เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2552 ครอบครัวเล็ก ๆ ที่มีสมาชิกเพียง 3 คนจากเมืองยูโฟลา รัฐโอคลาโฮมา เกิดหายตัวไป และจนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา

ข้อมูลเท่าที่มีอยู่ในมือทางการก็คือชื่อของผู้สูญหาย ได้แก่ บ็อบบี เจมิสัน วัย 44 ปี, เชอริลินน์ วัย 40 ปี ภรรยาของเขา และแมดิสัน ลูกสาววัย 6 ขวบ ไม่มีเบาะแสใดที่ชี้ว่าพวกเขาน่าจะไปที่ไหน 

ไม่กี่วันต่อมา ตำรวจก็พบเพียงรถกระบะของครอบครัวเจมิสัน จอดทิ้งไว้ในจุดที่ห่างจากที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่ไปประมาณ 1 ชั่วโมง ภายในรถบรรทุกมีสุนัขเพศเมียของครอบครัวชื่อเมซีนั่งอยู่ที่เบาะหลัง มันยังมีชีวิตอยู่ แต่อยู่ในสภาพขาดสารอาหาร

รถกระบะของครอบครัวเจมิสันที่จอดทิ้งไว้ มีเพียงสุนัขประจำบ้านนั่งรออยู่ในรถ

ดูเหมือนว่าครอบครัวเจมิสันจะทิ้งข้าวของของพวกเขาไว้ที่รถทั้งหมด ซึ่งมีทั้งกระเป๋าสตางค์, บัตรประจำตัวประชาชน, โทรศัพท์มือถือ, อุปกรณ์นำทางด้วยระบบจีพีเอสและเงินสดจำนวน 32,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.06 ล้านบาท) 

ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ครอบครัวเจมิสันไปเอาเงินสดมากมายขนาดนี้มาจากไหนและมีแผนจะเอาไปใช้ทำอะไร อีกทั้งไม่มีใครออกมาแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของเงินก้อนนี้หลังจากเกิดเรื่องขึ้น 

ด้านทีมสืบสวนก็ไม่พบหลักฐานที่สามารถจะชี้ชัดลงไปได้ว่าครอบครัวนี้ออกจากรถที่จอดทิ้งไว้โดยสมัครใจหรือมีใครบีบบังคับ ทีมค้นหาคนขยายขอบเขตการค้นออกไป แต่ก็ไม่พบตัวสมาชิกทั้งสามของครอบครัวเจมิสัน ไม่มีใครรู้สาเหตุว่าทำไมสองสามีภรรยาถึงขับรถออกไปพร้อมกับลูกสาวและสุนัขของที่บ้าน ซ้ำยังหอบเงินสดจำนวนมากติดตัวไปด้วย

ต่อมาในปี 2556 ก็มีร่องรอยเพิ่มเติม กลุ่มนักล่าสัตว์ไปพบศพคนซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ครอบครัวเจมิสันจอดรถกระบะทิ้งไว้ราว 3 ไมล์หรือเกือบ 5 กม. 

พอถึงเดือนก.ค. 2557 ทางการก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าซากร่างเหล่านั้นคือศพของสมาชิกทั้ง 3 คนของครอบครัวเจมิสัน และกลายเป็นจุดเริ่มต้นการสืบสวนครั้งใหม่ของคดีนี้ โดยมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งพบคลิปวิดีโอภาพจากกล้องวงจรปิดจากบ้านเจมิสัน แสดงภาพเหตุการณ์ที่คนทั้งครอบครัวกำลังเก็บข้าวของใส่รถกระบะของพวกเขา

ในคลิปดังกล่าวมีภาพของเชอริลินน์ กำลังนำกระเป๋าเอกสารสีน้ำตาลใส่ลงไปในรถกระบะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตำรวจหาไม่พบระหว่างสืบสวนและเก็บหลักฐานหลังจากที่พวกเขาหายตัวไปทั้งบ้าน นอกจากนี้ ปืนอีก 1 กระบอกที่เป็นของเชอริลินน์ก็หายไปด้วย 

แต่เนื่องจากสภาพที่เน่าเปื่อยจนแทบไม่เหลืออะไรของศพทั้งสามเพราะกาลเวลาผ่านมานานหลายปีแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะชันสูตรศพเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตของพวกเขา

ย้อนไปช่วงหลังจากที่ครอบครัวเจมิสันหายตัวไปไม่นานนัก ก็มีรายงานระบุว่า บ็อบบีเคยบอกบาทหลวงที่เขาคุ้นเคยว่า เขากลัวว่าบ้านตัวเองจะมีผีสิง รวมทั้งบอกว่าเขาเคยเห็น “ผี” บนหลังคาบ้าน ส่วนเมียและลูกของเขาก็บอกว่าเคยเห็นวิญญาณอยู่ในบ้าน

สองสามีภรรยา บ็อบบีและเชอริลินน์ เจมิสัน

ด้านเชอริลินน์นั้นก็ซื้อหาคัมภีร์ศาสตร์มืดของลัทธิบูชาซาตานมาอ่าน เธอเชื่อว่าตัวเองและลูกสาวสื่อสารกับคนตายได้ ซึ่งบ็อบบีก็นำไปเล่าให้บาทหลวงคนนี้ฟังว่า เขาเคยอ่านหนังสือเล่มนั้น ทำให้เกิดความสงสัยว่าการหายตัวอย่างประหลาดของบ้านเจมิสันจะเกี่ยวข้องกับความเชื่อเรื่องมนต์ดำและภูตผีปิศาจหรือไม่

ขณะที่ครอบครัวฝั่งเชอริลินน์เชื่อว่า ครอบครัวเจมิสันเข้าไปเกี่ยวข้องกับลัทธิแม่มดหรือมนต์ดำ จึงทำให้พวกเขาโดนฆาตกรรม ก็มีอีกสมมติฐานที่เชื่อว่าเชอริลินน์อาจเป็นผู้ลงมือสังหารทุกคน เพราะป่วยทางจิต หลังจากที่มีการค้นพบจดหมายที่เขียนด้วยเนื้อความที่แสดงความเกลียดชังถึงสามีของเธอเป็นจำนวนมากถึง 11 ฉบับ กระทั่งแม่ของเธอเองก็เชื่อว่าลูกสาวมีอาการของผู้ป่วยโรคไบโพลาร์

แม้ว่าจะมีการตั้งสมมติฐานและคาดการณ์ต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับการหายตัวไปของครอบครัวเจมิสัน แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบที่ถูกต้องแน่ชัดได้ อีกทั้งคนที่รู้ดีที่สุดทั้ง 3 คนก็ได้กลายเป็นศพไปเนิ่นนานแล้ว.

ที่มา : ladbible.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES, Facebook/Latimer County Sheriff