นายซาฟรุล อาซิส รัฐมนตรีคลังมาเลเซีย แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภา ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ รัฐบาลเตรียมเงินไว้ใช้จ่าย ในปีงบประมาณหน้า จำนวน 332,100 ล้านริงกิต (ประมาณ 2,657,280 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจาก 320,600 ล้านริงกิตในปีนี้

มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในช่วงไตรมาสสาม ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศไม่เป็นไปตามเป้าหมาย คาดว่าจีดีพีมาเลเซียจะขยายตัวราว 5.5-6.5% ในปี 2565 จากคาดการณ์ 3-4% ในปีนี้

นี่เป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปีฉบับแรก ของนายกรัฐมนตรีอิสมาอิล ซาบรี ยาค็อบ ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง นายกฯ คนที่ 9 ของมาเลเซีย เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังการเปลี่ยนรัฐบาล 2 ชุด นับตั้งแต่การเลือกตั้งใหญ่ปี 2561

อิสมาอิลเคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลของ มูห์ยิดดิน ยาสซิน นายกรัฐมนตรีคนที่แล้ว ซึ่งลาออกหลังทำหน้าที่ผู้นำได้ไม่ถึง 18 เดือน เนื่องจากเกิดความขัดแย้งหนักภายในพรรคร่วมรัฐบาล

การครองตำแหน่งของอิสมาอิล ยังทำให้อำนาจทางการเมืองกลับคืนสู่มือของพรรคอัมโน แกนหลักของ 14 พรรคพันธมิตร “แนวร่วมแห่งชาติ” ที่ผูกขาดครองอำนาจเป็นรัฐบาลมาตลอด ตั้งแต่มาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษ ในปี 2500 ก่อนจะพ่ายแพ้เลือกตั้งปี 2561 ท่ามกลางเรื่องทุจริตอื้อฉาวในโครงการวันเอ็มดีบี

CNA

หัวใจหลักของแผนงบประมาณฉบับนี้คือ การช่วยเหลือเยียวยาวประชาชนรายได้น้อย ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ภายใต้โครงการ ความช่วยเหลือครอบครัวชาวมาเลเซีย หรือ เอ็มเอฟเอ (Malaysian Family Assistance) ด้วยการแจกเงินสด รวม 8,200 ล้านริงกิต (65,612 ล้านบาท) แก่ผู้เข้าข่ายได้รับสิทธิ กว่า 9.6 ล้านคน

ครอบครัวที่มีลูกตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป และมีรายได้เข้าบ้าน เดือนละไม่ถึง 2,500 ริงกิต จะได้รับเงินก้อนจากรัฐบาลแบบครั้งเดียว ครอบครัวละ 2,000 ริงกิต (16,000 บาท)

พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือครอบครัวที่มีรายได้ไม่ถึง 5,000 ริงกิต จะได้รับเงินก้อน 500 ริงกิต ส่วนประชาชนผู้สูงอายุ จะได้รับเงินคนละ 300 ริงกิต

ส่วนการช่วยเหลือธุรกิจรายย่อยและขนาดกลาง จะยกเว้นการเก็บภาษีเงินได้เป็นงวด ออกไป 6 เดือน จนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2565 เจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ลดค่าเช่าแก่ผู้ทำธุรกิจ อย่างน้อย 30% จะได้รับการยกเว้นภาษี

งบประมาณฉบับนี้กำหนดการให้ความช่วยเหลือพิเศษ แก่ผู้หญิงและเด็กด้วย โดยรัฐบาลจะออกกฎระเบียบ บังคับทุกบริษัทขนาดใหญ่ ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ต้องมีผู้หญิงอย่างน้อย 1 คน ในคณะกรรมการบริหารระดับสูงของบริษัท เพื่อให้การยอมรับบทบาทของสตรี ในกระบวนการตัดสินใจทางธุรกิจ

ปัจจุบัน บริษัทมหาชนของมาเลเซีย 100 บริษัท มีผู้หญิงนั่งในบอร์ดบริหารประมาณ 25% แต่ 252 บริษัทหรือ 27% ของบริษัมหาชนทั้งหมดในมาเลเซีย ไม่มีผู้หญิงอยู่ในบอร์ดผู้บริหาร

ซาฟรุล กล่าวว่า บริษัทใดรับผู้หญิงว่างงาน แม่บ้าน และแม่เลี้ยงเดี่ยวเข้าทำงาน จะได้รับสิทธิประโยชน์เป็นแรงจูงใจจากรัฐบาล โดยรัฐบาลจะช่วยจ่ายเงินเดือน 30% ของค่าจ้าง ของการทำงานในช่วง 6 เดือนแรก และ 40% ในช่วง 6 เดือนถัดไป โดยมีเงื่อนไขจะต้องเป็นเงินเดือนตั้งแต่ 1,200 ริงกิตขึ้นไป

รัฐบาลจะใช้เงินเกือบ 5,000 ล้านริงกิต สำหรับการสร้างงานใหม่ 600,000 ตำแหน่ง

แผนงานเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณจำนวน 31,000 ล้านริงกิต สำหรับการอุดหนุน ให้ความช่วยเหลือ และสร้างแรงจูงใจ เพื่อผ่อนคลายภาระของรัฐ

ในส่วนของการเพิ่มเงินในคลัง ซาฟรุลบอกว่า รัฐบาลจะเก็บภาษีพิเศษแบบครั้งเดียว จากบริษัทที่มีรายได้สูง ผลกำไรสุทธิมากกว่า 100 ล้านริงกิต โดยกำไร 100 ล้านริงกิตแรก รัฐจะเด็บภาษีในอัตรา 24% ส่วนที่เหลือเก็บในอัตรา 33%.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : REUTERS