ในวาระเกษียณอายุราชการ พาไปส่องมุมคิดในชีวิตข้าราชการของ อธิบดีกรมทางหลวงคนที่ 33 นายสราวุธ ทรงศิวิไล ผู้ครองเก้าอี้อธิบดีกรมใหญ่ที่สุดของประเทศไทย(จากทั้งหมด 305กรม) ด้วยงบลงทุนมากกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี นั่งตำแหน่งยาวนาน 5 ปีเต็มจนครบ 60 ปีเกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567

เติบโตจากครอบครัวข้าราชการ….ลูกชายคนที่ 2 จากชายล้วน 4 คนมีคุณพ่อเป็นนักปกครองกระทรวงมหาดไทย คุณแม่เป็นอาจารย์ จึงเป็นที่มาของชื่อไลน์ S2 และ SS เรียนเก่งมาตั้งแต่เด็ก…จบประถมที่ จ.อุบลราชธานี ม.ต้น บดินทรเดชา ม.ปลาย เตรียมอุดมฯ สอบเข้าวิศวจุฬา (วศ.24) เรียนจบไปเป็นลูกจ้างชั่วคราวทำงานอยู่เชียงใหม่ กระทั่งปี 2529 สมัครสอบข้าราชการกรมทางหลวง(ทล.) ติด 1 ใน 10 คนแรกที่เรียกบรรจุรอบแรก

วันแรกที่รายงานตัวในวัย 22 ปี ต้องเลือกหน่วยงานบรรจุ กองการเจ้าหน้าที่ถามว่าอนาคตอยากเป็นอะไร “นายช่างแขวงการทาง” คือคำตอบ เพราะรู้จักอยู่ตำแหน่งเดียว เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าอยากเป็นนายช่างแขวงฯ ต้องไปอยู่กองบำรุง จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการรับราชการ… บรรจุได้ปีเดียวลาศึกษาต่อปริญญาโทวิศวกรรมศาสตร์ที่จุฬาฯ จบมาปี 2532 เพื่อน ๆ ที่อยู่บริษัทเอกชนเงินเดือน 8,000 – 9,000 บาท ตัวเองรับราชการ 2,765 บาท ลาออกไม่ได้ต้องใช้ทุน 4 ปี จึงขยันเป็น 2 เท่ารับทำงานพิเศษ (Part Time) ช่วงเย็นหลังเลิกงานรวมทั้งวันเสาร์อาทิตย์ จนมีรายได้ถึง 30,000 บาท ต่อเดือน

ปี 2548 ได้รับมอบหมายเป็นผู้อำนวยการสำนักงานบำรุงทาง(คนแรก) ได้เป็นนายช่างแขวงตามเป้าหมาย เติบโตในการทำงานจนได้รับคัดเลือกเป็นรองอธิบดีตอนอายุ 48 ปี เป็นรองอธิบดี 4 ปีเศษ ออกจากกรมทางหลวงไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม 1 ปี เป็นผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)8 เดือน เป็นอธิบดีกรมการขนส่งทางราง(คนแรก) ได้ 4 เดือน กระทั่งได้รับโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมทางหลวงเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 …ครม. มีมติให้อยู่ต่ออีก 1 ปี รวมเป็น 5 ปี

ผมไม่เคยใฝ่ฝันที่จะเป็นอธิบดี เมื่อบรรลุเป้าหมายคือนายช่างแขวง ตอนอายุ 40 ปี เริ่มเห็นโอกาสเป็นอธิบดี อยากเป็นอธิบดีเพราะเป็นซีอีโอ เป็นเบอร์1ขององค์กรจะทำให้เรามีโอกาสได้ทำในสิ่งที่อยากทำ เมื่อถามถึงคุณสมบัติโดดเด่นที่ทำให้ได้รับโอกาสผมมีความรู้ความสามารถ เป็นที่ยอมรับ พร้อมทำงานได้ทุกมิติ ทำงานในหน้าที่ได้สำเร็จ ทำงานที่ได้รับมอบหมายได้ดี เป็นคนอึด ถึก ทน รับแรงกดดันได้ ไม่ท้อถอย ขณะเดียวกันมีความถ่อมตัวให้เกียรติผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา

สไตล์การทำงาน….ผมพกสมุดโน้ตและปากกาติดตัวอยู่เสมอไว้จดกลัวลืม สามารถทำงานได้ในทุกสถานที่ เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ต้องคิด ต้องสั่งการตลอดเวลา ….เพราะผมเป็นหัวหน้าทีม เป็นคนกำหนดเป้าหมาย กำหนดกรอบการทำงานเปรียบเสมือนเป็นลู่วิ่งที่ไม่ได้แคบจนอึดอัด ไม่ได้กว้างจนสบายเกินไป ทุกคนสามารถวิ่งได้แบบอิสระ ทำให้คนกรมทางทั้งสี่หมื่นคน วิ่งไปในทิศทางเดียวกัน และถึงเป้าหมายตามที่กำหนดไว้

รับราชการช่วง 3 – 5 ปีแรก ต้องมีความอดทน ต้องทำงานหนัก รายได้อาจจะไม่มาก แต่ถ้าผ่านช่วงนั้นไปได้ บั้นปลายชีวิตจะปรับตัวได้และมีความสุขตามอัตภาพแน่นอน ...เรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย….ที่ถูกมองว่ามีอำนาจ ทำได้ทุกอย่าง ผมไม่เคยสบายใจ มุมมองของผม คนที่สมหวัง 20% อีก 80% ผิดหวัง ทุกคนลูกน้องผมคนทำงานดี เก่ง ๆ มีเยอะ รวมถึงปัจจัยอื่นมีหลายอย่าง คนที่ไม่โดนเลือก ไม่ใช่ไม่เก่ง เพียงแต่ความเหมาะสมที่สุด ณ เวลานั้น ๆ จะเป็นใคร ฉะนั้นจะมีคนสมหวังกับคนผิดหวัง…อยากบอกว่าอย่าท้อ ถึงเวลาหนึ่งที่จังหวะเหมาะสมจะได้เอง

