@เริ่มต้นที่”ภาพใหญ่” ของประเทศ คือความ”เคลื่อนไหว” ของ”รัฐบาล” ที่มี”พรรคเพื่อไทย” เป็น”แกนนำ” และมี”ทายาท”ที่เป็น”เลือดเนื้อเชื้อไข” ของ”ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ”แพทองธาร ชินวัตร” เป็น”นายกรัฐมนตรี” ในการนำ”รัฐนาวา” ที่ประกอบด้วย 6 พรรคการเมืองเป็นพรรคร่วมรัฐบาล” ซึ่งวันนี้”ผ่านเดือนที่ 2 และ กำลังย่างเข้าเดือนที่ 3 ของ”รัฐบาล”ชุดนี้ ซึ่งย่างเข้าปีที่ 2 ถ้านับจาก” เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี”สมัยแรก” ของ”เพื่อไทย” เป็น 2 ปี ที่ต้องพูดหรือเขียนว่า เป็น 2 ปี ที่นอกจาก”แจกเงิน” ให้”ประชาชน” กลุ่ม”เปราะบาง” คนละ 10,000 บาท ที่เป็นเรื่อง”จับต้อง”ได้จริง ใน “นโยบาย” อื่นๆ ก็ไม่มีอะไรที่เรียกได้ว่า”เป็นชิ้นเป็นอัน”…..เอาเรื่องของ”เศรษฐกิจ”เช่นเรื่อง”แลนด์บริจส์” หรือ”สะพานบก” ที่เป็น”โครงข่าย” ของ”โลจิสติกส์” เชื่อม”ทะเลจีนใต้”กับ”ทะเลอันดามัน” เพื่อให้เป็น”ทางเลือก หรือ”ทางเลี่ยง”การใช้”ช่องแคบมะลากา” ที่เป็น”เส้นทางเดินเรือ” ที่”แออัดยัดเยียด” แต่สุดท้ายเรื่องของ”แลนดน์บริจด์” ที่เคยมีการ”โปรโมท” และมีการ”โรดโชว์” ไป”ทั่วโลก” ครั้งที่”เศรษฐา ทวีสิน” เป็น”นายกรัฐมนตรี” ในวันที่ “แพทองธาร ชินวัตร” เป็น”นายกรัฐมนตรี” เรื่องของ”แลนด์บริดจ์” ก็กลายเป็นเรื่องของ”คลื่นกระทบฝั่ง” เพราะ”รัฐบาล” ชุดนี้ไม่มีการ”พูดถึง” เช่นเดียวกับเรื่อง.”ซอฟต์พาวเวอร์” ที่เป็น”ไฮไลต์”ในการ”หาเสียง” ของ”เพื่อไทย” วันนี้”มี”ก็เหมือน”ไม่มี” เพราะไม่มีความ”คืบหน้า” ที่ให้เห็นเป็น”หน้าตา” ของ”เพื่อไทย” สาเหตุอาจจะเป็นเพราะทั้ง”สองโครงการ” เป็น”โครงการ”ของ”เพื่อไทย” ไม่ใช่เป็น”โครงการ”ของ”พรรคร่วมรัฐบาล” เช่นเดียวกับการที่”เพื่อไทย” จะ”แจกเงิน”ให้”ประชาชน” ใน”เฟสสอง” คนละ 10,000 บาท วันนี้ก็เป็น”ลูกผีลูกคน”
@เพราะการ”แจกเงิน” แบบ”ให้เปล่า” เป็น”โครงการ”ของ”เพื่อไทย” ที่ไม่ใช่เรื่องของ”พรรคร่วม” แจกไปแล้วผู้ที่ได้”คะแนนนิยม” เป็นของ”เพื่อไทย” ไม่ใช่ของ”พรรคร่วม” ดังนั้นการที่”เพื่อไทย” จะใช้”งบประมาณ”ก้อนใหญ่” เป็นเงินร่วม สองแสนล้าน” หรือมากกว่านั้น เป็นเรื่องที่ต้อง”ส่งผลกระทบ” กับ”งบประมาณ” ที่”พรรคร่วมรัฐบาล” ต้องใช้ใน”โครงการ”อื่นๆ ดังนั้น”พรรคร่วมรัฐบาล” จึงไม่ได้”แฮบปี้” และ อาจจะ”ขัดขวาง” หรือบอกให้พอแค่การแจก”เฟสแรก” และยิ่ง “เสถียรภาพ”ของ”รัฐบาล” อยู่ในสภาวะที่”ง่อนแง่น” จะ”ยุบสภา”วันไหนเดือนไหนก็ไม่รู้ การ”แจกเงิน”ให้”ประชาชน” คนละ 10,000 บาท ใน”เฟส 2 จึงเป็นการ”เอาเปรียบ” พรรคร่วมรัฐบาล เพราะเท่ากับปล่อยให้”เพื่อไทย” ใช้”เงินภาษี” ซื้อเสียง” ล่วงหน้า” ดังนั้น คงจะได้เห็นการ”ขัดขวาง” การ”แจกเงินเฟส 2 “ ของ”พรรคร่วม” ให้เห็นอย่างแน่นอน รวมทั้งนโยบาย”บ่อนเสรี” หรือ” อินเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์” แม้จะเป็น “พรบ” แล้วก็จริง แต่ก็ถูกมองว่าเป็นโครงการของ”เพื่อไทย” ที่”พรรคร่วม” ต้องได้”ผลประโยชน์”ด้วย จึงจะไม่มี”ปัญหา”และ”อุปสรรค” ในการ”ขับเคลื่อน” ให้เป็น”มรรคเป็นผล” นั้นคือเรื่องของ”เศรษฐกิจ” ที่ทุกเรื่องยัง”ยักตื้นติดกึก ยังลึกติดกัก” ที่จะ”อาศัย” ฝีมือของ”แพทองธาร ชินวัตร” ในการ”ขับเคลื่อน”ไม่เห็นโอกาสที่จะ”สำเร็จ”……
@ส่วนเรื่องของ”การเมือง” ยิ่ง”เดินหน้า” ยิ่งเห็น”ร่องรอย” ของ”ปัญหาอุปสรรค” มากมายที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เรื่อง”นิรโทษกรรม” ที่แค่นำเรื่อง”ข้อสังเกต” เพื่อขอเสียง”เห็นด้วย” จาก”สภาผู้แทนราษฎร” ที่อย่าว่าที่”พรรคร่วมรัฐบาล” ที่ไม่เอาด้วย” แม้แต่ สส.ของ”เพื่อไทย” จำนวน 115 คน ยังไม่ยกมือสนับสนุน ดังนั้นจึงไม่ต้อง”ถามถึง”ความ”ก้าวหน้า”ของ”พรบ.ประชามติ” ที่แม้ว่าหา”ทางออก” โดยการตั้ง”กรรมาธิการร่วม” ระหว่าง”สภาบน”กับ”สภาล่าง” สุดท้ายก็”ไม่ผ่าน” ดังนั้นจึง”อย่าหวัง” ว่า”การที่จะ”แก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ” จะประสบความสำเร็จ เพราะมองเห็น”ความมืดมน”แบบที่ไม่เห็น”แสงสว่าง”แม้เท่ากับ”แสงหิงห้อย” ด้วยซ้ำ” นี่คือความ”ตกต่ำ” หรือความ”เพลี้ยงพล้ำ” ทาง”การเมือง” ของ”พรรคเพื่อไทย” ที่ยิ่ง”เดินหน้า” ยิ่ง”หดแคบ” และยิ่ง”ง่อนแง่น” บนถนนการเมือง วันนี้”บารมี”ของ”ทักษิณ ชินวัตร” อาจจะ”ไม่เหมือนเดิม” รวมทั้ง”พรรคร่วม”ต่างมี”เส้นทาง” ของ”ตนเอง” จนยากที่”เพื่อไทย” จะอาศัยความ”เก๋าเกม” ทางการเมือง และ”ความยิ่งใหญ่” ในอดีตของ”เสี่ยแม้ว” เพื่อ”ชี้นิ้ว” หรือ”ครอบงำ” พรรคร่วมรัฐบาล ให้เดิน”ตามเกม”ที่กำหนดโดย”บ้านจันทร์ส่องหล้า” อีกต่อไป…..
@ส่วนในเรื่องของ”คดีความ” ทั้งเรื่องการ”ร้องเรียน” จาก” นักร้อง” และ”นักการเมือง” ต่างพรรคต่างพวก ที่ร้องให้มีการ”ยุบพรรคเพื่อไทย” ทั้งจากการที่กล่าวหาว่า”ทักษิณ ชินวัตร” ทำการ”ครอบงำ” พรรคเพื่อไทย เรื่องของ”ยายเนื่อม”จากปัญหา”สนามกอล์ฟอัลไพน์” และอีกหลายเรื่องหลายราว ล้วนแต่เป็น”จุดสลบ” ของ”เพื่อไทย” แม้ว่า”แกนนำ”ทุกคนจะ”ปากแข็ง” ว่าไม่มีปัญหา แต่ทุกคนก็”ขาสั่น” จากการถูก”กกต.” ออกมา”รับลูก” ทำการดำเนินการตามการ”ร้องเรียน” รวมทั้ง”คดี 112 “ ที่ยัง”คาราคาซัง” ของ”ทักษิณ ชินวัตร” ที่ต้อง”ต่อสู้คดี” ใน”ขบวนการยุติธรรม” และที่สำคัญที่สุดคือเรื่อง”ร้องเรียน”การเป็น”นักโทษเทวดา” บนชั้น 14 ของ โรงพยาบาลตำรวจ ทุกเรื่อง ทุกประเด็น ไม่ใช่เรื่อง”กล้วยๆ” แต่เป็นเรื่อง”คอขาดบาดตาย” สำหรับ”เพื่อไทย” ทั้งสิ้น…..ดังนั้นการที่”คนไทย” ตื่นนอนมาทุกวันจะได้เห็นแต่ข่าวจะมีการ”ยุบสภา” จึงกลายเป็น”ข่าวร้าย” เป็นข่าวที่ไม่เป็น”มงคล” สำหรับ”ประเทศไทย” เพราะ แสดงให้เห็นว่า” รัฐบาลมีปัญหา” ความมั่นใจในการ”ลงทุน” ทั้งจาก”คนในชาติ” และ”คนต่างชาติ” จึงไม่เกิดขึ้นกับ”รัฐบาล” ที่ไม่มี”เถียรภาพ” นี่ยังเป็น”โชคดี” ของ”รัฐบาล”ชุดนี้ ที่อย่างน้อย”ราคาพืชผลทางการเกษตร” เช่น”อ้อย,ยางพารา.มันสำปะหลัง,ปาล์ม” มีราคาสูง จึงไม่ทำให้”เกษตรกร”เดือดร้อน ทำให้ไม่มี”ม็อบการเมือง” และไม่เกิดความ”เดือดร้อน”กับ”เกษตรกร”จึงไม่เป็น”ภาระ” ให้”รัฐบาล”ต้องแก้ปัญหา …..
