงกันอย่างเป็นธรรมชาติเลยล่ะค่ะ

Q : สำหรับ “The Day the Wind Blew” คือเรื่องราวของศิลปินไอดอลและแฟนคลับ ที่เป็นเหมือนแรงบันดาลใจให้กัน คุณได้มีการนำประสบการณ์ส่วนตัว หรือที่เคยพบเจอใส่ลงไปในเรื่องราวนี้บ้างมั้ย?

เซโกะ : ฉันไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องผี หรือเรื่องวิญญาณแบบนี้เลยนะคะ ไม่เคยเจอกับตัว แต่ถึงแม้ฉันจะไม่เคยเผชิญประสบการณ์ในลักษณะนี้ด้วยตัวเอง แต่ฉันก็รู้สึกว่า ถ้าจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้น ก็ไม่น่าแปลกอะไรค่ะ

Q : ในญี่ปุ่นยุคปัจจุบัน คุณคิดว่าเรื่องผีในความหมายทางสังคมถูกมองแตกต่างจากอดีต หรือความเชื่อเรื่องผีในปัจจุบันของญี่ปุ่นเป็นอย่างไร?

เซโกะ : สำหรับตัวฉันเองคิดว่า ไม่ว่าวิถีชีวิตของผู้คนจะเปลี่ยนแปลงหรือเทคโนโลยีในยุคนี้จะพัฒนาหรือเจริญขึ้นมากแค่ไหน ตัวฉันเองก็คิดว่ายังไงก็มีสิ่งที่มันเป็นเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ (Spiritual) อยู่แน่นอนค่ะ เรื่องแบบนี้ไม่ได้มีแค่ในญี่ปุ่นเพียงอย่างเดียว แต่ที่ไหนๆ บนโลกก็มีเช่นกัน ไม่ว่าโลกจะถูกพัฒนาให้มันทันสมัยขึ้นยังไง แต่ฉันคิดว่าเรื่องราวของภูติผีวิญญาณ ก็ยังคงมีอยู่ แล้วคนที่ได้พบได้เห็นก็คงจะคิดว่าเรื่องผีแบบนี้ก็มีด้วย และคงเปิดใจยอมรับการมีอยู่ของเรื่องราวเหล่านี้ แม้ว่ามันจะดูน่าเหลือเชื่อขนาดไหนก็ตาม พวกเขาก็คงจะคิดว่า ‘มันเป็นเรื่องน่าพิศวงมากๆ เลย’ หรือแบบว่า ‘อ๋อ แบบนี้ก็มีด้วย’ และคิดว่าก็คงจะยอมรับเรื่องนี้อย่างเป็นธรรมชาติด้วยค่ะ

Q : โดยส่วนตัวแล้ว คุณเชื่อในเรื่องพื้นบ้านเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน?

เซโกะ : ฉันคิดว่าเรื่องเล่าหรือเรื่องราวของแต่ละประเทศที่เล่าต่อๆ กันมา มันต้องมีจริงแน่ๆ ดังนั้นฉันเป็นคนที่เชื่อในเรื่องเหล่านี้ค่ะ

Q : คุณคิดว่าเสน่ห์ของหนังหรือซีรีส์แนวลี้ลับสไตล์เอเชีย เหมือนหรือต่างจากสไตล์ตะวันตกยังไง และเอกลักษณ์ของความน่ากลัวสไตล์ญี่ปุ่นคืออะไร?

เซโกะ : ขอเจาะจงพูดถึงเสน่ห์ของซีรีส์โฟล์กลอร์ คงจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับตำนานที่เล่าขานของแต่ละประเทศนะคะ ซึ่งธีมของซีรีส์นี้ก็คือการเอาตำนานของแต่ละที่มาเล่าเป็นเรื่องราวด้วย ซึ่งมันเป็นธีมที่น่าสนใจมากๆ แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของแต่ละความเชื่อในแต่ละท้องถิ่นของเอเชีย ซึ่งถึงแม้จะมีความแตกต่างกัน แต่คิดว่าในรายละเอียดน่าจะมีอะไรที่คล้ายคลึงหรือเชื่อมโยงกันได้อยู่ ซึ่งในซีรีส์โฟล์กลอร์ ถือเป็นการแนะนำและเรียนรู้วัฒนธรรมของแต่ละประเทศผ่านซีรีส์เรื่องนี้ไปด้วยค่ะ

Q : นอกจากความน่ากลัวแล้ว อยากให้คนที่เข้ามาดูเรื่องได้รับสาร (Messages) หรือข้อคิดอะไรจากเรื่องนี้อีกบ้าง?

เซโกะ : สำหรับตอน ‘เดอะ เดย์ วิธ วินด์ โบลว์’ เป็นเรื่องราวที่น่ากลัวมากๆ ค่ะ แต่สิ่งที่ฉันอยากจะสื่อ คือฉันอยากเน้นในเรื่องของ ‘ความรัก’ นะคะ เป็นความรู้สึกรักแบบรักจริงๆ ไม่ใช่แค่ความรักแบบรักใส ๆ โรแมนติก ในเรื่องจะมีทั้งความรักระหว่างชายหญิง และก็มีความรักของแม่ลูก คือแม่กับลูกสาวด้วย ฉันเลยอยากสื่อถึงเรื่อง ‘ความรัก’ คิดว่าความรักเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดค่ะ

Q : ขั้นตอนการทำงานระหว่างงานนักร้อง นักแต่งเพลง สู่การเขียนบทและกำกับ มีความแตกต่างกันยังไง?

