โรงพยาบาลไทยนครินทร์ เปิดศูนย์ทางเดินอาหารโฉมใหม่ พร้อมด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางโรคทางเดินอาหาร (GI ENDOSCOPY TEAM) ทีมศัลยแพทย์ผ่าตัดส่องกล้อง (MIS GI SURGICAL TEAM) และทีมสหสาขาวิชาชีพ เพื่อการดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ทั้งส่วนบนและส่วนล่าง เช่น ท้องผูก ท้องอืด แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย ปวดท้องเรื้อรัง กลืนลำบาก โรคกระเพาะอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ เป็นต้น ดูแลตั้งแต่การตรวจวินิจฉัยรอยโรคที่ผิดปกติตั้งแต่เนิ่น ๆ ไปจนถึงการรักษา พร้อมยกระดับการวินิจฉัยโรคด้วยวิธีการส่องกล้องทางเดินอาหารด้วยนวัตกรรม AI – ASSISTED COLONOSCOPY

นพ.เจริญ มีนสุข ประธานกรรมการบริษัท โรงพยาบาลไทยนครินทร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลากว่า 31 ปี โรงพยาบาลไทยนครินทร์มีผู้มารับบริการเพิ่มมากขึ้น โดยโรงพยาบาลมีการพัฒนาด้านการให้บริการทางการแพทย์ ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีการแพทย์ที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในการตรวจรักษาและให้บริการ รองรับการเติบโตของตลาดสุขภาพที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และสังคมผู้สูงวัย

ด้าน ศ.คลินิก นพ.ทิพชาติ บุณยรัตพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลไทยนครินทร์ กล่าวว่า เนื่องจากปัจจุบัน Lifestyle การใช้ชีวิตของคนส่วนใหญ่ที่เร่งรีบมากขึ้น กระตุ้นให้เกิดความเครียด ประกอบกับการมีพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และการขับถ่ายที่ไม่เป็นเวลา เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคระบบทางเดินอาหาร และมีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้น จึงได้มีการปรับปรุงและขยายพื้นที่บริเวณชั้น 12 เป็นศูนย์ทางเดินอาหารโฉมใหม่ ที่พร้อมให้การบริการแบบ One stop service เน้นการดูแลผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคระบบทางเดินอาหาร ไปจนถึงโรคยากและซับซ้อน และมีการนำเทคโนโลยีการส่องกล้องด้วย Artificial Intelligence (AI) ซึ่งเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่พัฒนาจากศูนย์ฟูจิที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เข้ามาช่วยในการวินิจฉัยโรค ซึ่งทำให้การรักษามีความแม่นยำ และมีประสิทธิภาพสูงมากยิ่งขึ้น

ส่วน นพ.สิทธิยศ จันทรสาขา หัวหน้าแพทย์ศูนย์ทางเดินอาหารโรงพยาบาลไทยนครินทร์ กล่าวว่า ที่นี่มีอายุรแพทย์ที่มีความชำนาญการด้านการส่องกล้อง (Endoscopy) ทั้งการส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่ (Gastroscopy & Colonoscopy) ยังมีวิสัญญีแพทย์และวิสัญญีพยาบาลให้การดูแลในระหว่างการส่องกล้อง มีการผสมผสานเทคโนโลยี AI-Assisted Colonoscopy เข้ามาช่วยในการตรวจวินิจฉัยรอยโรคในระยะเริ่มต้น ทำให้มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีนี้จะช่วยเสริมการมองเห็น และประสิทธิภาพในการตรวจของแพทย์ ทำให้สามารถตรวจพบรอยโรคที่อาจมองข้ามไปในวิธีการตรวจแบบเดิม ช่วยลดความเสี่ยงที่จะพลาดโอกาสการรักษาโรคในระยะแรกเริ่ม และเพิ่มโอกาสในการรักษาอย่างทันท่วงที

ขณะที่ รศ.นพ.ไชยรัตน์ ทรัพย์สมุทรชัย ศัลยแพทย์ที่ปรึกษา โรงพยาบาลไทยนครินทร์ กล่าวว่าการผ่าตัดส่องกล้อง หรือ Minimally Invasive Surgery (MIS) ได้รับการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีและเทคนิคที่ทันสมัย รวมถึงการใช้แขนกลหุ่นยนต์ (robotic surgery) และการผ่าตัดผ่านกล้องที่มีความละเอียดสูงสุดระดับ Medical Grade 4K Display ช่วยให้ศัลยแพทย์สามารถมองเห็นรายละเอียดที่ชัดเจน และแม่นยำมากขึ้น การผ่าตัดผ่านกล้องมีข้อดีหลายประการ เช่น เจ็บปวดน้อยลง เสียเลือดน้อย ฟื้นฟูสุขภาพได้เร็วขึ้น และลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดจากการผ่าตัดแบบเปิดทั่วไป

นอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยี Indocyanine Green (ICG) ร่วมกับกล้องตรวจแบบ Fluorescence ช่วยในการมองเห็นเนื้อเยื่อ หรือหลอดเลือดที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จของการผ่าตัด และลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง และการตรวจหาต่อมน้ำเหลือง การใช้เทคโนโลยี ICG ยังช่วยให้การเชื่อมต่ออวัยวะ (Anastomosis) เป็นไปอย่างสมบูรณ์ ลดความเสี่ยงในการรั่วซึมหลังผ่าตัด ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและปลอดภัย