@การเมืองไทย เป็นการเมืองที่”แปลกประหลาด” โดยเฉพาะกับ”รัฐบาล”ที่มี”พรรคเพื่อไทย” เป็น”แกนนำ” ที่มีแต่เรื่อง”ร้อนแรง” เกิดขึ้นให้เป็น”ข่าว” เป็นระยะๆ เช่นเรื่องการแก้ไขปัญหา”วิกฤต”ที่เกิดจาก”อุทกภัย” ยังไม่ทันจบ เรื่องการ”แจกเงิน” ให้”ประชาชน” คนละ 10,000 บาท ก็ยัง”ชุลมุนชุลเก” เรื่องของ”นักโทษเทวดา” ชั้น 14 ก็ยัง”ฝุ่นตลบ” ทุกเรื่องคือปัญหาที่”บั่นทอน” การ”ขับเคลื่อน” การบริหารประเทศชาติ และทำให้”รัฐบาล” ไม่มี”เสถียรภาพ” แต่”รัฐบาล” ของ”แพทองธาร ชินวัตร” กลัวว่าจะยัง”ยุ่งเหยิง” ไม่พอ หรือกลัวว่าจะไม่แสดง”ฝีมือ” ในการ”แก้ปัญหา”ของประเทศชาติ เป็นการโชว์”วิสัยทัศน์” จึงได้”หยิบยก” เอาเรื่องการ”แก้ปัญหารัฐธรรมนูญ” มา”เขย่า” เพื่อเป็นการ”เรียกแขก” ให้เดินหน้า”รุมถล่ม” รัฐบาล และ”พรรคการเมือง” ซึ่ง หลายพรรคทั้งที่เป็น”พรรคร่วมรัฐบาล” และ”ฝ่ายค้าน” ต่าง”เห็นพ้องต้องกัน” ที่จะแก้”รัฐบาลรายมาตรา” ซึ่งมีการ”วางน้ำหนัก” ในการแก้”รัฐธรรมนูญ” เพื่อ “ลดอำนาจ”ของ”ศาลรัฐธรรมนูญ” และ”องค์กรอิสระ” โดยมีการ”เน้น”ไปยังเรื่อง”จริยธรรม” และเรื่อง”ทุจริต” ที่”นักการเมือง” เห็นว่าเป็น”อุปสรรค” ของ”นักการเมือง” …… ซึ่งเรื่องของ”จริยธรรม” ที่สร้างความ”เจ็บปวด” ให้กับ”นักการเมือง” ส่วนใหญ่ คงมาจากประเด็นของ”เศรษฐา ทวีสิน” อดีต”นายกรัฐมนตรี” ที่”ตกเก้าอี้” จากตำแหน่ง”นายกรัฐมนตรี” เพราะถูก”ศาลรัฐธรรมนูญ” ทำการ”ชี้เปรี้ยง” ว่าทำผิด”จริธรรม” ที่ตั้งบุคคลที่ไม่มี”คุณสมบัติ” เป็น”รัฐมนตรี” รวมทั้งการตั้ง”รัฐบาล” ของ”แพทองธาร ชินวัตร” มี ปัญหา อุปสรรค เป็นอย่างมาก ในเรื่องของ”กฎหมายจริยธรรม” ดังนั้นการแก้”รัฐธรรมนูญ” ที่มีการเสนอแก้เป็น”รายมาตรา” จึง “เน้น” ไปที่ให้มีการ”วางกรอบ” คำว่า”จริยธรรม” ให้”ชัดเจน” ว่า”กว้างไกล” แค่ไหน รวมทั้งการ”ทุจริต”ของ” นักการเมือง” ที่ต้องการให้มีการ “กำหนดเวลา” การ”สืบสวน ส่งฟ้องภายในกำหนดกี่ปี จึงจะ”หมดอายุความ”…..
@นั่นเป็นความเห็น เป็นความต้องการของ”นักการเมือง” แต่ในความเห็นของ”ประชาชน” อาจจะไม่เห็นไปอย่าง”ความคิดเห็นของนักการเมือง” เพราะ”พฤติกรรม” ของ”นักการเมือง” และของ”พรรคการเมือง” ที่ผ่านมามีแต่”ข่าวคาว” ที่”เสื่อมเสีย” และผิด”จริยธรรม” นำความ”เสื่อมเสีย” ให้กับ”การเมือง” ถ้า”กฎหมายจริยธรรม” จะเป็น”เครื่องมือ” ของการทำ”ความสะอาด” ประเทศได้ จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดี สำหรับประชาชน ดังนั้นการที่”พรรคการเมือง” และ”นักการเมือง” จะ”รวมหัว”กันเพื่อแก้”รัฐธรรมนูญ” เพื่อ”ประโยชน์ส่วนตน” จึงอาจจะ”ไม่ง่าย” และ อาจจะเป็น”หนทาง” ที่นำประเทษชาติไปสู่ความ”ขัดแย้ง” ครั้งใหม่ “เพื่อไทย” ต้องไม่ลืมเรื่อง”นิรโทษกรรมสุดซอย” ที่เกิดขึ้นในสมัยที่”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็น”นายกรัฐมนตรี” และไม่ควรให้”ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย”” ในห้วงเวลาที่ “หลานอา” อย่าง”แพทองธาร ชินวัตร” เป็น”นายกรัฐมนตรี หรือ พรรคเพื่อไทย จะเอาแบบนั้น ก็ไม่ว่ากัน…..
