นรกบาห์เรน EP.2 ตอนจบ..
ภายหลัง “แอน” ได้รับการช่วยเหลือจาก นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ประสานกระทรวงการต่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมานามา และตำรวจบาห์เรน พาออกจากขุมนรกบาห์เรนจนได้เดินทางกลับถึงประเทศไทยในวันที่ 1 มี.ค.64
“แอน” ดีใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเท้าได้แตะผืนแผ่นดินบ้านเกิดอีกครั้ง หลังเคยคิดว่าจะต้องเอาชีวิตไปทิ้งที่บาเรนห์เสียแล้ว ในใจครุ่นคิด ตั้งใจจะเริ่มต้นชีวิตใหม่อยู่กับครอบครัว ทำมาหากินเลี้ยงดูแลแม่กับลูก จะลำบากยังไง อยู่ประเทศไทยก็ยังดีกว่า!!
ย้อนคิดไปถึงช่วงลุ้นรอการช่วยเหลือนั้น ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี ขณะที่ตัวเองถูกขังอยู่แต่ในตึก ไม่ได้ออกไปเห็นเดือนเห็นตะวัน เมื่อเจ้าหน้าที่สถานทูตขอให้ส่งโลเคชั่นและรูปหน้าตึกไปให้ ถ้าวันนั้นไม่ได้หนุ่มบาห์เรน แฟนเพื่อน ช่วยถ่ายรูปส่งมาให้ ก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไร
ผู้ชายที่มาซื้อบริการทางเพศมีหลากหลายรูปแบบ บางคนนึกจะทำอะไรกับเราก็ได้ เหมือนเราไม่ใช่คน บางคนก็สุภาพเมื่อเขารู้ว่าเราถูกหลอกมาก็สงสารแต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง? เพราะเจ้าของร้านตัวจริงเป็นหญิงไทยที่มีสามีเป็นชาวบาห์เรน มีเครือข่ายเส้นสายที่ไม่มีใครอยากไปยุ่งด้วย
“หนูโชคดีมากที่ผ่านนรกบาห์เรนมาได้ ทีแรกคิดว่าถ้าไม่มีใครช่วยอาจจะต้องตายอยู่ที่นั่น ขอฝากไปยังสาวไทยทุกคนที่คิดจะไปทำงานต่างประเทศ ระวังจะถูกหลอกเหมือนหนู เพราะไม่มีงานสบายที่ไหนจะได้เงินเยอะๆ ตามที่เขาขายฝัน อย่าไปหลงเชื่อ เพราะเจ้าหน้าที่อาจจะช่วยเหลือไม่ได้ทุกคน”
หลังดีใจได้แค่ 2 วัน “แอน” ก็ต้องเจอกับข่าวร้าย และชีวิตต้องตกไปอยู่ในช่วงความเป็นความตายอีกครั้ง แอน เล่าว่า..
วันที่ 1 มี.ค. เมื่อถึงสนามบินสุวรรณภูมิ แอน กับผู้โดยสารทั้งหมดต้องเข้าสู่มาตรการป้องกันโควิด-19 โดยถูกส่งไปกักตัวที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี และเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าแอนติดเชื้อโควิด พร้อมกับคนที่เดินทางมากับสายการบินเดียวกันอีก 10 กว่าคน!!