@แต่ สิ่งที่”รัฐบาล” ยังแก้ไม่ได้คือเรื่องของ”พลังงาน” เรื่องของ”ราคาน้ำมัน” และ”ราคาก๊าซ” ที่ยังคง”ลุ่มๆดอนๆ” ตาม สภาวะของโลก ที่ยังมีการ”สู้รบ” เป็นการทำ”สงครามย่อมๆ ใน”ภาคตะวันออกกลาง” รวมทั้งสงคราม”รัสเซีย-ยูเครน” ที่ยังไม่”ยุติ” ซึ่งล้วนมีผลกระทบกับ”ไทย” ในเรื่องของ”พลังงาน” ซึ่ง”กระทรวงพลังงาน” ที่มี”พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ควบตำแหน่ง “รองนายกรัฐมนตรี” และ”รัฐมนตรีพลังงาน” ก็ยัง”หาทางออก” ในการ”ควบคุม”ราคาพลังงาน ให้เป็นไปตาม”กลไก”ของ”กฎหมาย” ไม่ได้ และการเปิด”สัมปทาน” เพื่อ”ซื้อพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน 36,00 เมกะวัตต์ ภายใต้นโยบายของ”กระทรวงพลังงาน” ก็ถูก”พรรคประชาชน” ออกมาถามถึงความ”โปร่งใส” และ”ผลประโยชน์ทับซ้อน” ทั้งการ”อภิปราย” ในสภาผู้แทนฯ และการส่ง”จดหมาย” สอบถามจาก” “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่เป็น”ตัวพ่อ”ของ”พรรคส้ม” ซึ่งอาจจะทำให้การเปิด”ประมูล” ต้อง”ล่าช้า”ออกไป เพราะต้องทำให้เรื่องการ”ประมูล” หรือ”สัมปทาน” ครั้งนี้ต้อง”โปร่งใส” และ”เป็นธรรม” กับทุกฝ่ายไม่ใช่ปล่อยให้”ยักษ์ใหญ่”ใน”ธุรกิจพลังงาน” ทำการ”ชุบมือเปิบ” อย่างที่เคยเป็นมา ดังนั้นเรื่องที่”คนไทย” จะได้ใช้”พลังงาน”ในราคาที่ถูก” จึงยัง”ห่างไกล”จากความเป็นจริง ก็ต้อง”ก้มหน้าก้มตา” หาเงินมาจ่าย”ค่าน้ำมันค่าก๊าซ” ในราคาที่ถูก”กลุ่มพลังงาน” ทำการ”ขูดเลือดเชือดเนื้อ” ต่อไปตาม”ยะถากรรม” เพราะ”รัฐบาล”ทุก”รัฐบาล” ต่างถูก”กลุ่มทุนพลังงาน” ทำการ”กำหนดราคา” ตามที่ต้องการ และถ้า”พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค” ซึ่งชื่อว่าเป็น”นักการเมืองมือสะอาด” ยังไม่สามารถ แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ คนไทยก็ต้องยอมรับ”ชะตากรรม”ในเรื่อง”พลังงาน”กันเถอะ…..
@จับตาปัญหาของ”สังคมไทย” ที่ มีแต่เรื่อง”ฟอนเฟะ” เกิดขึ้น และเป็นเรื่องที่”ประชาชน” ให้ความสนใจติดตาม และ”วิพากษ์วิจารณ์” ถึงความ”เน่าเฟะ” ของ”ราชการ” เช่นเรื่องของ “ภรรยา”นายตำรวจคนดัง ที่มีเรื่อง”อื้อฉาว” จนมีการ”เปิดโปง”ว่า”คู่กรณี” ที่เป็นผู้”แจ้งความดำเนินคดี”เป็น”อาจารย์พิเศษ”ของ”โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน”ที่”ไม่ตรงปก” มีการ”สั่งปลด” จาก” โรงเรียนนายร้อยตำรวจ” จนมีคำถามว่า เกิดอะไรขึ้น และเกิดจากอะไร ที่ทำให้”โรงเรียนนายร้อยฯ” รับคนที่”ไม่ตรงปก” ไปเป็น”อาจารย์พิเศษ” นานหลายปีโดยไม่มีการ”ตรวจสอบ” และถ้าไม่มีเรื่อง”กรณีพิพาท”สังคมไทยจะทราบเรื่องนี้หรือไม่ เรื่องนี้ไม่ใช่จบแค่”การปลด” แต่” พล.ต.อ.กิตต์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์” ผบ.ตร. ต้องการ”สืบสวนสอบสวน” หาข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการเอา”คนผิด” มาลงโทษด้วย…..
@ส่วนเรื่อง”ดิไอคอน” ท่ามกลางการออกมา”เปิดโปง” ขบวนการที่ต้นต้นจากการ”ขายของออนไลน์” จนนำไปสู่การเป็น”แชร์ลูกโซ่” เป็นเรื่อง”ฉ้อโกง” ที่ทำให้”ดาราน้อยใหญ่” และ”คนดัง” มากมาย” ต้องย้ายจาก”คฤหาสน์”ที่”สุขสบาย” ไป”กินข้าวแดง” อยู่ใน”เรือนจำ” เป็นจำนวนมาก ซึ่งเรื่องที่ถูก”เปิดโปง” ขบวนการ”ขายสินค้าออนไลน์” ครั้งนี้คงจะได้”อานิสงส์” ที่ทำให้”ขบวนการ”ที่เป็น”ลักษณะเดียวกัน” หยุด”พฤติกรรม” ที่คล้ายๆกัน เพราะการย้ายจาก”คฤหาสน์” ไป นอนใน”เรือนจำ” ไม่ใช่เรื่องที่น่า”อภิรมย์” แต่อย่างใด ที่สำคัญเรื่องของ”ดิไอคอน” ถูก”ลากถู”ไปสู่การ”เปิดโปง” ทนายความ”บางคน บางกลุ่ม ให้สังคมได้เห็น”โฉมหน้า” ที่แท้จริง และกำลัง”สาวย่าน”ไปยัง”นักการเมือง” ระดับ”รัฐมนตรี” อีกด้วย กลายเป็นเรื่องที่”สังคมไทย” นำไป”เม้าท์มอยส์” กันอย่าง”มันส์ปาก”ทั้งประเทศ ทั้งหมดเป็นการ”ยืนยัน”ว่า”สังคมไทยเน่าเฟะ” และต้องมีการ”สังคายนา” แต่ก็ต้องถามว่า”กระทรวงไหน” ที่จะเป็น”เจ้าภาพ” ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น……
@ไหนว่า”ยิ่งใหญ่” และ”มีเส้น” สุดท้าย” ปปช.ภาค 9 ก็ออกมาแถลงผล ชี้มูลความผิดของ”นายตำรวจภาค 9 ระดับ”นายพล” ที่ สมัยที่รับราชการเป็น”ผบก.ภ.จว.พัทลุง ได้ใช้”อำนาจหน้าที่” ในการนำ”รถบรรทุกบุหรี่หนีภาษี” ที่เกิด”อุบัติเหตุ”ตกร่องถนน นำไปเก็บรักษาที่”บ้านพัก” แทนการส่งให้”ร้อยเวร” ดำเนินคดีตามกฎหมาย และสุดท้าย”รถบรรทุกบุหรี่เถื่อน” หายจ้อย อย่างไร้ร่องรอย ผ่านไปแล้ว หลายปี วันนี้ถูก ปปช.”ชี้มูล” ให้มีความผิดตาม “ม.157และ 158 และ มาตรา 200 วรรคหนึ่ง นี่กระมังที่เขาเรียกว่า”ปลูกข้าวได้ข้าว ปลูกถั่วได้ถั่ว” ตำรวจคนอื่นๆ ต้องมองให้เป็น”อุทาหรณ์ จะได้ไม่ต้อง”เสียชื่อ” และ”เสียอนาคต” ตำแหน่ง ผบช. ที่ รออยู่ข้างหน้า”ดับกุบ”ไปอีก 1 ราย และนี่ก็คือ”ผลงาน”ของ”ปปช.ภาค 9 ที่ ประชาชนให้ความ”ชื่นชม”…..
@จบไปแล้วสำหรับ”คดีตากใบ” เมื่อ”ศาลจังหวัดนราธิวาสได้สั่ง”จำหน่ายคดี” เพราะคดี”หมดอายุความ” เนื่องจาก” ตำรวจ”ไม่สามารถนำผู้ที่ถูก”กล่าวหา” ว่า”มีส่วน” ที่ทำให้มี”คนตาย” จากการถูก”ควบคุมตัว” ในคดีการ”ชุมนุม”ที่”ผิดกฎหมาย” ที่หน้า”สภ.ตากใบ” จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 หรือ 20 ปี ที่ผ่านมา เป็นอัน”ปิดฉาก” ในเรื่องของ”ขบวนการยุติธรรม” สิ่งที่ตามมาจาก กรณีของ”ตากใบ” ฝ่ายที่ถูก”สังคม” ทำการ”วิพากษ์วิจารณ์” ในทาง”เสียหาย” มากที่สุดคือ”พรรคเพื่อไทย” และ”ตำรวจ” ที่ถูก”นักกิจกรรม” และ”นักการเมืองฝ่ายค้าน” เชื่อว่าเป็นผู้”เปิดทาง” ให้”ผู้ต้องหาทั้ง 14 คน” หลบหนีการ”จับกุม” เป็นผลสำเร็จ…..และ สิ่งที่ติดตามมาจากเรื่อง”ตากใบ” และ”ไม่จบ” แต่กลายเป็น”เงื่อนไข” ของ”บีอาร์เอ็น” นำไป”ขยายผล” ทั้งการ”ปลุกระดม”คนในพื้นที่ให้เห็นถึงความ”ไม่เป็นธรรม” ที่คน”มุสลิม” ที่ออกมาเรียกร้อง”ความเป็นธรรม” เพื่อให้”เกลียดชัง” เจ้าหน้าที่รัฐ และ”รัฐบาล” รวมทั้ง”ตีข่าว” ในสำนักข่าว”ต่างประเทศ” ใน”องค์กรมุสลิมโลก” ให้”เข้าใจ” ตามที่”บีอาร์เอ็น” และ”นักการเมือง”( บางคน ) นำเสนอ ที่เป็น”เหรียญด้านเดียว” เรื่องของ”ตากใบ” ทุกฝ่ายที่เข้ามา”เกี่ยวข้อง” ล้วนแต่นำเสนอในด้านที่”ตนเอง” หรือ”กลุ่มก้อน” หรือ”พรรคการเมือง” ของตนเองได้”ผลประโยชน์” โดยนำเอาเรื่องความ”อยุติธรรม” มาเป็น”เงื่อนไข” ในการ”นำเสนอ” ส่วน”ชุดความจริง” ไม่มีใครเอามา”ตีแผ่” ต่อสังคม” เพราะ”ทั้งผู้ชุมนุม” ทั้ง”เจ้าหน้าที่” ต่างก็มี”ความผิด” ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
@ที่สำคัญ”ขบวนการบีอาร์เอ็น” ที่เป็นผู้”จุดชนวน” ให้มีการ”ชุมนุม” อย่าง”ผิดกฎหมาย” และ”ปลุกระดม” ไม่ให้ผู้มา”ชุมนุม” เลิกชุมนุม ตามที่”เจ้าหน้าที่รัฐ”ได้”ร้องขอ” ไม่มีใคร”พูดถึง” และที่สำคัญ ใคร และ “เงื่อนไข” อะไร ที่ทำให้”ครอบครัว”จำนวน 48 ครอบครัว ที่รับเงิน”เยียวยา”ไปแล้ว กลับมาเป็น”โจทย์” ในการ”ยื่นฟ้อง” เจ้าหน้าที่ทั้ง 9 นาย ไม่มีใคร”สืบค้น” เพื่อหา”ความจริง” มา”ตีแผ่”ให้สังคมได้รับทราบว่า เป็นการ”ฟ้อง”เพื่อให้ผู้ถูก”กล่าวหา” ว่าเป็นผู้มีส่วนใน”การตาย”ของคนทั้ง 85 ศพ ให้”ติดคุก” หรือแค่ต้องการให้มีการ”เยียวยา”รอบที่ 2 ตามที่กลุ่มคนที่อยู่”เบื้องหลัง”วางแผน เพื่อให้”ความหวัง” กับครอบครัวผู้”สูญเสีย” เรื่องนี้เป็นเรื่องที่”นักข่าว” หลายสำนัก ควรให้ความ”สนใจ” ในการ”สืบค้น” เพราะเรื่องของ”ตากใบ” มีมากกว่าการที่บอกกับสังคมว่า”ที่นี่มีคนตาย” และมี” คนที่ทำให้คนตาย”…… ที่สำคัญ เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องของ”การเมือง” ที่มากกว่าเรื่องการ”เรียกร้อง”เพื่อหาความ”ยุติธรรม” ซึ่งเรื่องของ”สถานการณ์ความรุนแรง ความไม่สงบของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ที่เป็น”เงื่อนปม” ที่แก้ยากที่สุดมาจากเรื่องของ”การเมือง” เพราะแม้แต่ “นโยบาย” การที่ฝ่ายความมั่นคง ต้องการ”สร้างรั้ว” แนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ด้าน จังหวัดนราธิวาส ก็ถูก”ต่อต้าน” ด้วย”การเมือง” ซึ่ง”แม่ทัพภาค 4 “ทุกคนต่างรู้ดีถึงเรื่องของ”การเมือง” ที่เป็นทั้ง”ปัญหา”และ”อุปสรรค” ในการ”ดับไฟใต้” แต่ไม่มีใครกล้าที่จะ”พูดความจริง”…..
@โดยเฉพาะกรณี”ตากใบ” ที่ ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา “รัฐบาล” กองทัพ, กอ. รมน. และ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า “รวมถึง “สภาความมั่นคงแห่งชาติ” หรือ” สมช.” ต่าง “ปิดปากเงียบ” ไม่มีการ”บูรณาการ” เพื่อ”สื่อสารกับสังคม” ในการให้”ข้อเท็จจริง”ของ”ตากใบ” ทำให้”ประชาชน” ผู้ที่เป็นผู้”เสพสื่อ” เชื่อในเรื่องที่ถูกนำเสนอโดย”นักการเมือง” ( บางคน บางพรรค ) และ “นักกิจกรรม เอ็นจีโอ นักสิทธิมนุษย์ชน “และ”ปีกการเมือง”ของ”บีอาร์เอ็น” ใน จังหวัดปัตตานี” ก็ไม่”แปลกใจ” ที่”งานด้าน”ประชาสัมพันธ์” ของ”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” กลายเป็น”เป็ดง่อย” ทั้งที่มี”งบประมาณ” มีเครื่องมือ” มี”บุคลากร” ในการ”ปฏิบัติหน้าที่” แต่ไม่ได้ทำ”ประโยชน์ให้”คุ้มค่า” เพรามี”คำสั่ง”จาก”ส่วนกลาง”ให้ทำหน้าที่”บอด ใบ้” ไม่ต้องออกมา”ตอบโต้” หรือ”สื่อสารข้อเท็จจริงกับ”ประชาชน” นี่คือความ”ล้าหลัง” ความ”ไม่เข้าใจ” ถึง วิธีการ”สื่อสารกับสังคม” ของทั้ง”รัฐบาล” ของ”กระทรวงกลาโหม” ของ”กองทัพ” ที่เข้าใจว่าการ”อยู่เฉย” คือการ”แก้ปัญหา”……
@เช่นเดียวกับเรื่องของ”เกาะกูด” จังหวัดตราด ที่ วันนี้” รัฐบาล”ที่มี”แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี และ “กระทรวงกลาโหม “ ที่มี” สหายใหญ่” ภูมิธรรม เวชยชัย เป็น”เสนาบดี” ที่ปล่อยให้”โชเชียลมีเดีย” นำเสนอข่าวที่”เป็นเท็จ” มากกว่า”เป็นจริง” นำเสนอ จนทำให้ผู้”เสพสื่อ” เชื่อว่าข่าวสารใน”โชเชียลมีเดีย” เป็นเรื่องจริง” ทั้งเรื่อง”กัมพูชา” จะยึดเกาะกูด เป็นของ “กัมพูชา” รวมทั้งเรื่องการ”แบ่งปันผลประโยชน์ “ ระหว่าง”นักการเมือง”ของ”พรรคเพื่อไทย” ที่มี”สายสัมพันธ์” กับผู้นำของ”กัมพูชา” ทั้งหมดคือปัญหาของ”รัฐบาล” ที่ไม่”เข้าใจ” ไม่”สนใจ” ในเรื่องของการ”สื่อสารกับสังคม” พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคการเมืองที่มี”นักกฎหมาย”ที่เรียกว่า”กูรู” มากมาย มี “นักการเมือง” ที่มี”ความรู้” ในเรื่องการ”สื่อสารกับสังคม” แต่กลายเป็น”กิ้งกือตกท่อ” ทั้งในเรื่องของข้อ”กฎหมาย” และเรื่อง”การสื่อสารกับสังคม” นี่คือเรื่อง”แปลกแต่จริง”.…..ระเบิดที่ ใกล้กับ สภ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ซึ่งเป็น”คาร์บอมบ์” ลูกที่ 4 ของปี 2567 ที่”บีอาร์เอ็น” ใช้วิธี”ปล้นรถราชการจาก อบต.น้ำบ่อ มาประกอบระเบิด แบบ”มาเร็วเคลมเร็ว” แม้จะไม่มีคนตายคนเจ็บ มีแต่ความเสียหายในเรื่อง”อาคาร” และ “รถยนต์- จักรยานยนต์” แต่ก็ถือว่า เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ทั้ง ตำรวจ ทหาร ปกครอง มีความ”เลินเล่อ” แผนการป้องกัน งานการข่าว ไม่ดีพอ ที่ปล่อยให้”คาร์บอมบ์” เคลื่อนที่จาก”อบต.น้ำบ่อ มาถึง หน้า สภ.ปะนาเระ อย่าง เสรี “ พล.ต.ต.สันทัด เชื้อพุฒตาล” ผบก.ภ.จว.ปัตตานี จึงสั่งย้าย “พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ปานบุญทอง” ผกก.สภ.ปะนาเระ และ นายตำรวจระดับ รอง ผกก. ไปช่วยราชการ แต่ในส่วนของ”ทหาร” ซึ่งมีฐานปฏิบัติการในพื้นที่ และ ฝ่ายปกครอง ซึ่งเป็น”เบอร์หนึ่ง” ของ อำเภอ กลับไม่ต้องถูก”ทำโทษ” ทั้งที่งาน”ป้องกัน” เป็นงานที่ร่วมกัน 3 ฝ่าย นี่คือความ”ลักลั่น” ของ”ราชการ” ในพื้นที่ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้……
