ยกให้เป็นอีกคู่ดูโอ้คุณภาพ ระดับตัวพ่อของวงการเคป๊อป สำหรับ “SUPER JUNIOR-D&E (ซูเปอร์ จูเนียร์ ดีแอนด์อี)” ที่มี 2 สมาชิก อย่าง ทงเฮ (DONGHAE) และ อึนฮยอก (EUNHYUK) จากวง SUPER JUNIOR (ซูเปอร์ จูเนียร์) ที่หลังจากโลดแล่นปล่อยผลงานในนาม D&E มาถึง 10 ปี และตอนนี้ทั้งคู่ก็ได้ปล่อยอัลบั้มเต็มชุดแรก “เคานท์ดาวน์ (COUNTDOWN)” แล้ว พร้อมเพลงไตเติล “ซีโร่ (ZERO)” ออกมาฉลองถึงมิตรภาพอันยาวนาน พร้อมแทนคำขอบคุณจากหัวใจส่งตรงถึง “เอลฟ์” (E.L.F. ชื่อแฟนคลับ)” กับสิ่งที่อยากสื่อว่า “ผมคือ ZERO ถ้าหากไม่มีคุณ”

สำหรับชื่ออัลบั้มใหม่ “COUNTDOWN” หมายถึงการนับถอยหลังรายชั่วโมง นาที และวินาที ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เริ่มต้นวางแผน ถึงเวลาที่ตั้งไว้สำหรับการเปิดตัวที่  “ZERO” ซึ่งในตอนท้ายของ “COUNTDOWN” นั้น SUPER JUNIOR-D&E ได้ใส่ความหมายของการเริ่มต้นใหม่อีกครั้งเอาไว้ โดยยึดจากช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ส่วนเพลงไตเติล “ZERO” เป็นการประกาศถึงการเริ่มต้นใหม่ของ SUPER JUNIOR-D&E ซึ่งมาในแนวอิเล็กทรอนิกส์ ฮิปฮอปที่มีเบสทรอปิคอล จังหวะอันมีชีวิตชีวา และเสียง Pluck ของคีย์บอร์ด โดย ทงเฮ ได้มีส่วนร่วมในการแต่งเนื้อร้องและทำเพลงนี้ ด้านเนื้อเพลงก็สร้างความประทับใจสุด ๆ กับการสื่อถึงว่า “ผมคงไม่เหลืออะไรเลย ถ้าหากผมไม่มีคุณ” ผ่านคำว่า “ZERO” ได้อย่างลึกซึ้ง ล่าสุด “ฮาอึน” มีโอกาสได้เปิดใจสัมภาษณ์ทั้งสองหนุ่มแบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟ พร้อมร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวอัลบั้มเต็มชุดแรก “COUNTDOWN” นี้ เลยไม่พลาดเก็บทุกความประทับใจและความคิดถึง มาฝากแฟน ๆ ชาวไทยแบบส่งตรงจากเกาหลีกัน

Q : รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้ปล่อยอัลบั้มเต็มชุดแรกในเกาหลี เพื่อฉลองครบรอบเดบิวต์ 10 ปีของพวกคุณ?

อึนฮยอก : มันมีความรู้สึกที่แตกต่างออกไปมาก ๆ ครับ เพราะว่ามันไม่ง่ายสำหรับยูนิตที่ได้ฉลองครบรอบ 10 ปีด้วยกัน ยิ่งไปกว่านั้นดีแอนด์อี ไม่ใช่อะไรที่ถูกวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า พวกเราทั้งสองคนเริ่มต้นมาอย่างไม่จริงจังเป็นกิจกรรมครั้งเดียวในคอนเสิร์ตของซูเปอร์ จูเนียร์ ครับ ไม่ว่าพวกเราเริ่มต้นมาอย่างไร แต่กิจกรรมนั้นได้ดำเนินมาอย่างยาวนาน และวันนี้ก็รู้สึกเหมือนเป็นกิจกรรมของพวกเราครับ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมถึงรู้สึกแตกต่างมาก ๆ กับการปล่อยอัลบั้มฉลองครบรอบ 10 ปีของเราครับ ทงเฮกับผมได้ทุ่มเทความพยายามเป็นอย่างมากในอัลบั้มนี้ และพวกเราตื่นเต้นที่ได้แสดงให้ทุกคนเห็นด้านใหม่ของดีแอนด์อี ผ่านอัลบั้มนี้ครับ

Q : ทำไมตั้งชื่ออัลบั้มว่า “เคานท์ดาวน์ (COUNTDOWN)” มีความหมายยังไง และคอนเซปต์ของอัลบั้มนี้เป็นยังไง?

ทงเฮ : ชื่ออัลบั้ม ‘เคานท์ดาวน์’ หมายถึงพวกเรา ‘ซูเปอร์ จูเนียร์ ดีแอนด์อี’ จะคัมแบ๊ก หากเรานับถอยหลังจาก ‘เคานท์ดาวน์’ ไปถึง ‘ซีโร่’ ซึ่งก็คือ 10 ไปถึง 0 ผ่านการที่เรามี 10 คอนเทนต์กับตัวเลข หรือช่วงเวลาที่สื่อว่า 10 ปี ตามด้วยเพลงไตเติล ‘ซีโร่’ ครับ

Q : พูดถึงความหมายและที่มาของเพลงไตเติล “ซีโร่ (ZERO)” หน่อย และคิดว่าทำไมแฟนชาวไทยจึงไม่ควรพลาดเพลงนี้?