@เรื่องความ”ระหองระแหง” ระหว่าง”นัการเมือง”ใน”พรรคเพื่อไทย” กับ” ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย” หรือ” แบ็งก์ชาติ” จาก”รัฐบาล” ชุด” เศรษฐา 1 “ จนมาถึง “อิ๋งค์ 1 “ ในเรื่องของ”ดอกเบี้ย” ก็ยังไม่จบ เพราะล่าสุด “พิชัย นริพทะพันธ์” เสนาบดี กระทรวงพาณิชย์ ก็ ออกมา”วิพากษ์วิจารณ์” ถึง นโยบายของ” แบ็งก์ชาติ” ชนิดที่ถามถึง”การศึกษา”ของ”ผู้ว่าแบ็งก์ชาติ” ว่า จบมาจากไหน สงสัยว่า”เสนาบดีกระทรวงค้าขาย” จะเล่นผิด”บทบาท” หรือไม่ เพราะ วันนี้เรื่องของ”กระทรวงค้าขาย” ต้อง”คิดอ่าน” ว่าจะทำอย่างไรที่จะไม่ให้”นายทุน” ขึ้นราคาสินค้า ที่เป็นการสร้างความ”เดือดร้อน” ให้กับ”ประชาชน” “เสนาบดีกระทรวงค้าขาย” รู้หรือไม่ว่า ขณะนี้”พ่อค้า” มีการ”แอบขึ้นราคาสินค้า”โดยไม่มีการขอ”อนุญาต” จาก” กระทรวงพาณิชย์” ไปแล้ว จำนวนเท่าไหร่ วันนี้แม้แต่”ชาเย็น” และ”เครื่องดื่ม” ต่าง ก็ขึ้นราคาไปแล้ว แก้วละ ถุง ละ 5 บาท ชาวบ้านถามถึง”บทบาท” ของ”พาณิชย์จังหวัด” ว่ามี”หน้าที่” อะไร เพราะไม่เห็นการออกมา”ปฏิบัติหน้าที่” ตรวจสอบ หรือ”เอาผิด” กับ กลุ่ม”พ่อค้า แม่ค้า” ที่ ฉวยโอกาส” ในการ”ขูดรีด” ประชาชนชนแต่อย่างใด…..ส่วนเรื่องของ”แบ็งก์ชาติ” เป็นเรื่องที่ต้องมีการ” พูดคุย”กัน ด้วย”หลักการ” รัฐบาลอาจจะ”เห็นต่าง” จาก”นโยบายด้าน”การเงิน”ของ”แบ็งก์ชาติ” ก็เป็นเรื่องที่”ไม่ผิด” และ”แบ็งก์ชาติ” มีความ”เห็นต่าง” จาก”รัฐบาล” ก็ไม่ผิด แต่ทั้งสองฝ่ายต้องหาจุด”ลงตัว” ในการแก้ปัญหาด้าน”เศรษฐกิจ” ที่ต้องตั้งอยู่บน”หลักการ” และ”ข้อเท็จจริง” การ”วิวาทะ” ระหว่าง” ผู้ว่าการแบ็งก์ชาติ” กับ”นักการเมือง” ใน”ฟากรัฐบาล” ไม่ควรจะเกิดขึ้นแบบ”ฉาวโฉ่” ที่มีการส่งผลกระทบต่อความ”เชื่อมั่น” ของประเทศจาก”นักลงทุน” ทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ อายเขา นะไม่น่าเป็นห่วง แต่การพาประเทศ”ล่มจม” นี่ซิที่น่าเป็นห่วง…..
@เห็น” แพทองธาร ชินวัตร” เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการ”ปราบปรามยาเสพติด” และยกให้การ”ปราบปรามยาเสพติด” เป็น”วาระแห่งชาติ” ก็ “ดีใจนะ” ที่”นายกรัฐมนตรี” รู้ว่าปัญหาของ”ประเทศชาติ” อยู่ที่ไหน ก็ต้องติดตามว่า หลังจากมีการประชุมมอบ”นโยบาย” แล้วการ”ขับเคลื่อน” จะได้ผลมากน้อยมากแค่ไหน “เกาถูกที่คัน” หรือไม่ เพราะเรื่อง”ยาเสพติด” ไม่ใช่เรื่องใหม่ของ”ประเทศไทย” และของ”สังคมไทย” แต่เป็นเรื่อง”เรื้อรัง” และสร้างความ”เสื่อมทรุด” ให้กับ”สังคมไทย” ไม่มียุคสมัยไหนที่”สังคมไทย” ซึ่งเป็น”เมืองพุทธ”จะมีข่าว”ปิตุฆาต-มาตุฆาต” ให้เห็นกันทุกวัน…..เรื่องของการ”ต่อสู้”เพื่อการ”เอาชนะยาเสพติด” ลำพังใช้” ปปช., ตำรวจ,กอ.รมน.” ยังไม่ใช่”เส้นทาง” สู่ความ”สำเร็จ”การเอาชนะ”ยาเสพติด” ต้องใช้”กระทรวงมหาดไทย” โดยเฉพาะ”กรมการปกครอง”ซึ่งมี”นักปกครอง” อย่าง”ผู้ว่าราชการจังหวัด ,นายอำเภอ” เป็นผู้มี”บทบาท” มี”หน้าที่” มี”อำนาจ” มี”กองกำลังอาสารักษาดินแดน”มี”กำนัน,ผู้ใหญ่บ้าน”เป็น”มือ เป็น ไม้” รับผิดชอบ “หมู่บ้าน,ตำบล” เรื่องการ”เอาชนะยาเสพติด” ต้องเริ่มที่”หมู่บ้าน”,ตำบล” ผกก.กับ นายอำเภอ คือ”คีย์แมน” ในการสร้างความ”สำเร็จ” ในการ”จัดการ”กับ”ผู้ค้า” และ”ผู้เสพ” การ”เอาชนะยาเสพติด” สุดท้ายคือ”ชัยชนะต้องมาจากหมู่บ้าน”…..