@สำหรับเรื่องของ”ความรุนแรง” ในพื้นที่ของ สามจังหวัด และ สี่อำเภอ ของ จังหวัดสงขลา แม้ว่าเรื่องของ”ตากใบ” จะจบแล้ว แต่เรื่องของ”ก่อการร้าย” ยังคง”เดินหน้า” เข้าสู่”โหมด”ของ”ความรุนแรง” ต่อไป และอาจจะ”รุนแรง” ยิ่งขึ้น เพื่อ”ตอบโต้” การที่”รัฐบาล” จะมีการประกาศให้”บีอาร์เอ็น” เป็น”องค์กรก่อการร้าย” ซึ่งเป็นเรื่องที่”บีอาร์เอ็น” ต้อง”ตอบโต้” และ”ต่อสู้” เพราะ”บีอาร์เอ็น” ยังไม่พร้อมที่จะประกาศตัวเป็น” ขบวนการแบ่งแยกดินแดน”ที่มี”ตัวตน” อย่าง”ขบวนการแบ่งแยกดินแดน” ในประเทศอื่นๆที่มีความ”ขัดแย้ง” และมีการ”แบ่งแยกดินแดน” เช่น ใน”ประเทศอินโดนีเซีย” ในประเทศ”ฟิลิปปินส์” เป็นต้น ดังนั้น” กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จึงต้องมีการ”ปรับเปลี่ยน” ทั้งด้านของ”ยุทธศาสตร์” และ”ยุทธวิธี” รวมทั้งการ”ถอดบทเรียน” ที่ผ่านมา เพื่อหา”จุดอ่อน” และ”จุดแข็ง” ทั้งของ”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” และของ” ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น” วิธีการที่ต้องนำมาใช้ในเรื่องของ”ยุทธวิธี” คือการ”ทุบทีละนิ้ว กินทีละคำ” อย่างที่ “พล.อ.หาญ ลีนานนท์” อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 เคยใช้ในการแก้ปัญหาของภาคใต้ในอดีต ที่สำคัญงาน”การข่าว” ซึ่งเป็น”จุดอ่อน”ที่สุด”ของ”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่ง”พล.ท.ไพศาล หนูสังข์” แม่ทัพภาคที่ 4 /ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 จะทำหน้าที่” ผอ.กองข่าว” เอง ก็น่าจะทำให้งาน”การข่าว” ดีขึ้น โดยเฉพาะ”งบประมาณ”ของงาน”การข่าว” คงจะไม่ถูก” เบียดบัง” หรือ”กระจุก” อยู่ใน”กระเป๋า” ของ” นายพล-นายพัน” แต่ไม่ลงถึงมือของ”มือทำงาน”ระดับล่าง ที่มีความสำคัญของงาน”การข่าว” และก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่การ”ปรับเปลี่ยนตำแหน่ง” ใน”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ในครั้งนี้” พ.อ.เฉลิมชัย สุทธินวล” ได้ติดยศ” พล.ต. ในตำแหน่ง “เสนาธิการ”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” และทำหน้าที่” ผอ.ศสว. หรือ”ศูนย์สันติวิธี” ซึ่งเป็น”หัวใจ” ของงานด้าน”ภาคประชาสังคม” ซึ่งจากการติดตามการ”ปฏิบัติหน้าที่” ที่ผ่านมาในตำแหน่งต่างๆของ” พล.ต. เฉลิมชัย สิทธินวล” เชื่อว่างานของ”ศูนย์สันติวิธี” น่าจะช่วย”หนุนเสริม” ให้การแก้ปัญหาของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ภายใต้”บ่าไหล่” ของ” พล.ท. ไพศาล หนูสังข์” แม่ทัพภาคที่ 4/ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ให้ เหนื่อยน้อยลง……
@ส่วนงานด้าน”ประชาสัมพันธ์”ของ”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า วันนี้ได้ พ.อ.เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ กลับมาทำหน้าที่ “หน.ศปชส” กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า “อีกครั้ง และเรื่องงานของ”ศปชส.” คือ”หัวใจ” ที่สำคัญ” ในการ”สื่อสาร”ถึงข้อเท็จจริง” ให้กับ”คนในพื้นที่” และ”คนทั้งประเทศ” รวมทั้ง”คนทั้งโลก” ได้รับรู้ “สถานการณ์จริง” ได้รับรู้”ข้อเท็จจริง” ของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ซึ่งที่ผ่านมางานของ”ศปชส.” ไม่ดีเท่าที่ควร ไม่สามารถเป็นคู่”ต่อสู้” ของ”ปีกทางการเมือง”ของ”บีอาร์เอ็น” ในพื้นที่ ซึ่งใช้”เงื่อนไข”ที่ เกิดขึ้นมา”บิดเบือน”โดยใช้”วาทกรรม” ในการทำ”ไอโอ” ปลุกระดมให้ประชาชน”หลงเชื่อ” และ”เข้าใจผิด” ใน สถานการณ์ต่างๆ เรื่องนี้” พล.ท.ไพศาล หนูสังข์” แม่ทัพภาคที่ 4 /ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 “ ต้องหาผู้ที่มี”ความรู้” มาทำหน้าที่”กำกับดูแล”งานของ”ศปชส” ด้วยจึงจะ”ตอบโจทย์”ของ”ศปสช.”…..