แอน ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน อ.พานทอง จ.ชลบุรี อยู่ได้ 4 วัน อาการทรุดหนักเพราะเชื้อลงปอด และเชื้อโควิดที่ติดมาจากต่างประเทศ เป็นสายพันธุ์ซึ่งรุนแรงมาก จากนั้นแอนได้ถูกส่งไปรักษาตัวในห้องไอซียูของโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง เป็นเวลาถึง 1 เดือนเศษ ก่อนที่แพทย์จะอนุญาตให้กลับบ้านในวันที่ 17 เม.ย.64
“กลับไปบ้านที่ จ.สมุทรปราการ คืนแรก จู่ๆ ก็รู้สึกเหนื่อย หายใจไม่สะดวก จึงรีบแจ้งไปยังหมอที่รักษาทันที หมอให้หนูรีบกลับไปเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อดูอาการ เพราะคาดว่าเชื้ออาจจะยังไม่หมด โดยใช้เวลารักษาตัวอีก 2 สัปดาห์ จึงได้กลับบ้านมากักตัวต่ออีก 20 วัน ถึงจะหายดี”
หลังกลับมาอยู่บ้านหนูได้เจอกับ “ยายวรรณ” คนที่หลอกหนูไปบาห์เรน จึงได้ต่อว่าเขา “ทำไมถึงทำกับหนูแบบนี้?” แต่ยายวรรณก็ปฏิเสธ ไม่ได้ทำอะไร และยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซ้ำยังท้าทายให้ไปแจ้งตำรวจ เพราะมั่นใจไม่มีใครเอาผิดเขาได้
หนูเจ็บใจมาก!! แต่ก็เชื่อว่าเวรกรรมนั้นมีจริง ใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับกรรม ต่อมาตำรวจ ปคม. ได้นัดให้หนูไปสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานจนออกหมายจับยายวรรณได้ ในข้อหา เป็นธุระจัดหาส่งหญิงไทยไปค้าประเวณี และกำลังจะขยายผลจับขบวนการค้ามนุษย์รายนี้..
“นับเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ที่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงตายถึง 2 ครั้ง ทุกวันนี้ หนูขอทำมาหากินอยู่บ้านเราดีกว่า อยู่กับครอบครัว ยากดีมีจนก็ยังมีความสุข ถ้าขยันทำมาหากินก็คงไม่อดตาย”
ด้าน นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวเตือนถึงหญิงไทยที่กำลังคิดจะเดินทางไปทำงานที่บาห์เรน ว่า หากมีใครชักชวนไปทำงานต่างประเทศอ้างว่างานสบาย รายได้ดี อย่าไปหลงเชื่อ เพราะเสี่ยงที่จะถูกหลอก ควรจะตรวจสอบจากกระทรวงแรงงานให้ดีก่อน
ที่ผ่านมา หญิงไทยเมื่อไปถึงจะถูกกักขัง ยึดพาสปอร์ต ให้เซ็นสัญญาเงินกู้นับแสนบาท และต้องก้มหน้าก้มตาขายบริการ 24 ชั่วโมง เพื่อใช้หนี้ ทำงานโดยไม่ได้เงินเลยสักบาท การไปทำงานที่บาห์เรนไม่ได้เป็นการขุดทองอย่างที่คิด กลายเป็นไปตกนรกมากกว่า อย่าไปนึกว่าเงินหมื่นเงินแสนเราจะได้ง่ายๆ ไม่มีทาง
“ที่สำคัญการช่วยเหลือหญิงไทยที่ถูกหลอกไปค้ามนุษย์ข้ามชาตินั้น เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้จะช่วยเหลือได้ทุกรายเสมอไป เพราะฉะนั้นอย่านึกว่าไปแล้ว อยู่ในขุมนรกแล้ว มูลนิธิปวีณาฯ จะช่วยได้ทุกเคส ก่อนจะไปต้องไตร่ตรองตรวจสอบให้ดีเสียก่อน แนะนำว่าอยู่บ้านเราถ้าขยันทำมาหากิน ไม่มีวันอดตายแน่นอน”
สำหรับผู้ที่ต้องการร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ สามารถโทรฯ ติดต่อได้ที่ เบอร์ 1134, 09-8478-8991, 08-1814-0244, 08-1890-1355, 06-2560-1636, 06-3237-7327 ในเวลาทำการ หรือ Facebook : มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ตลอด 24 ชั่วโมง
หวังหนีความจนทำเพื่อครอบครัว ถูกหลอกค้ากามบาห์เรน หวิดเอาชีวิตไม่รอด!
คอลัมน์ : นิยายชีวิต โดย : อสงไขย
แนะนำเรื่องราวชีวิตดั่งนิยาย หรือสอบถามได้ที่ [email protected]