@สำหรับประเทศไทย ทุกอย่างต่างกลายเป็น”ปัญหา” แม้แต่การ”ขึ้นค่าแรง” ให้กับ”ผู้ใช้แรงงาน” วันละ 400 บาท ที่เป็น “นโยบาย” ของ” กระทรวงแรงงาน” ซึ่งเป็นเรื่องที่”น่ายินดี” กับ”ผู้ที่ใช้”แรงงาน” ของประเทศไทย แต่สุดท้าย การประชุม”ไตรภาคี” ก็มีปัญหา เพราะมีการ”เบี้ยว”การประชุม ทำให้ประชุมไม่ได้ต้องมีการ “เลื่อน” ออกไปเป็นคุณภาพชีวิต” ของ”ผู้ใช้แรงงาน” จะ อยู่กันอย่างไร อย่าลืมว่า วันนี้มี”แรงงาน” และ”พนักงาน” ที่อยู่ใน “บริษัท ห้างร้าน” ที่ยังได้”ค่าแรง”ไม่ถึง 400 บาท ที่ยังรอความ”ช่วยเหลือ” จาก”รัฐบาล” ….. ส่วนแรงงาน”ฝีมือ” และ”แรงงาน”ที่มีการ”เหมาจ่าย” ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะแรงงานเหล่านี้”ค่าแรง” ไม่ใช่”ขั้นต่ำ” แต่”ถัวเฉลี่ย” ค่าแรงของงานเหล่านี้อยู่ 500-700 บาท ส่วนแรงงาน”เหมาจ่าย” ก็ไม่ต้อง”กังวล” เพราะคนกลุ่มนี้ ไม่ใช่”แรงงาน” รายวัน ปัญหาของ”แรงงาน” วันละ 400 บาท ถ้ามีการ”ห่วงหน้าพะวงหลัง” เช่น ห่วง”เอสเอ็มอี”ว่าจะได้รับ”ผลกระทบ” จนต้องมีการ”ปิดกิจการ” ห่วงว่าการขึ้น”ค่าแรง” ผู้ที่ได้ประโยชน์ไม่ใช่”แรงงานไทย” แต่เป็น”แรงงาน”จากประเทศต่างๆ เช่น”เมียนมาร์,กัมพูชา,สปป.ลาว การ”ขึ้นค่าแรง” ก็ไม่ต้องทำ แต่ถ้าคิดอีกมุมหนึ่ง “แรงงานต่างด้าว” ทั้งหมดเขาทำงานให้กับ”นายจ้างไทย” และเขาก็ต้องมี”คุณภาพชีวิต” ที่ดี รวมทั้งเงินที่ได้จาก”ค่าแรง” ก็นำมา กิน มาใช้ ในประเทศเหมือนกัน เรื่อง”ค่าแรง” จึงต้องดูในทุก”มิติ” จะดูเพียง ด้านหนึ่งด้านใด ไม่ได้…..