ทงเฮ : ความหมายของเพลงไตเติล ‘ซีโร่’ คือ หมายเลขศูนย์ (0) ครับ และถ้าพวกเราไม่มีแฟน ๆ เอลฟ์  พวกเราก็คงเป็นศูนย์ และก่อนหน้าที่พวกเราจะได้เจอกับแฟน ๆ เอลฟ์ พวกเราเริ่มต้นจาก ‘ซีโร่’ ครับ เหตุผลที่แน่นอนเลยคือ ถ้าปราศจากแฟน ๆ  อย่างเอลฟ์ พวกเราก็ไม่เหลืออะไรเลย และในฐานะสมาชิกของ ‘ซูเปอร์ จูเนียร์ ดีแอนด์อี’ ถ้าปราศจากกันและกัน ก็อาจพูดว่า ‘ซีโร่’ ได้ครับ อีกอย่างคือพวกเราเริ่มต้นจากการไม่มีอะไรเลย นั่นก็หมายความว่า พวกเราเริ่มต้นจาก ‘ซีโร่’ (ศูนย์) ครับ

อึนฮยอก : เลขศูนย์หรือ ‘ซีโร่’ ยังมีข้อความอันเต็มไปด้วยความหมายว่า หากปราศจากเอลฟ์ พวกเราก็คงไม่เหลืออะไร พวกเราคือ ‘ซีโร่’ (ศูนย์) ครับ และยังหมายความถึงว่า ถ้าปราศจากกันและกัน ‘ดีแอนด์อี’ ก็คงจะเป็น ‘ซีโร่’ เช่นกันครับ

Q :  คุณ “ทงเฮ” มีส่วนร่วมในการทำเพลงและเขียนเนื้อเพลงของเพลงไตเติล “ซีโร่ (ZERO)” ในฐานะนักประพันธ์เพลง ช่วยบอกจุดสำคัญที่ควรจดจ่อขณะฟังหน่อย?

ทงเฮ : เพลงไตเติล ‘ซีโร่’ มีข้อความที่มีความหมายว่า ถ้าไม่มีแฟน ๆ ของพวกเรา พวกเราก็คงไม่เหลืออะไรเลย พวกเราคือ ‘ซีโร่’ โดยมันสามารถหมายความได้เช่นกันว่า ถ้าไม่มีกันและกัน ‘ดีแอนด์อี’ ก็คงเป็น ‘ซีโร่’ และถ้าไม่มีแฟน ๆ ของพวกเรา ก็คงไม่มีดีแอนด์อีครับ เพิ่มเติมคือพวกเราคงไม่ได้รับความรักและการสนับสนุนทั้งหมดนี้ รวมถึงอัลบั้มเต็มชุดแรกก็คงไม่มีอยู่ครับ อีกนัยหนึ่งคือขอบคุณแฟน ๆ ของพวกเรา พวกเราเลยสามารถเริ่มต้นจาก ‘ซีโร่’ ได้อีกครั้งครับ

Q :  ก่อนปล่อยอัลบั้มเต็มชุดแรก แต่ละคนก็ได้ปล่อยโซโล่ดิจิทัลซิงเกิ้ลของตัวเอง ระหว่างที่เตรียมการสำหรับอัลบั้มใหม่ มีความยากลำบากในเรื่องใดบ้างมั้ย?       

อึนฮยอก :  ขณะที่ทำอัลบั้มชุดนี้ เนื่องจากมันเป็นอัลบั้มเต็มชุดแรกของ ‘ดีแอนด์อี’ พวกเราเลยใช้เวลาไปกับอัลบั้มและเพลงเยอะมากครับ มันก็มีเหนื่อยทางกายบ้างนิดหน่อย และพวกเรารู้สึกได้เลยว่ามันกระทบต่อสุขภาพเราครับ สำหรับทงเฮเขาประสบปัญหาเล็กน้อยกับหัวเข่าที่ไม่ค่อยดีของเขาครับ ส่วนผมก็มีภาวะหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาทตรงช่วงคอครับ ดังนั้น การเตรียมงานเลยไม่ง่าย แต่พวกเราตั้งใจแน่วแน่ที่จะทุ่มสุดตัวครับ

ทงเฮ : สำหรับผมก็พยายามทานอาหารให้ครบสามมื้อต่อวันและออกกำลังกายบ่อย ๆ เพื่อดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเอง ขณะที่ทำการโปรโมตอัลบั้มใหม่ของ ‘ดีแอนด์อี’ ผมก็เริ่มใส่ใจสุขภาพมากขึ้นครับ ผมสามารถอดทนต่อการเจ็บป่วยคนเดียวได้ แต่เมื่อคิดว่ามันอาจกระทบผู้คนรอบข้างผม อย่าง อึนฮยอก หรือสมาชิกซูเปอร์ จูเนียร์ ของผม มันทำให้ผมตระหนักว่า ผมควรใส่ใจสุขภาพตัวเองให้มากกว่านี้ เพื่อที่จะสามารถแสดงตัวตนที่ดีที่สุดของผมออกมาได้ครับ

Q :   อัลบั้มเต็มชุดแรกนี้ แตกต่างจาก 4 มินิอัลบั้มที่ปล่อยมาก่อนหน้านี้ยังไง? คุณอยากส่งต่อข้อความอะไรผ่านอัลบั้มใหม่นี้บ้าง?

