พูดถึงเรื่องน้ำมันกันหน่อยครับ จากข้อมูลกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ระบุว่าประเทศไทยมีความต้องการใช้น้ำมันดิบวันละประมาณ 1 ล้านบาร์เรล ในจำนวนนี้สามารถผลิตได้ภายในประเทศ ทั้งแหล่งน้ำมันบนบกและในทะเล รวมกันแค่ 100,000 บาร์เรล อีก 900,000 บาร์เรล ยังต้องพึ่งพาการนำเข้า
ข้อมูลราคาน้ำมันดิบ ณ วันที่ 25 ต.ค. 64 ที่ตลาดดูไบ 84.52 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ลองเอาค่าเงินบาทประมาณ 33 บาท คูณกับราคาน้ำมันดิบดูไบ แล้วคูณกับ 900,000 บาร์เรล คือมูลค่าที่ประเทศไทยต้องจ่ายในแต่ละวัน ประมาณ 2,500 ล้านบาท หรือเดือนละประมาณ 75,000 ล้านบาท
ใครที่คิดว่าไทยขุดน้ำมันดิบได้มากล้น จนต้องส่งออก! ซึ่งจะว่าไปแล้วมีน้ำมันดิบบางส่วนถูกส่งออกจริง ๆ แต่เพียงแค่น้อยนิด! เนื่องจากน้ำมันดิบส่งออกที่ว่านี้ คุณภาพอาจไม่เป็นที่ต้องการของโรงกลั่นน้ำมันแถว ๆ ชลบุรี-ระยอง
หันมาดูโครงสร้างราคาน้ำมันสำเร็จรูป จากข้อมูลกระทรวงพลังงาน เมื่อ 25 ต.ค. 64 เช่น น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ราคาลิตรละ 31.73 บาท ในราคานี้เป็นต้นทุนจากหน้าโรงกลั่นฯ 67% (21.25 บาท)
จากนั้นต้องเสียภาษีหลายรายการ คือ ภาษีสรรพสามิต 18% ภาษีท้องถิ่น 2% กองทุนน้ำมัน 2% ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% อีก 4% เป็นค่าการตลาด (กำไรที่ปั๊มน้ำมันได้รับ) อธิบายง่าย ๆว่าทั้งภาษีสรรพสามิต ภาษีท้องถิ่น กองทุนน้ำมัน ภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมกันแล้วคือ 9.20 บาท ขณะที่ปั๊มจะได้กำไรลิตรละ 1.26 บาท
ส่วน “น้ำมันดีเซล” ราคาลิตรละ 29.34 บาท เป็นราคาต้นทุนจากหน้าโรงกลั่นฯ 75% (22 บาท) แล้วมาบวกภาษีสรรพสามิตร 20% ภาษีท้องถิ่น 2% กองทุนน้ำมัน –7% ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และค่าการตลาด 3%
สัปดาห์ก่อนพี่น้องชาวรถบรรทุกทั่วประเทศ ออกมาแสดงพลังให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ลิตรละ 25 บาท เพราะช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา งานการไม่ค่อยมี รถบรรทุกจะถูกยึดกันหมดแล้ว แถมมาเจอเรื่องต้นทุนค่าน้ำมันแพง ทะลุลิตรละ 30 บาท
พี่น้องชาวรถบรรทุกจึงขอให้รัฐบาลรีบช่วยเหลือ ด้วยการตรึงราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 25 บาท เป็นเวลา 1 ปี ถ้าพ้นจาก 31 ต.ค.นี้ ยังไม่ได้รับการตอบสนอง รถบรรทุกทั่วประเทศจะหยุดวิ่งไม่ต่ำกว่า 100,000 คัน
ก่อนการเลือกตั้งปี 62 พรรคเพื่อไทยชูนโยบายหาเสียงด้วยการลดราคาน้ำมันลิตรละ 5 บาท ทำได้ทันที แล้วเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีต รมว.พลังงาน ออกมาบี้เรื่องการลดราคาน้ำมันลิตรละ 5 บาท อีกครั้ง พร้อมทั้งแฉว่ารัฐบาล คสช. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ได้โอนเงินกองทุนน้ำมันที่เก็บจากผู้ใช้น้ำมัน เข้าไปเป็นรายได้รัฐ จำนวน 3 ครั้ง รวมกว่า 20,087 ล้านบาท
มีคนอ่านกฎหมายรู้เรื่องออกมาอธิบายไว้ในโลกออนไลน์ ว่าเงินกองทุนน้ำมันมีไว้รักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันในประเทศ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในกรณีเกิดวิกฤติการณ์ด้านราคาน้ำมันเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ให้นำไปใช้อย่างอื่นเลย และไม่มีการระบุว่าสามารถโอนเข้าไปเป็นรายได้ของรัฐได้
การโอนเงินกองทุนน้ำมันกว่า 2 หมื่นล้านบาท ไปเป็นรายได้ของรัฐ จึงน่าจะเข้าข่ายผิดกฎหมาย? แล้วไปร้องศาลไหนได้บ้าง? แต่ระหว่างนี้รัฐบาลต้องรีบนำเงินก้อนนี้มาคืนเสียดีๆ เพื่อเอามาชดเชยราคาน้ำมันให้ถูกลง
ยุครัฐบาล คสช. ส่ง “นายพล” มาคุมกองทุนอนุรักษ์พลังงาน แล้วแจกเงินผ่านโครงการให้เหล่าทัพและ กอ.รมน.ไปติดแผงโซลาร์ฯ เยอะแยะไปหมด แต่ไม่นึกว่าจะมุบมิบโอนเงินกองทุนน้ำมันไปเป็นรายได้รัฐ สุดยอดจริง ๆ ให้ตายสิพับผ่า!!.
————————–
พยัคฆ์น้อย