@เรื่องที่”ควรกังวล” สำหรับ”แรงงานต่างชาติ” ไม่ใช่เรื่อง”ค่าแรง” แต่เป็นเรื่องการ”แย่งอาชีพ” ของ”คนไทย” เพราะ วันนี้”คนต่างชาติ” อย่าง”เมียนมาร์” ส่วนหนึ่งเป็น”นายทุน” ที่เข้ามาทำ”ธุรกิจ” เพื่อ”แข่งขัน”กับ”คนไทย” ยกตัวอย่างที่ จ.สงขลา อำเภอหาดใหญ่ ซึ่งเป็นเมือง”ธุรกิจท่องเที่ยว” วันนี้มี”กลุ่มทุน” จาก” เมียนมาร์” เปิด”บริษัททัวร์” เป็นเจ้าของ”ร้านนวดแผนโบราณ” ร้าน”นวดแผนโบราณ” จำนวน 150 แห่ง ใน อ.หาดใหญ่ เป็นของ “เมียนมาร์” กับ”มาเลเซีย” หมอนวด ก็เป็น”เมียนมาร์” ที่”ค่าแรงถูก”กว่า”หมอนวดไทย” มีการ”ลดราคา” ให้กับ”ลูกค้า” จน จนธุรกิจของ”คนไทย” ต้องเลิกกิจการ” หมอนวดตกงาน” ต้องเดินทางไปทำมาหากินที่”ประเทศมาเลเซีย” และถูก” โกงค่าแรง” และถูก”จับกุม” เพราะไม่มี”อนุญาต”การไป”ทำงาน” แม้แต่งาน”รับเหมาก่อสร้าง” ก็ถูก”กลุ่มทุน”ที่มาจาก” เมียนมาร์” ทำหน้าที่”ซับงาน” จาก” ผู้”รับเหมาชาวไทย” ไป ดำเนินการกลายเป็น”ผู้รับเหมา” รายย่อย ที่”ผู้รับเหมาคนไทยชอบ” เพราะ”ราคาถูก” ไม่ทิ้งงาน สรุปสั้นๆ วันนี้ ชาวเมียนมาร์ เข้ามา”ยึดครอง” ในส่วนของ”ตลาดแรงงาน” แล้วกว่า”ครึ่งประเทศ” เรื่องนี้ต่างหากที่เป็นเรื่อง”สำคัญ” ที่”รัฐบาล” ต้องมองว่าเป็น”เรื่องใหญ่” และต้องเร่งแก้ปัญหา เพราะเป็นเรื่อง”ความมั่นคง” ของ”ประชาชน” และ”ประเทศชาติ”……
@พูดถึง” หาดใหญ่” ที่เป็น”หัวเมือง”ของภาคใต้ หลังจากพ้น”วิกฤตโควิด 19” มาได้ แม้ว่าจะมองว่า”การท่องเที่ยว” ของ”หาดใหญ่” ฟื้นแล้ว แต่ก็ยังไม่”สมบูรณ์” เต็มร้อย เพราะยังมีปัญหาที่”รอให้แก้” เช่น”เที่ยวบินไม่พอ” กับจำนวน”ผู้โดยสาร” และ”ตั๋วแพง” แบบ”ขูดเลือดเชือดเนื้อ” ของ”ผู้โดยสาร” มีคำถามจากคน”สงขลา” และ”ใกล้เคียง”ว่า เมื่อไหร่ “สนามบินนานาชาติหาดใหญ่” จะมีการเพิ่ม”เที่ยวบิน” ให้”เพียงพอ”กับ”ผู้โดยสาร” และเมื่อไหร่จึงจะมีความ”เป็นธรรม” ในเรื่องของ”ตั๋วโดยสาร” เรื่องนี้เป็นเรื่องที่”รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา” ต้องดำเนินการแก้ไข…..อีกเรื่อง ที่”หาดใหญ่” เมื่อ”นักท่องเที่ยว” เริ่มเดินทางมา”เที่ยวหาดใหญ่” มากขึ้น แต่”ห้องพัก” ไม่พอ เพราะ โรงแรมที่ “ปิดตัว” ในห้วงที่ได้รับ”ผลกระทบ” จาก”โควิด 19” ยังไม่มีการ” เปิดให้บริการ” เพราะยังไม่ได้”ปรับปรุงซ่อมแซม” ถึง 23 โรงแรม “หาดใหญ่” วันนี้จึงเป็น”เมืองใหญ่” ที่มี”โรงแรมร้าง” กลางใจเมือง เป็น”จำนวนมาก”……แต่ อย่างไรก็ตาม ก็”ดีใจ” แทน” พ่อค้า แม่ค้า “ ใน อำเภอหาดใหญ่ ที่ได้รับ”อานิสงค์” จากการที่” นักท่องเที่ยว”ชาว”มาเลเซีย” เดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก สัปดาห์ที่ผ่านมา เพียง 3 วัน ที่เป็น”วันหยุด” มีนักท่องเที่ยวจาก” มาเลเซีย” เดินทางผ่าน”ด่านศุลกากรสะเดา ,ดานศุลกากรปาดังเบซาร์ , ด่านศุลกากรประกอบ “จำนวน “110,000 “ กว่าคน และ แม้ว่า ณ วันนี้ “ชาวมาเลเซีย” ที่เข้ามา”ท่องเที่ยว” ส่วนใหญ่จะไม่มีเงิน”จับจ่ายใช้สอย” เหมือนในอดีต เพราะ”มาเลเซีย” ก็ประสบปัญหา”เศรษฐกิจ” ไม่แตกต่างจากประเทศไทย แต่การที่”เงินในกระเป๋า”น้อยลงของ”นักท่องเที่ยวมาเลเซีย” กลับส่งผลดีกับ” พ่อค้า แม่ค้า ร้านขายอาหาร ที่ไม่ใช่”ภัตตาคาร” และ ร้านค้า ต่างๆ ที่”ขายของไม่แพง” รวมทั้ง”แผงลอย,รถเข็น” เพราะ ร้านค้าเหล่านี้ เหมาะสมกับ”เงินในกระเป๋า” ที่น้อยลงของ”นักท่องเที่ยว”……