อึนฮยอก : ความแตกต่างระหว่าง 4 มินิอัลบั้มและอัลบั้มเต็มชุดแรกของพวกเรา ก็คงจะเป็นการที่เราทุ่มสุดตัวเพื่ออัลบั้มนี้ในทุกทางที่เป็นไปได้ครับ แน่นอนว่าพวกเราใช้ความคิดเยอะมากในทุกเพลงของเราเสมอครับ แต่พวกเราพยายามหนักมากจริง ๆ เพื่อความหมาย ตั้งแต่เพลงไตเติลของอัลบั้มเรา, แต่ละเพลงที่รวมอยู่ด้วย ตลอดจนแผนการสำหรับคอนเสิร์ตของพวกเราครับ

Q :   คุณมีส่วนร่วมในงานทั้งหมดของอัลบั้มเต็มชุดแรกนี้ ตั้งแต่คอนเซปต์ไปจนถึงการทำเพลง ดังนั้นจึงมั่นใจว่าอัลบั้มนี้ต้องพิเศษมาก ๆ คุณพอใจกับอัลบั้มที่ออกมาหรือเปล่า?

ทงเฮ :  อัลบั้มนี้มีความพิเศษมากสำหรับพวกเราครับ และถ้าผมต้องให้คะแนน ผมคงให้ 1,200 คะแนนจาก 100 คะแนนครับ ผมอยากบอกว่าผลลัพธ์ของมันออกมาดีมากกว่าที่ผมคาดหวังเอาไว้ครับ

อึนฮยอก : ผมรู้สึกเหมือนกันครับ! เหมือนกับว่า ‘เกินความคาดหมาย’ นั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึกครับ ผมพอใจกับอัลบั้มนี้มาก ๆ ครับ พวกเราทุ่มเทความพยายามให้กับอัลบั้มนี้ราวกับว่ามันเป็นครั้งสุดท้ายของเราเลยครับ ทุก ๆ เพลงตลอดจนหน้าปก หนังสือภาพในอัลบั้ม และคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่เราปล่อยนั้น มันออกมายอดเยี่ยมมากครับ ถ้ามีสิ่งหนึ่งในอัลบั้มนี้ที่ผมน่าจะทำได้มากกว่านี้ ก็คงเป็นการมีเพลงที่ร้องร่วมกับสมาชิก ซูเปอร์ จูเนียร์ อย่างน้อยสักหนึ่งเพลง เพราะอัลบั้มนี้ฉลองครบรอบ 10 ปีของ ‘ซูเปอร์ จูเนียร์ ดีแอนด์อี’ ครับ แม้ว่ามันเป็นอัลบั้มของดีแอนด์อี และมีอัลบั้มแยกสำหรับ ‘ซูเปอร์จูเนียร์’ แต่ก็คงจะดีและมีความหมาย ถ้ามีเสียงของสมาชิกพวกเรารวมอยู่ในอัลบั้มนี้ด้วยครับ

Q : นอกจากนี้ในอัลบั้ม มีเพลงอะไรที่อยากแนะนำให้แฟนชาวไทย ได้ฟังอีกบ้าง?

ทงเฮ : ตอบตามความจริงเลยนะครับ ผมอยากแนะนำทุกเพลงในอัลบั้มเลยครับ เพราะว่าทุกเพลงยอดเยี่ยมมากครับ แต่ถ้าต้องเลือกสักสองสามเพลง ผมอยากแนะนำให้ทุกคนฟังเพลงไตเติล  ‘ซีโร่’ ครับ ส่วนตัวผมอยากแนะนำโซโล่ซิงเกิ้ลของพวกเราทั้ง ‘แคลิฟอร์เนีย เลิฟ (California Love)’ และ ‘บี (be)’ ด้วยครับ ซึ่งส่วนตัวผมชอบเพลง ‘บี’ ของอึนฮยอกที่สุด เพลงนี้เคยจะเป็นเพลงของ  ‘ซูเปอร์ จูเนียร์ ดีแอนด์อี’ ครับ ปกติเวลาพวกเราได้รับเพลงเดโม่มา พวกเราจะเลือกเพลงที่เราชอบ และบางทีพวกเราก็เลือกเพลงที่มีสไตล์คล้ายกัน ซึ่งผมคิดว่านี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่พวกเรามาได้ไกลขนาดนี้ครับ ถ้าพวกเราทำเพลงนี้ด้วยกัน ผมคิดว่ามันคงจะยาก เพราะมันต้องใช้เสียงหลบเยอะมาก แต่อึนฮยอกร้องเสียงหลบได้เก่งมาก ๆ ครับ! เขาทำมันได้จริง ๆ และผมชอบเพลงนี้ที่สุดครับ ผมมั่นใจว่าพวกคุณหลาย ๆ คนได้ฟังเพลงนี้แล้ว แต่ผมก็อยากแนะนำมาก ๆ ให้ไปฟังเพลงนี้กันอีกครับ นอกจากนี้ผมก็อยากแนะนำเพลงแนวบัลลาด อย่าง ‘โฮม (Home)’ ที่รวมอยู่ในอัลบั้มนี้ครับ เพราะว่าผมเขียนเพลงนี้ขึ้นมาให้กับแฟน ๆ ตอนที่นึกถึงเอลฟ์ครับ ความหมายของเพลงนี้คือสถานที่สำหรับจะให้พวกเรากลับไปหาก็คือบ้านครับ แม้ว่าตอนนี้พวกเรากำลังทำทัวร์และกิจกรรมของเรากันเอง แต่ท้ายที่สุด ที่ที่พวกเราควรต้องกลับไปหาคือ กลับไปอยู่ข้าง ๆ เอลฟ์ของพวกเราครับ