@ฝน ฟ้า เริ่มแรงขึ้น ในพื้นที่ของภาคใต้ เพราะเดือน พฤศจิกายน เป็น”หน้าฝน” ของภาคใต้ ซึ่งจากการ”ประมวลข่าวสาร” ของ”กรมอุตินิยมวิทยา” และจาก”ประสบการณ์” ที่ผ่านมา เชื่อได้ว่า “หน้าฝน” ของ”ภาคใต้” ปีนี้ มีความ”รุนแรง” ไม่ต่างกับภาคอื่นๆ ที่มีความ”เสียหาย” จาก”อุทกภัย” อย่าง”ร้ายแรง” ในส่วนของ”กองทัพภาคที่ 4 “พล.ท.ไพศาล หนูสังข์” แม่ทัพภาคที่ 4/ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ออกตรวจเยี่ยม “ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย”ของ”กองทัพภาคที่ 4 “ เพื่อดูความพร้อมของ”กำลังพล” และ”ยานพาหนะ” รวมทั้ง”อุปกรณ์”ต่างๆ เพื่อ”รับมือ” กับ”อุทกภัย” และการ”อพยพ”ประชาชน ให้ทันท่วงที ถ้ามีเหตุ”ฉุกเฉิน” จาก”อุทกภัย” ….แต่ในส่วน”ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย” และในส่วนของ”ฝ่ายปกครอง” ที่มี”ผู้ว่าราชการจังหวัด” และ”ปกครองท้องถิ่น” มีความพร้อมในการ”รับมือ”กับ”อุทกภัย”แค่ไหน เพียงใดนั้น “อนุทิน ชาญวีรกุล” รองนายกรัฐมนตรี และ “เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย” ต้อง”สั่งการ” ให้” อธิบดีกรมการปกครอง” และ”อธิบดีกรมการปกครองท้องถิ่น” ให้ติดตาม ตรวจสอบ ถึงความพร้อม รวมทั้งแผน”บูรณาการ” ระหว่างหน่วยงาน เพื่อให้มี”ประสิทธิภาพ” ในการ”รับมือ” กับปัญหา”น้ำท่วม” ที่จะมาถึง โดยเฉพาะในพื้นที่”ฝั่งอันดามัน” ตั้งแต่ จ.ภูเก็ต,ระนอง,กระบี่” และ ตรัง” ที่จะปัญหาเรื่อง”ดินถล่ม” เกิดขึ้นจากการ”รุกพื้นที่ภูเขา” เพื่อสร้าง” บ้านพัก,รีสอร์ต” หรูหรา จนกลายเป็นปัญหาของ”ดินถล่ม” เมื่อมี”ฝนตกหนัก”….. แล้วพบกันใหม่วันศุกร์หน้า สวัสดีครับ
————————————————————
ไชยยงค์ มณีพิลึก
พร้อมรับมือ. พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4/ ผอ,กอ,รมน,ภาค 4. ในฐานะ ผอ,ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 4 ตรวจเยี่ยมความพร้อมของกำลังพล ยานพาหนะ ฯลฯ ณ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 42 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยมี เศวต เพชรนุ้ย รอง ผวจ.สงขลา ร่วมให้การต้อนรับ
ต้อนรับ. นันทพงศ์ สุวรรณรัตน์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ให้การต้อนรับ พล.อ.ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก และคณะ ซึ่งเดินทางตรวจเยี่ยมติดตามการปฏิบัติงานชุดคุ้มครองตำบลในพื้นที่ อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี
แถลงข่าว, อำพล พงศ์สุวรรณ ผวจ.ยะลา เป็นประธานการแถลงข่าวการเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 40 คัดเลือกภาค 4 “ยะลาเกมส์” “เกมส์แห่งโอกาส และมิตรภาพ” ซึ่งเตรียมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 – 22 พฤศจิกายน 2567 และการแข่งขันกีฬาอาวุโสแห่งชาติ ครั้งที่ 7 คัดเลือกภาค 4 “นิบงส์เกมส์” ระหว่างวันที่ 23 – 29 พฤศจิกายน 2567 ณ จังหวัดยะลา เพื่อคัดเลือกตัวแทนนักกีฬาภาค 4 ใน 14 จังหวัดภาคใต้ เข้าร่วมการการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 40 “ฉลามเยาวชนเกมส์” ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม -3 เมษายน 2568 และการแข่งขันกีฬาอาวุโสแห่งชาติ ครั้งที่ 7 “ข้าวหลามเกมส์” ณ ห้องวลัย 9 โรงแรมยะลารามา อ,เมือง จ,ยะลา
ร่วมเปิด. พงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา และ คยองชอน คิม ผอ.องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย พร้อมด้วย เซเวอรีน เลโอนาร์ดี รองผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย พร้อมด้วยคณะ และ สุริยา ยีขุน นายกเทศมนตรีตำบลปริก ร่วมเปิด มุมแห่งการเรียนรู้ “UNICEF Corner” เพื่อร่วมพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพของเด็กและเยาวชนในพื้นที่ ตลอดจนสร้างกิจกรรมเรียน รู้ เล่น แก่เด็กและเยาวชน โดยแกนนำอาสาสมัคร “I amนUNICEF” ซึ่งเป็นอาสาสมัครในพื้นที่ ณ ศูนย์เรียนรู้ยะลา เทศบาลนครยะลา
พบปะ, พิพัฒน์ เจษฎานนท์ หัวหน้ากองโรงไฟฟ้าเขื่อนบางลาง พร้อมด้วย กำซานี มะเร๊ะ หัวหน้างานประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์ วันชัย เจ๊ะ แผนกความปลอดภัยอาชีวอนามัย สภาพแวดล้อมในการทำงานและรักษาความปลอดภัย และผู้ปฏิบัติงานกองโรงไฟฟ้าเขื่อนบางลาง เข้าเยี่ยมพบปะ มะยูโซ๊ะ อาลีมามะ นายกเทศมนตรีเขื่อนบางลาง มาหามะ แอเสาะหามะ กำนัน ต.บางลาง และ รำมือลี เจ๊ะแวกูนิง ส,อบจ, ในโอกาสมารับตำแหน่งหัวหน้ากองโรงไฟฟ้าเขื่อนบางลาง และเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงาน กฟผ.กับผู้นำชุมบริเวณรอบเขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา อีกด้วย