@แต่ สิ่งที่ยัง”แก้ไม่ได้” หรือ”ไม่ต้องการ” ที่จะแก้ไข ก็ไม่รู้ นั่นคือเรื่องความ”ล่าช้า” ในการ เดินทาง”เข้าประเทศ” ของ”นักท่องเที่ยว” ที่ผ่านด่าน”ศุลกากรสะเดา” ที่ยังมีการ”เข้าแถวยาวเหยียด” เพื่อการ”ตรวจลงตราหนังสือเดินทาง”ของ”เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง” และ”เจ้าหน้าที่ศุลกากร” ที่ยังมี”เจ้าหน้าที่” น้อยกว่าจำนวนนักท่องเที่ยว และยังไม่มี”ระบบวันสต็อปเซอร์วิส”ที่จะ อำนวยความสะดวกให้กับ นักท่องเที่ยว และ นักเดินทาง ที่สำคัญ “ด่านศุลกากรใหม่” ที่ใช้”งบประมาณ”ในการ”ก่อสร้างหลายพันล้าน” และ”ทิ้งร้าง” มาแล้วหลายปี ยัง”เปิดใช้ไม่ได้” เพราะไม่มี”ถนนเชื่อมต่อ” กับ” ด่านตรวจคนเข้าเมือง” ของ”ประเทศมาเลเซีย” เรื่องนี้” เศรษฐา ทวีสิน” อดีต”นายกรัฐมนตรี” เคย”หารือ” กับ”นายกรัฐมนตรี” ประเทศมาเลเซีย มาแล้วตั้งแต่เดือนแรกที่รับตำแหน่ง”นายกรัฐมนตรี” แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า ก็ต้องรอดู”ความสามารถ”ของ” แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีว่าจะ”จัดการ”กับปัญหาที่” คาราคาซัง” นี้อย่างไร หรือจะให้เป็น”อนุสรณ์สถาน” ให้กลายเป็น”ด่านตาบอด” เพื่อ”ประจาน” ความ”มักง่าย” ของ”กรมศุลกากร” ที่คิดแต่จะสร้าง แต่ไม่ได้คิดถึงการ”ใช้งาน” ซึ่งก็ไม่ต่างจาก” อความเรี่ยมหอยสังข์สงขลา” ที่ถูกปล่อย”ทิ้งร้าง” เป็นเวลา 15 ปี โดย”เปิดใช้งานไม่ได้” และ”ยืนโด่เด่” ประจานการ”ทุจริตตอร์รัปชั่น” ให้ผู้คนที่ สัญจร ผ่าน “สะพานติณสูลานนท์” ได้เห็นอยู่ ทุกเมื่อเชื่อวัน และ นี่คือประเทศไทยที่การ”บริหารประเทศ” และการ”ควบคุมกระทรวง ทบวงกรม ต่างๆ เป็นไปอย่าง”สุกเอาเผากิน” โดยคิดแต่เรื่องของ”เงินทอน” เป็น สำคัญ…..
@เป็น”ข่าวดี” หรือเป็น”ข่าวเท็จ” ก็ไม่รู้ได้ แต่”ข่าวว่า” จังหวัดสงขลา ร่วมกับ”สำนักงานงาน ปปช.สงขลา และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการ”ประชุม” วางแผนในการแก้ปัญหา”โพงพาง” ที่“รุกร่องน้ำ” ใน”ทะเลสาบสงขลา” ใน”ร่องการเดินเรือ” ความยาว 5 กิโลเมตร ซึ่งมี”โพงพาง” ที่”รุกล้ำร่องน้ำ” 150 กว่าปาก โดยจะ ดำเนินการ”รื้อถอน” ภายใน 6 เดือน แต่ ก็ไม่มั่นใจว่าจะ”จัดการ “ ตามแผนที่มีการประชุมกัน เพราะ สุดท้าย เมื่อ”สมนึก พรหมเขียว” ผู้ว่าราชการจังหวัด เกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 กันยายน นี้ ต้องดูว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา”คนใหม่” คือใคร และมี”นโยบาย” อย่างไรกับเรื่องของ”โพงพาง” ที่เป็นปัญหา”เผือกร้อน” จนทำให้”โพงพาง” ที่ทำผิด”กฎหมาย”ข้อ ข้อแรก “โพงพาง” เป็นเครื่องทำการประมงที่”ผิดกฎหมาย” และข้อ 2 “โพงพาง” ทั้งหมด ในระยะทาง 5 กิโลเมตร “รุกล้ำร่องน้ำการเดินเรือ” ที่ผิด”กฎหมาย” ของ”กรมเจ้าท่า” แต่เพราะความ”หน่อมแน้ม”ของ”ผู้รักษากฎหมาย” จึงทำให้”โพงพาง” ใน”ทะเลสาบสงขลา” ยืน”เย้ยฟ้าท้ากฎหมาย” ประจาน ผู้ถือ”กฎหมาย” อย่างที่เห็น….
