“อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง” สุภาษิตสอนใจ ทุกคนคงเคยได้ยินมาตั้งแต่เด็ก สอนให้เรารู้ว่าอย่าไปเชื่อใจใครง่ายๆ เพราะอาจจะทำให้เราเดือดร้อนได้ อย่างเช่นชีวิตของ นายอุทัย จงใจงาม อายุ 39 ปี ชาวบ้านหมู่ 2 คุ้มชาวประมง ต.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ กับพี่สาวภรรยาคือ นางเสาวนี บุญตา หรือ ป้าแต อายุ 39 ปี
ด้วยความที่เป็นคนซื่อ มีน้ำใจ และเชื่อใจคนง่าย ทำให้ทั้งสองคนและครอบครัวเดือดร้อนจนแทบถึงกับจะต้องติดคุกติดตะรางกันเลยทีเดียว!!
วันหนึ่ง อุทัย ได้ขับรถพาลูกสาววัย 13 ปี ไปที่โรงพยาบาลสตึก พร้อมกับถุงที่บรรจุบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กาแฟ และยาเส้น ก่อนจะแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าขอฝากของให้กับ นายอนุชา บุญจันทร์ อายุ 41 ปี ซึ่งป่วยโควิด-19 ที่รักษาตัวอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบของในถุงก่อนจะมองหน้าอุทัยด้วยความสงสัย แต่ชายหนุ่มกลับไม่แสดงท่าทีมีพิรุธแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงได้ถ่ายรูปอุทัยพร้อมกับสิ่งของไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะบอกให้สองพ่อลูกกลับบ้านได้
ต่อมาตำรวจ สภ.สตึก ได้มาที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบสิ่งของต้องสงสัยที่อุทัยนำมาฝาก หลังรับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล พบว่ามี “ยาบ้า” 10 เม็ด ถูกห่อด้วยฟอยล์ซุกซ่อนอยู่ในซองยาเส้น ก่อนจะเดินทางไปที่บ้านของอุทัย เจ้าตัวปฏิเสธไม่รู้เรื่อง ตำรวจตรวจสอบในบ้านพบเงิน 1 แสนบาท และทองรูปพรรณน้ำหนัก 5 บาท จึงนำมาเป็นหลักฐานพร้อมนำตัวอุทัยมาสอบปากคำที่โรงพัก
เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อสงสัย “อุทัย” อาจจะเป็นแก๊งยาบ้าที่นำลูกสาวมาส่งของด้วย เพื่อให้ดูแนบเนียนตบตาเจ้าหน้าที่ก็เป็นได้
“ผมไม่รู้เรื่อง ยาบ้าไม่ใช่ของผม ป้าแตเอาของมาฝากให้ส่งอีกที ส่วนที่ผมพาลูกสาวไปด้วยเพราะผมเขียนหนังสือไม่เป็น จึงให้ลูกเป็นคนเขียนชื่อคนรับของติดไว้ที่ถุง เงินทองทั้งหมดที่มี ผมกับภรรยาก็หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงทำมาหากินและเก็บออม ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเลย” อุทัย ยืนยันหนักแน่นกับตำรวจ
จากนั้นตำรวจได้เชิญตัว “ป้าแต” หรือ นางเสาวนี บุญตา อายุ 39 ปี พี่ภรรยาของอุทัย มาสอบปากคำหลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับยาบ้าเจ้าปัญหา เพราะอุทัยอ้างว่าป้าแตเป็นคนเอาถุงสิ่งของมาฝากให้อุทัยไปส่งที่โรงพยาบาล