มอบเงิน. พาตีเมาะ สะดียามู ผวจ.ปัตตานี พร้อมด้วย วันสุกรี แวมามะ นายอำเภอเมืองปัตตานี และ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น เยี่ยมครอบครัวของ รองสารวัตรจราจร สภ.เมืองปัตตานี ที่ถูก แนวร่วม บีอาร์เอ็น บุกยิงเสียชีวิต พร้อมมอบเงินช่วยเหลือ 500,000 บาท ณ บ้านพัก ต.คลองมานิง อ.เมือง จ,ปัตตานี
รับรางวัล .ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศิริชัย นามบุรี รักษาราชการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เข้ารับรางวัล สถานศึกษาต้นแบบ ในงานประกาศผลรางวัลกิจกรรมเชิดชูคนดี กยศ. ประจำปี 2567 โดยมี นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล พร้อมกันนี้ ลุกมัน เส็งหลี เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป งานแนะแนว กองพัฒนานักศึกษา ตัวแทนจากงานกยศ. เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ณ อาคาร 150 ปี กระทรวงการคลัง กรุงเทพฯ
ติดตามความคืบหน้า. มุขตาร์ มะทา นายก อบจ.ยะลา ลงพื้นที่ เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาคอสะพานและตลิ่งถูกน้ำกัดเซาะ พร้อมหารือร่วมวางแผนการปฏิบัติงานแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากดินถลมพร้อมด้วยนายเอกราช ยีเส็น หัวหน้าฝ่ายสำรวจและออกแบบ นายช่าง และเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมภารกิจ โดยมีนายมะหะมะยูโซะ ปาแว สมาชิกสภา อบจ.ยะลา ประธานสภา อบต.อัยเยอร์เวง และประชาชนให้การต้อนรับ
มอบของที่ระลึก, ตัวแทนการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) และตัวแทนผู้บริหารเขื่อนรัชชประภา อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี มอบของที่ระลึกให้ ไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล หัวหน้าศูนย์เดลินิวส์ภาคใต้ตอนล่าง ในการประชุมผู้สื่อข่าวภาคใต้ของ นสพ.เดลินิวส์ภาคใต้ ณ ห้องประชุม เขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี
ติดตามงาน, ไพเจน มากสุวรรณ์. นายกอบจ.สงขลา. ลงพื้นที่ติดตามการก่อสร้างประปาเพื่อจัดการบริหารระบบน้ำให้กับประชาชนในพื้นที่ ม.8 ต. ลำไพล อ.เทพา. จ.สงขลา เพื่อให้ประชาชน มีน้ำใช้อย่างพอเพียง
ร่วมยินดี นิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมแสดงความยินดี เนื่องในงานฉลองมงคลสมรส ระหว่าง เจริญทรัพย์ ทรัพย์เจริญกุล – สุรวรรณ บรรณวัฒน์ บุตรสาวชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ณ โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ
บุญกฐิน. เจือ ราชสีห์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมกิจกรรมทอดกฐินกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ อ.เมือง จ.สงขลา ณ วัดตีนเมรุศรีสุดาราม วัดเลียบ วัดทุ่งหวังใน วัดน้ำกระจาย
ป้องทุจริต ณ ห้องประชุมพระยารัษฎา ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดตรัง นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง พร้อมด้วยกลุ่มงานป้องกันการทุจริต สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดตรัง จัดประชุมเรื่องมาตรการและข้อเสนอแนะในการป้องกันการทุจริต เกี่ยวกับเงินอุดหนุนของโรงเรียนเอกชนในจังหวัดตรัง ครั้งที่ 1/2567 โดยมีนางอรทัย เกิดภิบาล ศึกษาธิการจังหวัดตรัง พร้อมด้วยผู้บริหารโรงเรียนเอกชนในจังหวัดตรัง จำนวน 37 โรงเรียน เข้าร่วมประชุม
แสดงความยินดี. ไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา ดร.กิตติ เรืองเริงกุลฤทธิ์ ปลัดเทศบาลนครหาดใหญ่ ธีรชัย ทองเสน แสดงความยินดีกับ พล,ท.ไพศาล หนูสังข์ ซึ่งได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ 4 ณ ภัตตาคารต่อฮวด อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ด้วยรักและผูกพันธ์ เฉลิมพล เรืองเริงกุลฤทธิ์ รองนายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา แสดงความยินดีกับ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4/ ผอ.กอ.รมน,ภาค 4 คนใหม่ ด้วยรักและผูกพัน พร้อมอวยพรให้ประสพความสำเร็จในการทำหน้าที่ แก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ยินดีด้วย ไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา จังหวัดสงขลา มอบแจกันดอกไม้ เพื่อแสดงความยินดีกับ คีรี อำนักมณี ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีอัยการภาค 9
จิตอาสา ปารเมศ เห้งสวัสดิ์ นายอำเภอสทิงพระ เป็นประธานในพิธีมอบหมวกและผ้าพันคอจิตอาสาพระราชทานให้แก่ประชาชนที่ลงทะเบียนสมัครเป็นจิตอาสา ประจำปี พ.ศ.2565 -2567 ณ หอประชุมรัตนโกสินทร์ อ.สทิงพระ จ.สงขลา
ความสำเร็จ. มาลิณี พานิชกรณ์ ผจก.สหกรณ์สทิงพระแสดงความยินดีกับความสำเร็จของสหกรณ์การเกษตรบางกล่ำ จำกัด ประชุมใหญ่สามัญประจำปี สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2567