เมื่อเดือนที่แล้ว เห็นข่าวบริษัท ปตท. ค้าสากล จำกัด (PTTT) ลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ระยะยาวกับบริษัท โอมาน แอลเอ็นจี แอลแอลซี รวมทั้งจาก “บรูไน”ด้วย! เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ต่อยอดโอกาสและเสริมศักยภาพด้านการค้าระหว่างประเทศของ ปตท. ตลอดจนรองรับการเติบโตของตลาด LNG และสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศ

ปัจจุบันไทยต้องนำเข้า LNG จากต่างประเทศ เนื่องจากก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่ขุดกันมากว่า 30 ปี เริ่มหายาก ขุดยาก และมีปริมาณน้อยลงไปทุกวัน จึงต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากต่างประเทศเข้ามาป้อนโรงไฟฟ้า ทำให้ราคาค่าไฟฟ้าผันผวนสูงขึ้น

รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จึงมีนโยบายที่จะเร่งเจรจากับรัฐบาลกัมพูชา ดำเนินการพัฒนาแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา (OCA) เพื่อขุดก๊าซฯและน้ำมันดิบขึ้นมาแบ่งกันใช้คนละครึ่ง เหมือนที่ไทย-มาเลเซีย ร่วมกันพัฒนาแหล่งก๊าซ JDA ในทะเลบริเวณ จ.สงขลา-ปัตตานี

สำหรับกรณี OCA นั้น เมื่อวันที่ 4 ..ที่ผ่านมา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 6:3 ไม่รับคำร้องที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการ พรรคพลังประชารัฐ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และกระทรวงการต่างประเทศ นำบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน หรือ “MOU ปี 2544”

ทำขึ้นโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาใช้ดำเนินการแบ่งเขตอธิปไตย และผลประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลของประเทศ ไทย ด้านอ่าวไทย ละเมิดสิทธิของผู้ร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 3 มาตรา 25 และมาตรา 43 วรรคหนึ่ง (2)

งานนี้นายไพบูลย์อ้างเหตุผล ว่าต้องการปกป้องเขตอธิปไตยทางทะเลบริเวณเกาะกูดอ่าวไทย จ.ตราด เนื้อที่ 26,000 ตารางกิโลเมตร (16 ล้านไร่) และผลประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติ มูลค่า 20 ล้านล้านบาท ในทะเลอ่าวไทย ตามสิทธิในรัฐธรรมนูญปี 2560

พูดง่าย ๆ ว่าเอาเรื่อง “เกาะกูด” ซึ่งมีสถานะเป็นอำเภอหนึ่งในจ.ตราด มาผูกโยงกับการนำก๊าซฯ-น้ำมันดิบ ในพื้นที่ OCA ขึ้นมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ ด้วยการทำให้เรื่องดังกล่าวติด “กับดักเวลา” ยิ่งล่าช้าออกไปประเทศและประชาชนยิ่งเสียโอกาส

พยัคฆ์น้อย” เช็กความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับเรื่อง OCA ไปถึงไหน? คำตอบที่ได้รับคือ ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว ทำแน่นอน! เพราะถ้าไม่รีบทำให้สำเร็จในยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทย คนอื่นก็ไปคุยกับฝ่ายกัมพูชาได้ยาก!

แต่เหตุผลที่ยังนิ่ง ๆ ณ เวลานี้ เนื่องจากในฝั่งไทยมี “เจ้าสัว” จ้องจะ “กินรวบ” ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่จะให้ฝั่งกัมพูชาเป็นฝ่าย “ออกหน้า” เพื่อสกัดกั้น “เจ้าสัว”

เมื่อถึงเวลาเปิดประมูล ก็จะได้ “คนขุด” อย่างถ้วนทั่ว! โดยปราศจากฤทธิ์เดชอิทธิพลของเจ้าสัว!!.

……………………………………..
พยัคฆ์น้อย

อ่านบทความทั้งหมดที่นี่…