“Doraemon: Nobita’s Earth Symphony” หรือ “โดราเอมอนเดอะมูฟวี่: โลกแห่งซิมโฟนี่ของโนบิตะ” ภาพยนตร์โดราเอมอนลำดับที่ 43 ความยาว 1 ชั่วโมง 55 นาที เข้าฉายฉลองวันเกิดครบรอบ 90 ปีของอาจารย์ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ ผู้ให้กำเนิดโดราเอมอน กำกับโดย อิมาอิ คาซูอากิ ที่เคยสร้างสรรค์ผลงาน Doraemon: Nobita’s New Dinosaur เมื่อปี 2020 พร้อม อุทสึมิ เทรุโกะ นักเขียนบทคู่บุญ

การผจญภัยครั้งใหม่ของ โดราเอมอน โนบิตะ ชิซูกะ ไจแอนท์ และ ซูเนโอะ เมื่อเสียงดนตรีบนโลกใบนี้หายไป โนบิตะที่ต้องฝึกซ้อมรีคอร์เดอร์ที่ไม่ถนัดเพื่องานดนตรีโรงเรียน ก็มีเด็กสาวปริศนา “มิกกะ” ปรากฏตัวขึ้นมา และเชิญพวกโดราเอมอนให้ไปที่ “วิหารฟาร์เร่ (ดนตรี)” บนดาวเคราะห์ซึ่งใช้ดนตรีเป็นพลังงาน มิกกะ กำลังออกตามหา “เวอร์ทูโอโซ” ยอดนักดนตรีที่จะมาเล่นดนตรีด้วยกันเพื่อกอบกู้วิหารแห่งนี้ พวกโดราเอมอนใช้ของวิเศษชื่อว่า “ใบประกอบอาชีพนักดนตรี” เลือกเครื่องดนตรี และบรรเลงเพลงด้วยกันกับมิกกะ ทำให้วิหารฟื้นฟูขึ้นมาทีละนิด ทว่า มีสิ่งมีชีวิตน่ากลัวที่สามารถลบเสียงดนตรีให้หายไปจากโลก ได้บุกเข้ามาและทำให้โลกไร้เสียงดนตรีไปตลอดกาล โดราเอมอน โนบิตะ และผองเพื่อน จึงต้องร่วมมือกันเพื่อปกป้องเสียงดนตรีและโลกเอาไว้ให้ได้

“โดราเอมอนเดอะมูฟวี่: โลกแห่งซิมโฟนี่ของโนบิตะ” ได้ทีมพากย์ระดับคุณภาพคับแก้ว ที่เคยพากย์โดราเอมอนตั้งแต่ยุคช่อง 9 การ์ตูน มาให้ความสุขกับทุกคนเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็น ฉันทนา ธาราจันทร์ พากย์เสียง โดราเอมอน, ศันสนีย์ วัฒนานุกูล พากย์เสียง โนบิตะ, ศรีอาภา เรือนนาค พากย์เสียง ชิซุกะ และ มอร์ทเชล, นิรันดร์ บุญยรัตพันธุ์ พากย์เสียง ไจแอนท์, อรุณี นันทิวาส พากย์เสียง ซึเนโอะ, สุลักษณา เทพหัสดิน ณ อยุธยา พากย์เสียง เดคิสุงิ พร้อมด้วยทีมนักพากย์ของตัวละครที่ปรากฎในหนังภาคนี้ นัยรัตน์ ธนไวทย์โกเศส พากย์เสียง มิกกะ, ภัทร์ศรัณย์ เรือนนาค พากย์เสียง มีนา, พนาวรรณ ศรีวะโลสกุล พากย์เสียง ชาเปกกุ, ธนกฤต เจนคลองธรรม พากย์เสียง เวนเทอร์, นที สาครพันธรักษ์ พากย์เสียง วากเนอร์, ศิวพันธ์ บุณยรัตพันธุ์ พากย์เสียง ทาคิเร็น