เซโกะ : ถ้าเป็นการร้องเพลง ฉันก็จะเป็นคนร้อง ส่วนใหญ่ก็ร้องเพลงคนเดียวเกือบตลอดเลยด้วย หรือการแต่งเพลง ทำผลงานเพลง ฉันก็จะทำเองคนเดียวค่ะ แต่ถ้าเป็นการทำซีรีส์ การเขียนบทจะต้องเกี่ยวข้องกับคนหลาย ๆ คน ทั้งทีมงานที่มาร่วมสร้างซีรีส์นี้ด้วยกัน ฉันคิดว่าจุดนี้เป็นข้อแตกต่างที่เห็นได้เด่นชัดเลย แล้วมันก็แตกต่างตรงที่เรื่องราวในซีรีส์เรื่องนี้ที่ฉันสร้างขึ้นมา ฉันไม่ได้แสดงเรื่องนี้ผ่านตัวของฉันเอง แต่เป็นทางทีมนักแสดงที่พวกเขาต้องมาถ่ายทอดผลงานของฉัน ผ่านการแสดงและการเคลื่อนไหวทางร่างกายของพวกเขา ซึ่งการร้องเพลง เพลงของฉัน มันถูกถ่ายทอดผ่านเสียงของฉัน ตัวของฉันเอง กระบวนการผลิตผลงานที่ฉันทำเองคนเดียว แต่สำหรับการสร้างซีรีส์ต้องใช้แรงกายแรงใจของทุกๆ คนมารวมเป็นหนึ่งใจเดียวกันเพื่อสร้างผลงานให้ออกมาดีที่สุด มันต่างกันมาก ๆ เลยค่ะ

Q : ตัวคุณเองได้รับฉายาว่า “ไอดอลตลอดกาล” รู้สึกยังไงบ้างกับฉายานี้?

เซโกะ : (หัวเราะ) สำหรับฉายา “ไอดอลตลอดกาล” เป็นฉายาที่ทุกคนกรุณามากๆ ที่เรียกฉันแบบนั้น ฉันรู้สึกขอบคุณมากๆ แล้วก็มีความสุขมากๆ เลยค่ะ ถ้าทุกคนเรียกฉันแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็คงจะดีใจมากเลยค่ะ

Q : พอมาทำงานเบื้องหลัง ในฐานะผู้กำกับแบบนี้ มีฉายาอื่นๆ ที่อยากได้รับอีกบ้างรึเปล่า?

เซโกะ : เอ๊ะ~ (ยิ้มเขิน) สำหรับฉันคิดว่าฉายา ‘ไอดอลตลอดกาล’ ที่ได้รับก็ที่สุดแล้วค่ะ คงไม่มีฉายาไหนที่มากไปกว่านี้แล้ว แค่นี้ก็เพียงพอมากๆ แล้วสำหรับฉันค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ

Q : ท้ายสุดส่วนตัวคุณชอบหนังสยองขวัญเรื่องอะไร?

เซโกะ : ความจริงฉันไม่ค่อยได้ดูหนังแนวสยองขวัญเท่าไหร่ค่ะ (หัวเราะ) ที่ฉันได้มากำกับหนังสยองขวัญในครั้งนี้ จึงวิเศษสุดๆ ไปเลย ฉันเคยดูหนังที่ไซโต้ ทาคุมิกำกับ ในซีรี่ส์โฟล์กลอร์ ซีซั่น 1 เป็นเรื่องที่น่ากลัวมากๆ แล้วก็ทำออกมาได้ดีมากๆ ด้วยค่ะ

Folklore ซีซั่น 2: The Day the Wind Blew

กำกับโดย: เซโกะ มัตสึดะ (Seiko Matsuda) (ญี่ปุ่น)

นักแสดง: วิน โมริซากิ (Win Morisaki), ฮาโอริ ทาคาฮาชิ (Haori Takahashi)

“มิกะ” (ฮาโอริ ทาคาฮาชิ) นักเรียนหญิงได้พบกับ “เคน” (วิน โมริซากิ) ชายในฝันและนักร้องคนโปรดของเธอ ขณะที่เธออยู่ในคอนเสิร์ตของเคน ไม่มีอะไรจะสมบูรณ์แบบไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะนอกจากเธอจะได้เข้าชมคอนเสิร์ตอย่างที่ใจปรารถนาแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะสนใจเธอเข้าจริงๆ แต่มีบางอย่างดูผิดปกติ นับตั้งแต่วันแสดงคอนเสิร์ต ลมหนาวเย็นยะเยียบสะกดรอยตามเธอไปทุกหนแห่ง การพบกันระหว่างเธอกับชายในฝันไม่เป็นไปอย่างที่คิด สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นจุดเริ่มต้นของความรักในเทพนิยาย กลับกลายเป็นนิยายที่มีจุดจบอันเลวร้าย

ใครอยากรู้จักเรื่องราวความเชื่อพื้นบ้านของญี่ปุ่น ที่มาพร้อมความรัก ความเจ็บปวด และชวนหลอน ห้ามพลาด “The Day the Wind Blew” ในวันที่ 21 พ.ย. นี้ เวลา 21.00 น. ทาง HBO GO

ฮาอึน