@เรื่องของ”ไฟใต้” ที่ยังคง”โชนแสง” ล่าสุด”กองกำลังติดอาวุธ”ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น ยกขบวน”วางเพลิง วางระเบิด” ที่ทำการ”เขตรักษาพันธุสัตว์ป่าฮาลาบาลา” ต.โล๊ะจูด อ.แว้ง จ.นราธิวาส จับ 4 คนงาน บังคับให้บอกที่เก็บอาวุธ ก่อนที่จะยึด “ปืนผาหน้าไม้” ที่เป็น”ของหลวง” ไปกว่า 10 กระบอก เป็นการ”ปฏิบัติการ” ต้อนรับ” ตำแหน่ง”แม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ “ พล.ต.ไพศาล หนูสังข์” ซึ่งเรื่องการ”วางเพลิง วางระเบิด” และ” ปล้นปืน” ในครั้งนี้ ต้องมี”เบื้องหน้าเบื้องหลัง” ซึ่ง”ข่าววงใน” แจ้งว่า ก่อนหน้านี้มีการ”ย้าย” เจ้าหน้าที่มาจาก”ต่างถิ่นต่างภาค”มาทำหน้าที่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งนี้ และมีการ”จับกุม” ชาวบ้านในพื้นที่ เกี่ยวกับ” พรบ.สัตว์ป่า,ป่าไม้” ดำเนินคดี และมีการ”เรียกเงิน” จากผู้ทำความผิด ล่าสุดมีการ”จับ” คนของ”ผู้นำท้องที่” และ”ขอแล้วไม่ให้” นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งของการ”ก่อการร้าย” ต่อ” ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลาบาลา” แห่งนี้ เท็จจริง อย่างไร ต้องมีการ”สืบสวนสอบสวน” เพื่อหาความจริง เพื่อที่จะได้รู้”ต้นสายปลายเหตุ” ของปัญหา….เพื่อที่จะแก้ปัญหาได้ตรงจุด เพราะยังมี”หน่วยงาน” ที่”อ่อนแอ” ซึ่งไม่ใช่กำลังของ”ตำรวจ” และ”ทหาร” ซึ่งหากตกเป็น”เป้าหมาย” ของ” กองกำลังติดอาวุธ” ก็จะเกิดความ”สูญเสีย” ที่ไม่ใช่เฉพาะ”ที่ทำการ” และ”อาวุธปืน” แต่อาจจะเป็น”ชีวิต” ของ” เจ้าหน้าที่” ครั้งนี้”โชคดี” ที่”กองกำลังติดอาวุธ” ของ”ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น” ไม่ประสงค์ในการ”เอาชีวิต” ของ”เจ้าหน้าที่” จึงไม่มีผู้ใดต้อง”สังเวย” ให้กับ”ปฏิบัติการ” ที่เกิดขึ้น แต่ ครั้งต่อๆไปใครจะกล้า”รับประกัน” ว่าจะไม่มีความ”สูญเสีย” และการที่” ผู้หลักผู้ใหญ่” ของ”เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ” ให้”สัมภาษณ์สื่อ” ว่าให้มีการ”เก็บรักษาอาวุธ” ให้อยู่ในที่”ปลอดภัย” นั้นหมายถึงการ”ปลดอาวุธ” ของ” เจ้าหน้าที่” ซึ่งยิ่งจะเป็น”อันตราย” ต่อ”เจ้าหน้าที่” ทางที่ดี และ”ถูกต้อง” จะต้องมี”ทหาร” หรือ”ตชด.” ที่ต้องเป็น”กำลังเสริม” เพื่อเพิ่มความ”เข้มแข็ง” เป็นการ”ลดความ”เสี่ยง” ให้กับ” หน่วยงาน” ในพื้นที่……
@ส่วนผู้นำ”กองกำลังติดอาวุธ” ลงจาก”ป่าฮาลาบาลา” มา”ปฏิบัติการต่อ”สำนักงานเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าลาบาลา” ในครั้งนี้”การข่าว” ระบุว่าเป็นฝีมือของ”มันโซ ปูเต๊ะ” หนึ่งในมือ”หัวหน้าอาร์เคเค” ระดับ”ปฏิบัติการ” ในพื้นที่ของ จ.นราธิวาส ซึ่งมี”หมายจับ” ในคดีความมั่นคง จำนวนหลายหมายและหลัง”ปฏิบัติการ” ก็ได้”หลบหนี” ข้ามกลับไป”กลบดาน” ในประเทศมาเลเซีย เป็นที่”เรียบร้อย”โรงเรียนบีอาร์เอ็น” เจ้าหน้าที่คงได้แต่”ชะเง้อ” ผ่าน”แม่น้ำสุไหงโก-ลก” เพื่อรอให้”มันโซ ปูเต๊ะ” ข้าม”แม่น้ำสุไหงโก-ลก” มาหา”ภรรยา” ที่ฝั่งไทย แล้วค่อยทำการ”จับมา” หรือ”ปิดล้อมตรวจค้น” เพื่อ”วิสามัญฆาตกรรม”…..