ขึ้นชื่อว่า “โดราเอมอน” แล้ว คงไม่ต้องสาธยายอะไรให้วุ่นวาย ความสนุกยังคงเต็มเปี่ยมล้นทะลักเหมือนเดิม ในภาคนี้มีความโดดเด่นที่แตกต่างจากภาคอื่น ๆ คือมีการนำ “เสียงดนตรี” มาเป็นตัวชูโรง ซึ่งทำให้ “โดราเอมอนเดอะมูฟวี่: โลกแห่งซิมโฟนี่ของโนบิตะ” มีความล้ำค่าในอีกรูปแบบหนึ่ง ถือเป็นหนึ่งในตอนที่แตกต่างและสวยงามสำหรับแฟรนไชส์ภาพยนตร์โดราเอมอน

ตัวละคร “มิกกะ” ออกแบบมาได้สุดยอดมาก ๆ น่ารักและมีเอกลักษณ์สุด ๆ แย่งซีนทุกคนในแทบทุกฉากที่เธอออกมา ไหนจะเสียงร้องอันสุดไพเราะของมิกกะตอนร้องเพลงที่ได้สาวน้อย “ฮิราโนะ ริอานะ” มาพากย์เสียงให้ ทำเอาตกอยู่ในภวังค์ทุกครั้งที่เธอเปล่งเสียง

อีกหนึ่งบุคคลสำคัญที่ทำให้ “โลกแห่งซิมโฟนี่ของโนบิตะ” สมบูรณ์แบบ ก็คือ “ฮัตโตริ ทาคายูกิ” ผู้ดูแลดนตรีในหนังเรื่องนี้ เมื่อหนังเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับดนตรีตลอดทั้งเรื่อง ดนตรีคือตัวเอกที่บทเด่นยิ่งกว่า โดราเอมอน กับ โนบิตะ เสียอีก และอาจารย์ฮัตโตริ ก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด

ด้านเพลงประกอบ Time Paradox ของ Vaundy ก็เข้ากับหนังสุด ๆ ยิ่งตอนฟังช่วง End Credit แทบไม่อยากออกจากโรง ขอนั่งฟังให้จบเพลงก่อน

ฉากที่ได้เห็นโดราเอมอน และผองเพื่อน ร่วมกันเล่นดนตรีบรรเลงเพลงอันไพเราะ ถือเป็นอีกหนึ่งฉากที่ทรงพลังมาก และแสดงให้เห็นว่า “ความสามัคคีคือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” และ “ดนตรี” เป็นสิ่งที่ช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตของพวกเราจริง ๆ

แน่นอนว่าภาพยนตร์ยังคงมีข้อบกพร่องอยู่บ้างในบางจุด เช่น การให้ ชิซูกะ ที่มีสกิลการเล่นดนตรีเก่งที่สุดในแก๊ง ไปตีกลอง หรือเล่นเครื่องดนตรีประกอบจังหวะ ทั้ง ๆ ที่เธอเล่นเปียโน และไวโอลิน ได้ ส่วน โดเรมอน ที่ไม่มีนิ้ว ก็ไม่ได้ให้เล่นดนตรีอะไรเลย การเล่าเรื่องอาจมีอาการสะดุด และไม่ไหลลื่นอยู่บ้าง

อย่างไรก็ดี หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก ในฐานะเครื่องบรรณาการถึงความสำคัญ และความดึงดูดของดนตรีที่มีต่อมนุษยชาติ รวมทั้งเป็นหนังภาคที่ไม่มีฉากชิซูกะอาบน้ำ หรือเห็นกางเกงในของเธอด้วย ซึ่งปกติมักจะมีให้เห็นแทบทุกภาค ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี ที่ควรจะเลิกใส่ฉากอาบน้ำของเธอในโดราเอมอนได้แล้ว

4.5/5
นี่คือภาพยนตร์ที่ผู้ปกครองสามารถพาลูกหลานไปชมได้อย่างสบายใจไร้กังวล มั่นใจได้เลยว่า เมื่อชมหนังจบ มันจะช่วยสร้างความสุข ความสนุก ความทรงจำ และทัศนคติที่ดีให้กับเด็ก ๆ ได้ แถมยังช่วยหล่อเลี้ยงให้พวกเขาเติบโตมาอย่างมีคุณภาพอีกด้วย และใครที่ชื่นชอบดนตรี นี่คือโดราเอมอนเดอะมูฟวี่ ภาคที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง ถึงจะไม่เพอร์เฟค แต่ก็คุ้มค่าที่จะรับชมเป็นอย่างยิ่ง.

หมีเช