อึนฮยอก : นอกเหนือจากเพลงไตเติล มันจะมีเพลงประกอบอัลบั้มที่ชื่อว่า “โฮม” ซึ่งเขียนโดยทงเฮ นักแต่งเพลงที่หล่อที่สุดที่ผมรู้จักครับ ส่วนตัวแล้วผมชอบเพลงแนวบัลลาดซาบซึ้งที่ทงเฮเขียนอย่าง “วัน มอร์ ช้านซ์ (One More Chance)” และ “โกรวิ่ง เพนส์ (Growing Pains)” ครับ “โฮม” ก็เป็นเพลงที่มีอารมณ์อ่อนไหวแบบนั้นเหมือนกันครับ จริง ๆ แล้วมันเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำหรับอัลบั้มของ ‘ซูเปอร์ จูเนียร์’ นะครับ แต่ว่ามีการตัดต่อเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยที่ต้องทำให้เสร็จครับ ดังนั้น พวกเราจึงใช้เวลาในการทำงานมากเป็นพิเศษ เพื่อเพิ่มมันเข้าไปในอัลบั้มของพวกเรา ‘ดีแอนด์อี’ ครับ มันเป็นเพลงที่ดีมากจริง ๆ ครับ

Q : พูดถึงผลงานโซโล่ก่อนหน้านี้ของคุณ “ทงเฮ” อย่างเพลง ‘California Love’ เล่าถึงเพลงนี้ให้ฟังหน่อย และทำไมจึงเลือก เจโน่ วง “NCT (เอ็นซีที)” มาร่วมฟีทเจอริ่งด้วย?

ทงเฮ : เพลง ‘แคลิฟอร์เนีย เลิฟ’ เป็นคำที่อยู่ดี ๆ ก็ผุดขึ้นมาในความคิดของผมตอนที่คิดถึงคอนเซปต์และชื่อของเพลงครับ เกี่ยวเนื่องกับคอนเซปต์นี้ มันทำให้ผมคิดถึงภาพของ ‘คุณเป็นเหมือนดวงอาทิตย์สำหรับผม ที่มีความร้อนแรงมากกว่าพระอาทิตย์จริง ๆ’  ซึ่งผมเขียนและทำด้วยตัวเองครับ มันเป็นเพลงฮิปฮอปอาร์แอนด์บีที่ดึงดูดใจ และเหมือนกับชื่อเพลง เนื้อเพลงอันแสนหวานก็แสดงถึงความปรารถนาที่จะแบ่งปันความรักกับคนที่คุณรัก ในความสวยงามของแคลิฟอร์เนีย ส่วนเจโน่ จากเอ็นซีที และผมได้พูดคุยกันเยอะมากเกี่ยวกับเรื่องดนตรีตั้งแต่ก่อนที่เจโน่จะเดบิวต์ พวกเรายังได้คุยกันด้วยว่าพวกเราสามารถทำมันให้เป็นจริงได้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงมีความสุขมาก ที่พวกเราสามารถทำให้บทสนทนาของเราในวันนั้นเป็นความจริงขึ้นมาได้ผ่านเพลง ‘แคลิฟอร์เนีย เลิฟ’ และแสดงเพลงคู่ใหม่ ๆ ของพวกเราให้กับแฟนคลับของ เอ็นซีทีและ เอลฟ์ได้ดูกันครับ

Q : ส่วนคุณ “อึนฮยอก” ก็มีผลงานโซโล่ในเพลง “be” และ “Red Muhly (เร้ด มูลี่)” ช่วยพูดถึงความพิเศษของทั้งสองนี้ให้ฟังหน่อย?

อึนฮยอก : สำหรับโซโล่ซิงเกิ้ล ‘บี’ เป็นเพลงป๊อปที่มีจังหวะและผมเขียนเนื้อเพลงด้วยตัวเองครับ ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับวัยเด็กของผมที่เต็มไปด้วยความฝันอันบริสุทธิ์ พร้อมเนื้อเพลงที่จริงใจ ซึ่งเนื้อเพลงถ่ายทอดความปรารถนาที่จะได้ความหลงใหลอันบริสุทธิ์กลับคืนมา ที่ผมมีต่อความฝันโดยไม่สูญเสียมันไปครับ แสดงให้เห็นถึงภาพวัยเด็กของผมที่เต็มไปด้วยความฝัน จากมุมมองในตอนนี้ของผมครับ และผมก็เขียนเนื้อเพลงของ ‘เรด มูลี่’ ตอนกำลังดูพระอาทิตย์สีแดงตกดิน มันมีคำสารภาพสุดเขินอายต่อคนรักตอนที่พระอาทิตย์กำลังตกด้วย และเป็นเพลงที่คุณสามารถฟังได้อย่างสบายใจครับ”

Q : ทั้งสองคนได้ลองทำคอนเซปต์ที่แตกต่างกันมาก ๆ ในเพลงโซโล่ คุณจะให้คะแนนผลงานโซโล่และกิจกรรมโปรโมตของแต่ละคนอย่างไรบ้าง?

อึนฮยอก : สำหรับเพลง ‘แคลิฟอร์เนีย เลิฟ’ เหมาะกับทงเฮมาก ๆ ครับ! มันเป็นเพลงที่แสดงด้านสบาย ๆ ของเขาบนเวทีได้ดีเลยครับ ยิ่งไปกว่านั้น เสียงร้องของเขาก็เข้ากับเพลงมากครับ

ทงเฮ :  เพลงโซโล่ ‘บี’ ของอึนฮยอก คือสไตล์เพลงที่ผมชอบจริง ๆ และผมชอบมาก ๆ ที่การเคลื่อนไหวของเขามันผ่อนคลายและสวยงามไปพร้อมกัน เขาเติมเต็มเวทีด้วยการแสดงของเขาจริง ๆ ครับ

Q : เพลงโซโล่ของพวกคุณแสดงเห็นถึงลักษณะเฉพาะตัวแต่ละคนได้เป็นอย่างดี และแฟนคลับก็ให้การตอบรับกันดีมาก ๆ ในอัลบั้มนี้จะได้ฟังเพลงโซโล่ที่ถูกปล่อยออกมาก่อนหน้าด้วยไหม?