@ฤดูการ”โยกย้ายใหญ่” ในหน่วยงาน”ความมั่นคง” พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์” ได้รับการ”แต่งตั้ง” ให้เป็น ผบ.ทบ. ตามความคาดหมาย เช่นเดียวกับการ”ปรับเปลี่ยน” ใน”กองทัพภาคที่ 4 “ เมื่อ”บิ๊กต้น” พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค” ซึ่งนั่งใน”ตำแหน่งแม่ทัพ” มาแล้ว 2 ปี ต้องลุกขึ้นจาก”เก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 4 “ ไปเป็น” หัวหน้าคณะนายทหารฝ่าย เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา ผู้ที่”รับไม้ต่อ” ในตำแหน่ง”แม่ทัพภาคที่ 4 “ คือ” พล.ต.ไพศาล หนูสังข์” รองแม่ทัพภาคที่ 4 ที่ ได้”ขยับ” ขึ้นเป็น” แม่ทัพภาคที่ 4 “ ซึ่งมีเสียง”ตอบรับ” จาก” ประชาชนในพื้นที่” และจาก”ผู้ใต้บังคับบัญชา” และ”องค์กรภาครัฐ” และ “เอกชน” เป็นอย่างดี และ”คาดหวัง” ว่าการแก้ปัญหาของ”ไฟใต้” ใน 2 ปี ที่” พล.ต. ไพศาล” หนูสังข์” นั่งใน”ตำแหน่งแม่ทัพ” คงจะมีความ”สำเร็จ” ตามความ”คาดหวัง”…..ส่วน”พล.ท.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ แม่ทัพน้อยที่ 4 ซึ่งเป็น”นายทหาร”ที่”เติบโต” อยู่ในพื้นที่ของ”ภาคใต้” และเป็น”แคนดิเดด”” ในตำแหน่ง”แม่ทัพภาคที่ 4” ด้วย แต่อาจจะเป็นเพราะเหลือ”อายุราชการ” เพียง 1 ปี จึงมีการ”สับเปลี่ยนตำแหน่ง” ให้ไปทำหน้าที่”รองผู้อำนวยการ สำนักงานปฏิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงภายในกองทัพบก” และผู้ที่ถูก “โยกย้าย” มาทำหน้าที่”แม่ทัพน้อยที่ 4 “ ได้แก่ “พล.ต.คมกฤช รัตนฉายา” ซึ่งเป็น”ทายาท”ของ”อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 “ พล.อ. กิตติ รัตนฉายา” ที่เป็นผู้”สลายกองกำลังของโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา” ในอดีต นั่นเอง …..
@ส่วน”บิ๊กจ้อย” พล.ต.สุรเทพหนูแก้ว ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 44 ถูก”สับเปลี่ยน” ให้ไปทำหน้าที่” ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการที่ 5 สำนักงานปฏิบัติภารกิจ รักษาความมั่นคงภายในกองทัพบก ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเป็นกอง ที่มีการ”จับตามองเป็นพิเศษ” คือตำแหน่ง”รองแม่ทัพภาคที่ 4 “ ที่มีการ”ส่ง” พล.ต.ชาคริต อุจะรัตน์” จาก” หน่วยรบศูนย์สงครามพิเศษ” หรือ”หมวกแดง” จาก” ลพบุรี” มาทำหน้าที่”รองแม่ทัพภาคที่ 4 และ “รอง ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ซึ่ง ต้องติดตามดูว่า ปฏิบัติการ”ทางทหาร”ของ” กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้าจะเพิ่มความ”เข้มข้น” ขึ้นหรือไม่ …… ซึ่งอาจจะ”สอดคล้องกับ” สถานการณ์ของ”ไฟใต้” ที่ต้องมีการปรับเปลี่ยน”ยุทธศาสตร์” ในการ”ดับไฟใต้” ด้วยการประกาศว่า”บีอาร์เอ็น” เป็นองค์กรก่อการร้าย” ซึ่งหากมีการ”ยกสถานะ” ให้”บีอาร์เอ็น” เป็น”องค์กรก่อการร้าย” การ”รับมือ” กับ” บีอาร์เอ็น” ก็จะ”เปลี่ยนบนโฉมหน้า” ไม่ใช่การ”ตั้งรับ” ที่”หน่อมแหน้ม” อย่างที่เป็นอยู่ใน “ปัจจุบัน” ซึ่งเรียกว่าเป็นสถานการณ์ของการ” ก่อความไม่สงบ” แต่โดยข้อเท็จจริงเป็นการ”ก่อการร้าย” นั่นเอง และอีก”ประเด็น” ที่ต้อง”จับตามอง” คือเรื่องการเตรียมออก”กฎหมายใหม่”เพื่อบังคับใช้แทน” พรก.ฉุกเฉิน” ที่ต้องมีการประกาศ”ต่ออายุ” ทุกๆ 3 เดือน จนกลายเป็น”เงื่อนไข” ให้”ภาคประชาสังคม,เอ็นจีโอ,กลุ่มสิทธิมนุษย์ชน” และ”ปีกทางการเมือง”ของ”บีอาร์เอ็น” หยิบยก ขึ้นมาใช้”โจมตี” หน่วยงานความมั่นคง มาโดยตลอด ดังนั้นจะเห็นถึง”บริบท”ของ”ความมั่นคง”ใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็จะเห็นถึง”พัฒนาการ” ที่ไม่”หยุดนิ่ง” และมี”พัฒนาการ” ที่”รุนแรง”มากขึ้น…..