ป้าแต ยืนยันไม่รู้ว่ามียาบ้าซุกซ่อนอยู่ในถุง มีผู้ชายขี่รถจักรยานยนต์มาถามว่าวันนี้จะไปโรงพยาบาลมั้ย ก็บอกว่าไป ชายคนนั้นจึงฝากของให้ไปส่งอนุชาที่โรงพยาบาล พอดีเจออุทัย น้องเขย ที่กำลังจะขับรถไปส่งปลาก็เลยฝากไปอีกที เพราะตนจะต้องไปเลี้ยงควาย ถ้ารู้ว่ามีสิ่งผิดกฎหมายจะไม่ให้น้องเขยเอาไปส่งแน่นอน และจะไม่รับฝากของเด็ดขาด เสียใจที่ทำให้น้องเขยต้องเดือดร้อนไปด้วย
จากการสอบสวนทั้งพยานหลักฐาน ทีแรกเจ้าหน้าที่เชื่อได้ว่ามีความเชื่อมโยงกัน จึงแจ้งข้อหา อุทัย กับ ป้าแต “ร่วมกันค้ายาบ้า”
หลังจากตำรวจใช้เวลาสอบสวน ป้าแต ให้การชัดเจนว่า อุทัยไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ตนเองเป็นคนนำถุงสิ่งให้อุทัยไปฝากคนไข้ที่โรงพยาบาลเอง จากนั้นตำรวจจึงได้ปล่อยตัวอุทัยกลับบ้าน ขณะที่ภรรยาของอุทัยพร้อมญาติพี่น้องรู้ข่าวต่างดีใจรอรับอุทัยอยู่ที่บ้าน พร้อมทำพิธีผูกข้อไม้ข้อมือเรียกขวัญหลังพ้นมลทิน
ตามแนวทางการสืบสวนตำรวจพบว่า นายอนุชา บุญจันทร์ คนไข้ป่วยโควิด เป็นคนสั่งยาบ้าจริง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับ ฐานพยายามสั่งยาบ้า และนำหมายจับไปที่โรงพยาบาล ใช้วิธีวิดีโอคอลอ่านหมายศาลให้นายอนุชา ทราบ เจ้าตัวก็ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนสั่งซื้อยาบ้าจริง โดยทุก 3 วัน จะสั่งมาประมาณ 10 เม็ด ในราคา 300 บาท แล้วเอาไปเสพในห้องน้ำผู้ป่วย
และไม่ทันข้ามวัน ตำรวจได้ขยายผลไปจับกุมแก๊งยาบ้าที่นำสิ่งของมาฝากป้าแตได้ในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้อุทัยและป้าแตพ้นข้อหาไม่มีความผิด ส่วนสาเหตุที่แก๊งยาใช้ป้าแตเป็นเครื่องมือ ก็เพราะเห็นว่าแกเป็นคนซื่อ
หลังทุกอย่างคลี่คลาย ป้าแต ถึงกับร้องไห้โฮกล่าวว่า “หนูดีใจมากที่พ้นความผิด ที่ผ่านมาหากินสุจริตไม่เคยคดโกงใคร ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่ก็เสียใจที่สุดในชีวิตที่เขาว่าหนูขายยาบ้า แล้วชาวบ้านที่รู้ข่าวก็ตราหน้าว่าหนูค้ายาบ้า ทุกวันนี้ไปเลี้ยงควายก็ต้องกลับบ้านค่ำๆ เพราะไม่อยากเจอใคร อายชาวบ้านเขา คนทำเขาเห็นหนูเป็นผักเป็นปลาถึงทำกับหนูได้ ต่อไปหนูจะไม่รับฝากอะไรจากใครอีกแล้ว หนูเข็ด”
ขณะที่นายแสวง ในทอง อายุ 51 ปี สามีป้าแต กล่าวว่า ตอนนี้ตนต้องหยุดงานเพื่อมาดูแลความรู้สึกของภรรยา เพราะเขาเป็นคนคิดมาก ไม่กล้าให้อยู่ห่างเพราะกลัวเขาคิดสั้น ไม่อยากให้ภรรยาเสียใจมากกว่านี้ พยายามปลอบใจตลอด แต่คิดว่าไม่นานทุกอย่างจะเป็นปกติ
คอลัมน์ : นิยายชีวิต โดย : อสงไขย
เรื่องและภาพโดย : วันชัย ผิวอร่าม จ.บุรีรัมย์
แนะนำเรื่องราวชีวิตดั่งนิยาย หรือสอบถามได้ที่ [email protected]