อึนฮยอก : ได้ฟังครับ! อัลบั้มใหม่ ‘เคานท์ดาวน์’ จะถูกปล่อยออกมาถึง 3 เวอร์ชั่นที่แตกต่างกัน ทั้ง ‘เคานท์ดาวน์’, ‘แคลิฟอร์เนีย เลิฟ’ และ ‘บี’ ครับ เพลงโซโล่ของแต่ละคนจะอยู่ในอัลบั้มเวอร์ชั่นโซโล่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็คือเวอร์ชัน ‘แคลิฟอร์เนีย เลิฟ’ หรือ ‘บี’ ครับ

ทงเฮ : ผมขอเพิ่มด้วยครับว่า อัลบั้มนี้เป็นเหมือนนิตยสารที่มีทั้งภาพของ ดีแอนด์อี, อึนฮยอกและผม จัดแสดงอยู่ในแต่ละเวอร์ชั่นของอัลบั้ม ดังนั้น มันจะเป็นอัลบั้มที่น่าสนใจและควรค่าแก่การครอบครองแน่นอนครับ

Q :  SUPER JUNIOR-D&E อยากประสบความสำเร็จในอัลบั้มเต็มชุดแรก ‘COUNTDOWN’ ยังไงบ้าง?

อึนฮยอก : พูดตามตรงเลยนะครับ พวกเราไม่มีเป้าหมายอะไร เพราะพวกเราไม่อยากรู้สึกยึดติดกับเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง มันเป็นเรื่องยอดเยี่ยม ถ้าพวกเราได้รับผลลัพธ์ที่ดีสำหรับการทุ่มเททำงานหนักครับ แต่พวกเราแค่อยากอยู่ในสภาพแวดล้อมสนุก ๆ ที่พวกเราสามารถเพลิดเพลินไปกับการทำเพลงได้ครับ

ทงเฮ : ผมเองก็ไม่มีเป้าหมายเหมือนกันครับ! ผมมีทิศทางที่ตั้งไว้ที่ผมอยากมุ่งไปครับ แต่ผมตระหนักว่าหลาย ๆ ครั้งพวกเราไม่ได้ลงเอยในแบบที่เราคาดหวังไว้ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ที่ผมรักในดนตรี ทีมของผม และการทำการแสดงบนเวที ผมก็แค่อยากสนุกไปกับกระบวนการต่าง ๆ และพยายามให้ดีที่สุดในสิ่งที่ผมทำครับ ถ้าผมยังทำแบบนั้นต่อไป ผมรู้ว่าผมจะลงเอยบนเส้นทางที่ยอดเยี่ยมสำหรับผมครับ

Q :   ช่วยเล่าความรู้สึกของการได้ฉลองครบรอบ 10 ปีของ “SUPER JUNIOR-D&E” ช่วงเวลาไหนที่น่าจดจำที่สุดในตลอด 10 ปีที่ผ่านมา?

อึนฮยอก : มันเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายมาก ๆ สำหรับพวกเราที่ได้ฉลองครบรอบ 10 ปีใน‘ซูเปอร์ จูเนียร์ ดีแอนด์อี’ ครับ มันยากที่ต้องเลือกช่วงเวลาอันน่าจดจำแค่ช่วงเดียว แต่มีอันหนึ่งที่ผมเพิ่งนึกได้เลยครับ ผมจำได้ว่าตอนเราเดบิวต์ด้วยเพลง “โอปป้า, โอปป้า  (Oppa, Oppa)” และชินดงได้ถ่ายมิวสิกวิดีโอเพลงให้เรา ในตอนนั้นเขาถ่ายพวกเราทั้งในห้องพัก ลานจอดรถ และบนเวทีครับ ตอนนั้นผมไม่เคยคิดเลยว่าพวกเราจะมาไกลขนาดนี้ และนั่นก็เป็นตอนที่ชินดงเริ่มไล่ตามความฝันของเขาในการเป็นโปรดิเซอร์ด้วยครับ ดังนั้นพวกเราทั้งหมดได้ใช้ช่วงเวลาแรกด้วยกันครับ มันเป็นเวลา 10 ปีแล้วสำหรับ ‘ดีแอนด์อี’ รวมถึงชินดง คนที่ตอนนี้ได้โปรดิวซ์หลากหลายคลิปวิดีโอเพลงครับ อัลบั้มนี้มีความหมายมาก ๆ เพราะมันทำให้ผมนึกถึงความทรงจำทั้งหมดในอดีตครับ

ทงเฮ : ช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดของผมคงจะเป็นคอนเสิร์ตของพวกเรา ซึ่งรู้สึกเหมือนเป็นความฝันมาก ๆ ในทุกวันนี้ครับ ตอนที่เราจัดคอนเสิร์ต “เดอะ ดีแอนด์อี (THE D&E)” ในเกาหลี เราได้มีโอกาสเจอกับแฟน ๆ เยอะมาก และนักข่าวหลายท่านก็มาชมคอนเสิร์ตเช่นกัน ผมคงต้องบอกเลยว่าช่วงเวลานั้นพิเศษสุด ๆ ในความทรงจำของผมครับ พวกเราได้ไปทัวร์มาหลายประเทศนะครับ แต่พวกเราดีแอนด์อีเดบิวต์ด้วยเพลง “โอปป้า, โอปป้า  ” ในเกาหลี ดังนั้นคอนเสิร์ตแรกของพวกเราในเกาหลีจึงเป็นช่วงเวลาที่ผมลืมไม่ลงครับ

Q :    เมื่อมองย้อนกลับไปตอนเดบิวต์ อนาคตที่คุณวาดฝันไว้ในตอนนั้นเหมือนกับที่คุณเป็นอยู่ในตอนนี้ไหม? ช่วงเวลานี้ใกล้เคียงกับสิ่งที่พวกคุณ “D&E” ได้วาดฝันไว้เมื่อ 10 ปีก่อนหรือเปล่า?