ผ่านรัฐมนตรี 3 สมัย…อดีตรมว. คมนาคม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ มีโอกาสได้ทำงานร่วมกัน 4 ปี …เป็นคนเป๊ะ Perfectionism กล้าคิด กล้าทำ อย่างเรื่องการเพิ่มความเร็วรถจากไม่เกิน 90 กม.ต่อชม เป็นไม่เกิน 120 กม.ต่อชม. เพราะมอ

ว่าสภาพถนนดี 90% การเพิ่มความเร็วจะช่วยเพิ่มความสะดวกปลอดภัย ลดปัญหาการชนท้าย มีความชัดเจนและสั่งงานเป็นระบบ ทำให้ผมได้ผ่านการฝึกฝน และเรียนรู้เรื่องการตัดสินใจที่เด็ดขาด…..นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ มีโอกาสได้ร่วมทำงานช่วงที่เป็นผู้ตรวจฯ และผอ.สนข. มีความเป็นผู้ใหญ่ รอบรู้ รอบคอบ มองกว้าง ส่วนนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นคนที่รับฟัง เข้าถึงได้ ทำให้กล้าเสนอความคิดเห็นต่างๆ

ผมทำงานหนักตั้งแต่สมัยรับราชการใหม่ ๆ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ได้บริหารงาน ได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของบุคลากรหลากหลายที่ ได้มีโอกาสทำงานนอกกรมฯ ได้ทำงานใกล้ชิดผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่าน ได้เห็นวิธีคิดวิธีทำงาน วิธีบริหาร และการตัดสินใจ เมื่อวันเวลาผ่านไปจึงหล่อหลอมตกผลึกเป็นสไตล์การทำงานของตัวเอง…. Seize the day….ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

ผลงานที่ประทับใจและความสุขในการทำงานมีหลายเรื่อง อาทิ ได้ริเริ่มทำจุดพักรถ (Rest Area) ที่ศรีราชา เป็นจุดพักรถที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบวงจรแห่งแรก การให้บุคลากรสามารถย้ายได้ตามความเหมาะสม เวลาไปราชการต่างจังหวัดจะมีลูกน้องเข้ามาขอบคุณที่ได้ย้ายมาอยู่กับครอบครัว รู้สึกแฮปปี้มาก

ส่วนเหตุการณ์วิกฤติสุด…ตอนคานสะพานร่วงบนถนนพระราม 2 ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ เป็นความบกพร่องที่รุนแรง มีการแสดงออกมาจากสังคมที่รุนแรง มีความกดดัน…..วิธีรับมือ…ผมไม่หนีปัญหา ยอมรับความผิดพลาด ยืดอก ยิ้มสู้ ออกหน้าเอง ทำให้ลูกน้องไม่ขวัญเสีย หาวิธีแก้ไข1-2-3และรีบแก้ไข หาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีก การมีทีมงานที่ดี ผู้บังคับบัญชาให้โอกาสแก้ไขปัญหา ทำให้ผ่านมาได้

สิ่งที่ยังกังวลและไม่สำเร็จฝากอธิบดีคนใหม่คนที่ 34 สานงานต่อ…..พัฒนาโครงข่ายทางหลวง เพิ่มประโยชน์การใช้งาน เปิดบริการเต็มรูปแบบมอเตอร์เวย์M6 บางปะอิน-นครราชสีมา M81บางใหญ่-กาญจนบุรี และM 82มอเตอร์เวย์บนถนนพระราม 2ช่วงบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว….อะไรดีทำต่อไปอะไรไม่ดี ไม่ต้องทำครับ

เสียงสะท้อนจากลูกน้องนายใจดีมากๆ น่ารักมากๆ เป็นกันเอง เป็นตำนานอธิบดีกรมทางหลวง …ขณะที่นักข่าวกระทรวงคมนาคม ยกให้เป็น”อธิบดีในดวงใจ” …ผมให้คุณค่าของคนแต่ละระดับเท่าเทียมกัน มองคนเป็นคน

การเกษียณ ไม่ใช่จุดสิ้นสุดแค่เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิต ….ผมใช้สิทธิ์ สว. 60 ปี ประเดิมด้วยบัตร Rabbit BTS เพราะนั่งรถไฟฟ้าบ่อย ได้ลดค่าโดยสาร 50% ชีวิตดีๆ หลังเกษียณจะพักผ่อน นอนเยอะๆ ออกกำลังกาย ท่องเที่ยว ได้ใช้ชีวิตส่วนตัวมากขึ้น ได้ดูแลลูกและภรรยาเต็มที่ ….เรื่องงานที่จะทำต่อ ยังมีเวลาคิด ถ้าอะไรที่เรายังมีประโยชน์ อยู่ในวิสัยที่เราทำได้ ก็คงทำ

วาระเกษียณขอให้ทุกท่านสุขสันต์ สุขภาพแข็งแรง ใช้ชีวิตด้วยความสุข ..Seize the day.

……………………………………..
นายสปีด

***ห้ามคัดลอกเนื้อหาและภาพในบทความนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

คลิกอ่านบทความทั้งหมดที่นี่…