ทงเฮ : สำหรับ 10 ปีที่แล้ว ผมคงไม่เคยจินตนาการว่า ‘ดีแอนด์อี’ จะมาถึงการครบรอบ 10 ปีครับ เพราะยูนิตดีแอนด์อีไม่ใช่สิ่งที่พวกเราวางแผนเอาไว้จริง ๆ ครับ อย่างไรก็ตาม พวกเราได้แบ่งปันความรักผ่านดนตรีและการแสดงบนเวที ดังนั้น พวกเราเลยได้พูดคุยกันเองเยอะมากในตอนที่ทำเพลงใหม่ หรือเดินทางไปต่างประเทศครับ เช่น ถ้าเราจะไปที่ไหนสักแห่งกับ ชินดง เราจะพาเขาไปที่ใดที่หนึ่งแล้วถ่ายวิดีโอประเภทใดก็ตาม ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นมิวสิกวิดีโอและคอนเทนต์ของเราครับ เวลาที่พวกเราตระหนักว่าหลาย ๆ คนกำลังรอคอนเทนต์ประเภทนั้นจากพวกเรา นั่นคือตอนที่พวกเราเริ่มวางแผนในการปรากฏตัวต่อแฟน ๆ เหล่านั้นมากขึ้น พร้อมด้วยคอนเทนต์และเพลงที่มากขึ้นเช่นกันครับ ผมรู้สึกขอบคุณมาก ๆ สำหรับการสนับสนุนเป็นอย่างมากจากเอสเอ็มฯ และเชื่อว่าทั้งหมดนี้ได้นำพาเรามาสู่ช่วงเวลาอันยอดเยี่ยมเหล่านี้ครับ

อึนฮยอก : ทงเฮมีไอเดียที่ยอดเยี่ยมเยอะมาก และเขามีความสามารถในการทำงานครับ สำหรับผมปกติแล้วจะพยายามทำให้ดีที่สุดเฉพาะงานที่มีอยู่ในมือครับ แต่ทงเฮเวลาพวกเราไปที่ไหน เขาคิดอยู่ตลอดเกี่ยวกับว่าอะไรที่สามารถทำได้ และคอนเทนต์แบบไหนที่สามารถทำได้ในหน้างาน ดังนั้นเขาให้คำแนะนำและเสนอไอเดียเยอะมาก ๆ กับบริษัทครับ ผมคิดว่านั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเราถึงสามารถสร้างคอนเทนต์ได้มากมายครับ

Q :  ณ ตอนนี้ เมื่อพูดถึง “SUPER JUNIOR-D&E” อยากให้แฟน ๆ คิดถึงอะไรมากที่สุด?

ทงเฮ : ผมหวังว่าคุณจะตั้งตารอและร่วมเป็นสักขีพยานในกระบวนการที่จะเกิดขึ้น ผ่านการเปลี่ยนแปลงและการลองท้าทายทำสิ่งใหม่ ๆ ของพวกเรานะครับ เมื่อไรก็ตามที่พวกเราพูดคุยกัน พวกเราไม่ชะล่าใจ หรือหยุดอยู่แค่สิ่งที่เราเป็น พวกเราพยายามลองสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ ‘ซูเปอร์ จูเนียร์ ดีแอนด์อี’ คือเพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่ว่าพวกเราต่างพยายามอยู่เสมอที่จะวาดอนาคตของเราเอง และทำงานร่วมกันในฐานะคู่หูทางด้านดนตรีตลอดไปครับ เมื่อแฟน ๆ คิดถึงพวกเรา ผมก็หวังว่าจะจดจำพวกเราถึงความเป็นเด็กหนุ่ม แต่มีความเป็นมืออาชีพ เมื่อพวกเราทำงานครับ

Q :  เมื่อแฟน ๆ ได้ฟังผลงานของ “SUPER JUNIOR-D&E” อยากให้ได้อะไรกลับออกไปที่สุด?

ทงเฮ : มีแค่เรื่องเดียวที่ผมอยากให้แฟน ๆ รู้สึกเมื่อได้ฟังเพลงของพวกเรา คือสุขใจ สบายใจ และรู้สึกว่าพวกเราจะอยู่กับพวกเขาตลอดไปครับ พวกเราคิดว่าเราสามารถร้องเพลงและทำการแสดงบนเวทีได้ เพราะแฟน ๆ ของพวกเราเท่านั้น ดังนั้น ผมอยากให้แฟน ๆ ได้รู้ว่าพวกเราจะอยู่เคียงข้างพวกเขาตลอดไปครับ

Q :  “SUPER JUNIOR-D&E”  เป็นยูนิตที่อยู่ด้วยกันมายาวนานถึง 10 ปีแล้ว มีอะไรที่ประทับใจในตัวอีกฝ่าย เล่าให้ฟังบ้าง?

ทงเฮ : ผมอยากบอกว่า ‘ขอบคุณมาก ๆ ครับ ที่อยู่เคียงข้างผม

อึนฮยอก : ผมอยากขอบคุณทงเฮ ที่อยู่กับผมมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมาครับ ผมรู้สึกซาบซึ้งที่เขาทำงานหนักมาเป็นเวลายาวนาน เพื่อเขียนเพลงดี ๆ ให้กับดีแอนด์อีครับ ผมอยากบอกเขาว่า มันเป็นความสุขของผมที่ได้ร้องเพลงและทำการแสดงบนเวทีร่วมกับเขา และได้พูดว่า ‘ขอบคุณนะ’ ‘ทำงานได้ยอดเยี่ยมมาก’ กับเขาครับ

Q :  คิดว่าอะไรทำให้พวกคุณยังอยู่ด้วยกันได้ยาวนานแบบนี้?

ทงเฮ : ผู้คนมากมายอาจคิดว่าพวกเราคล้ายกันครับ แต่ว่าจริง ๆ แล้ว พวกเรามีนิสัยส่วนตัวที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับ ซึ่งผมคิดว่าเป็นเหตุผลที่ช่วยให้เรารวมกันเป็นทีมได้นานมากขึ้นครับ

อึนฮยอก : ผมคิดว่า เหตุผลที่พวกเราสามารถเป็นทีมกันได้จนถึงวันนี้ คือเนื่องจากความจริงที่ว่าพวกเราเป็นเพื่อนกันมานานตั้งแต่สมัยเป็นเด็กฝึกครับ ในฐานะเพื่อนและในฐานะสมาชิกของซูเปอร์ จูเนียร์ ดีแอนด์อี พวกเราใช้เวลาพูดคุยกันเยอะมาก และผ่านบทสนทนาเหล่านั้น พวกเราก็สามารถแก้ไขปัญหากับความแตกต่างของเรามาได้ ผมคิดว่าเราสามารถเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และทำงานร่วมกันในฐานะสมาชิกซูเปอร์ จูเนียร์ ดีแอนด์อี มายาวนานได้เพราะพวกเราพยายามเข้าใจและนึกถึงกันครับ

Q :   ในฐานะเพื่อนที่คบกันมายาวนานและศิลปิน ช่วยบอกถึงจุดแข็งของอีกฝ่ายหน่อย ในฐานะศิลปินที่อยู่ในวงการเพลงเคป๊อปมานาน คุณมีความคิดหรือเป้าหมายที่แตกต่างไปอย่างไร เมื่อเทียบกับในอดีต?

อึนฮยอก : ผมคิดว่าหนึ่งในจุดเด่นที่สุดของทงเฮคือ หน้าตาของเขาที่ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้จะผ่านมา 16 ปีครับ!

ทงเฮ : ผมคิดว่าหนึ่งในจุดแข็งของอึนฮยอกคือ เขาทำงานหนักเสมอครับ นี่เลยเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเราถึงสามารถฉลองครบรอบ 10 ปีในฐานะ ‘ซูเปอร์ จูเนียร์ ดีแอนด์อี’ ได้ เพราะว่าอึนฮยอกร่วมด้วยเสมอในการลองทำอะไรก็ตามที่ผมแนะนำครับ ผมเชื่อใจและพึ่งพาอึนฮยอกเยอะมาก และเขาทำให้ผมรู้สึกสบายใจเสมอ ดังนั้นถ้าไม่มีอะไรอย่างนั้น พวกเราคงไม่สามารถมาได้ไกลขนาดนี้ครับ ส่วนเรื่องที่ความคิดผมเปลี่ยนไปนั้น เมื่อคุณอยู่กับคนอื่น หรือในกรณีของผมก็คือ ‘ซูเปอร์ จูเนียร์’ มันอาจเป็นความขัดแย้งได้ เพราะทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเองและคิดแตกต่าง ตอนนั้นผมอยากให้สมาชิกคิดแบบเดียวกับผมเพื่อตัดสินใจไปด้วยกัน แต่ผมตระหนักว่ามันไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเลยครับ พวกเราทั้งหมดคิดแตกต่างกันและมันสำคัญที่ต้องเคารพในความแตกต่างเหล่านั้น เพราะพวกเราทำงานในฐานะวงได้ดีจริง ๆ ก็เพราะแบบนั้นครับ

Q :  อยากได้ทักษะ ความสามารถ หรือนิสัยอะไรในตัวอีกฝ่ายมาเป็นของตัวเองบ้าง?

ทงเฮ : อย่างที่ผมเคยพูดอยู่บ่อย ๆ  ผมนึกถึงทักษะการพูดของอึนฮยอกที่สุดครับ และผมอยากเรียนรู้จากเขาครับ

อึนฮยอก : ผมอยากที่จะได้ความขยันของทงเฮครับ ส่วนตัวผมมุ่งมั่นตั้งใจทำงานของผมอย่างขยันขันแข็ง แต่ก็เฉพาะตอนที่ผมจำเป็นต้องทำ เมื่อผมมีเวลาว่างอยู่ที่บ้าน น้อยครั้งมากที่ผมจะทำอะไร ผมแค่อยู่บ้านเฉย ๆ ทั้งวัน ในทางกลับกันนั้น ทงเฮจะยุ่งกับการทำบางอย่างอยู่ตลอด เขาทั้งออกกำลังกาย ขี่จักรยาน ตีกอล์ฟ และทำงานอดิเรกอื่น ๆ ของเขาครับ ผมอยากที่จะขยันให้ได้เหมือนเขาครับ

Q :  ช่วงต้นปีนี้ “SUPER JUNIOR” ได้ปล่อยอัลบั้มเต็มชุดที่ 10 และล่าสุด “SUPER JUNIOR-D&E” ก็ปล่อยอัลบั้มเต็มชุดแรกในเกาหลี การออกอัลบั้มที่มีความหมายในปีนี้ ช่วยบอกหน่อยว่าปี 2021 เป็นปีแบบไหนสำหรับคุณทั้งสองคน

อึนฮยอก : ปี 2021 เป็นปีที่ยุ่งมาก ๆ สำหรับพวกเราครับ พวกเราปล่อยอัลบั้มเยอะมากและเตรียมหลาย ๆ คอนเทนต์ แต่พวกเราก็รู้สึกถึงความว่างเปล่าที่เราไม่สามารถเติมเต็มได้ เพราะว่าไม่ได้เจอแฟน ๆ ของเราครับ

Q :  สำหรับคุณทั้งคู่แล้ว มาในปีนี้ “E.L.F (เอลฟ์)” และ “SUPER JUNIOR” ทั้งสองอย่างนี้ เปรียบเสมือนอะไร?

ทงเฮ : ผมคิดว่าพวกเรามีความสัมพันธ์กันในแบบที่แยกจากกันไม่ได้ครับ จริง ๆ แล้วผมคิดว่ามันเป็นมากกว่าความสัมพันธ์ในแบบคู่หู หรือครอบครัวครับ

อึนฮยอก : เอลฟ์และซูเปอร์ จูเนียร์ คือปัจจัยที่ขาดไม่ได้อย่างแท้จริงในชีวิตของผมครับ พวกเขาเปรียบเสมือนตัวตนของผมครับ เอลฟ์และซูเปอร์ จูเนียร์ เป็นทั้งชีวิตของผม พวกเขาหมายถึงทุกอย่างสำหรับผมครับ

Q :  ตอนนี้เวลาว่างทำอะไรกัน ได้ค้นพบทักษะใหม่ ๆ บ้างมั้ย?

ทงเฮ : เนื่องจากผมชอบเล่นกีฬาอยู่เสมอ ในช่วงเวลาที่ว่างผมก็จะออกกำลังกาย หรือตีกอล์ฟครับ ส่วนงานอดิเรกอื่น ๆ ที่ผมทำอยู่ตลอดคือ การทำเพลงใหม่ ๆ รวมถึงการคิดถึงเรื่องดนตรีทั่ว ๆ ไปด้วยครับ

อึนฮยอก : ตอบตามความจริง ผมไม่ค่อยทำอะไรเป็นพิเศษเลยครับ ตอนที่มีเวลาส่วนตัว ผมตั้งใจที่จะออกกำลังกาย ดูแลผิวพรรณและเส้นผมของตัวเอง รวมถึงเรียนภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่นครับ อีกทั้งผมยังดูทีวี หรือภาพยนตร์ตอนอยู่ที่บ้านด้วยครับ

Q :  พูดถึงเมืองไทยกันบ้าง ทั้งคู่เป็นศิลปินที่แฟนชาวไทยให้ความรักเยอะมาก และทั้งคู่ก็ไม่ได้มาเมืองไทยมานานมากแล้ว คิดถึงอะไรในเมืองไทยมากที่สุด?

ทงเฮ : เรื่องนี้พวกเราพูดถึงกันอยู่เสมอเลยครับ ครั้งแรกที่พวกเราขึ้นเครื่องบินและเดินทางไปต่างประเทศคือ ตอนที่มาประเทศไทยครับ ผมคิดถึงมาก ๆ เวลาที่เอลฟ์ชาวไทยจะมารอต้อนรับพวกเราอย่างอบอุ่นที่สนามบิน และผมยังคิดถึงการที่ได้เจอกับแฟน ๆ ของพวกเราที่คอนเสิร์ต ได้ยินเสียงของพวกเขาเชียร์พวกเรา หรือได้ดูโปรเจคท์ต่าง ๆ ที่พวกเขาเตรียมไว้ให้กับพวกเราครับ และสุดท้ายคือ ผมยังจำได้ถึงการได้นวดไทยหลังจบตารางงานของพวกเราด้วยครับ

Q : ฝากผลงานและฝากความคิดถึงแฟนชาวไทย ที่รอคอยจะได้เจอและคอยสนับสนุนพวกคุณ?

ทงเฮ : ผมคิดว่าผมจะซึมเศร้า เพราะว่าผมไม่ได้เจอกับแฟน ๆ เอลฟ์ชาวไทยของผมนานแล้ว พวกเราอยากเจอกับทุกคนไว ๆ เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นและมีโอกาสที่ได้เดินทางไปต่างประเทศ พวกเราอยากที่จะจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยให้เร็วที่สุด และบอกกับทุกคนด้วยตัวเองว่าพวกเราคิดถึงทุกคนมากแค่ไหนครับ ขอบคุณที่คอยสนับสนุนพวกเราเสมอ พวกเรารับรู้เป็นอย่างดีว่าทุกคนคอยแสดงการสนับสนุนพวกเราจากที่ไกล ๆ ดังนั้น พวกเราจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ต่อไป เพื่อตอบแทนทุกความรักและการสนับสนุนที่ทุกคนมอบให้กับพวกเราครับ ขอบคุณครับ

ต้องบอกว่า “ทงเฮ” และ “อึนฮยอก” เป็นศิลปินที่เคยหยุดพัฒนา และมองหาสิ่งใหม่ ๆ มอบให้วงการเพลงเสมอ ที่สำคัญทั้งคู่ยังได้หยิบเอาความรักและผูกพัน ทั้งที่ได้รับจาก “E.L.F” และ “SUPER JUNIOR” รวมถึงที่ได้รับจากกันและกัน มาสร้างสรรค์เป็นงานดนตรี ที่นอกจากจะเพราะแล้วยังเต็มไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้งอีกด้วย!

“ฮาอึน”