@เรื่อง”การพูดคุยสันติสุข” ที่อาจจะต้องเปลี่ยนจาก”เรียกขาน” เป็นการ”พูดคุยสันติภาพ” เพื่อ”สันติสุข” ของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้ และจะมีการ”เปลี่ยนตัว”ของ”หัวหน้าคณะพูดคุย” จาก” ฉัตรชัย บางชวด” รองเลขาธิการสภาความมั่นคง” ( สมช. )ที่เป็น” พลเรือน” มาเป็นอดีต”นายทหาร”อีกครั้ง ละที่ได้”สดับรับฟังมา” มีข่าว”เล็ดลอด” มาว่า อาจะมีการ”ย้าย” นันทพงศ์ สุวรรณรัฐ” รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้” ( ศอ.บต. ) ไปทำหน้าที่”เลขาธิการ สมช.” ปูน”บำเหน็จ” ให้เป็น “ซี 11 “ ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการในปี 2568 “เท็จจริง “ อย่างไร ก็”หาข่าว” เอาเองละกัน แต่ที่”เป็นจริง” สถานะของ”สมช. “ ใน วันนี้คือ”สถานที่พำนัก” ของคน”อกหัก” จาก”ตำแหน่งหลัก” โดยมีตำแหน่ง” เลขาธิการ สมช.” เป็นรางวัล”ปลอบใจ” และที่สำคัญ”ลูกหม้อ” ของ”สมช.”ไม่มีทางที่จะ”เติบโต” เพื่อทำหน้าที่”เลขาธิการ” อีกแล้ว และนี่อาจจะเป็น”สาเหตุหนึ่ง” ที่”ยุทธศาสตร์”ด้านความมั่นคงของประเทศมี”ปัญหา” และการแก้ปัญหาด้าน”ความมั่นคง” ของ”ประเทศ” มีความ”ล้มเหลว” มาโดยตลอดในระยะเวลา 10 ปี ที่ผ่านมา…..
@เรื่องของ”ยางพารา” ซึ่งเป็น”อาชีพ”ของ”เกษตรกร” ทั้งในภาคใต้ และ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ อื่นๆ ที่วันนี้มีการ”ปลูกยางพารา” ในหลายพื้นที่ ซึ่ง”เพิก เลิศวังพงศ์” ที่เป็น”บอร์ดการยางแห่งประเทศไทย” ที่ต้องการให้”ชาวสวนยาง” หันมาทำ”ยางแผ่นดิบ” อีกครั้ง เพราะ”ตลาด” ต้องการ”ยางแผ่นดิน” มากขึ้น และ”ราคาดี” แต่ “ชาวสวนยาง” ไม่”นิยมทำยางแผ่นดิบ” ดังนั้น”ยางแผ่นดิบ” วันนี้ที่”ซื้อ-ขาย” ใน”ตลาดยางพารา” จึงเป็น”ยางแผ่นดิบ” ที่”ลักลอบ”นำเข้ามาจาก” ประเทศเมียนมาร์ ผ่านทางชายแดน จ.ระนอง และ กาญจนบุรี ซึ่งเป็นที่”รู้กัน” ในหมู่ของ” เจ้าหน้าที่” แต่มีการ”จับกุม” ที่น้อยมาก….การออกมาขอให้”ชาวสวนยาง” หันมา”ผลิตยางแผ่นดิบ” ของ”บอร์ดการยางแห่งประเทศไทย” คง”เสียเวลา” โดยเปล่าประโยชน์ เพราะ ชาวสวนยาง ได้”ขายเครื่องจักรเครื่องมือ” ในการทำ”ยางแผ่นดิบ” ให้กับ”คนค้าของเก่า” ไปตั้งแต่”ปีมะโว้” แล้ว นั้นเอง และในยามที่”เศรษฐกิจตกต่ำ” อย่างใน”ปัจจุบัน” คงจะไม่มี”ชาวสวนยาง” ที่ไหนจะ”ลงทุน” ซื้อ”เครื่องมือเครื่องใช้” ในการทำ”ยางแผ่นดิบ” รวมทั้ง”ชาวสวนยาง” ไม่มั่นใจว่า”ราคายาง” จะ”ทรงตัว” ในราคา”กิโลกรัมละ 80 บาท” จะไปได้”ตลอดรอดฝั่ง” หรือจะไปได้”กี่น้ำ” วันนี้เรื่องของ”บอร์ดการยาง” ที่สำคัญที่ควรทำคือเรื่อง” จับกุม” ผู้”ลักลอบ” นำเข้า”ยางแผ่นดิบ” จากประเทศเมียนมาร์ จึงจะเป็นการแก้ปัญหาที่”ถูกที่ถูกเวลา”และเป็นการ”เกาถูกที่คัน”.…..
@เห็นสภาพของ”ผู้เฒ่าผู้แก่” และ”คนตกงาน” ที่ไป”เข้าแถว” หน้าที่”ธนาคารกรุงไทย” และ”ธนาคารออมสิน” เพื่อการ”ผูกบัญชีพร้อมเพย์” แล้วก็ให้”เห็นภาพ” ของความ”ยากจน” และความต้องการ”เงินแจก” จำนวน 10,000 บาท จาก”รัฐบาล” เรื่องนี้” แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี และ”แกนนำ”ของ”เพื่อไทย” ต้องคิดให้หนัก ว่าจะดำเนินการอย่างไร ในการ”แจกเงิน” ให้ประชาชน”เฟสสอง” เพราะมีการแจก”เฟสแรก”ไปแล้ว สำหรับผู้ถือ”บัตรคนจน-คนพิการ” ถ้าไม่มีการดำเนินการต่อ นั่นหมายถึงการเป็น”รัฐบาลสองมาตรฐาน” และที่สำคัญต้อง”กระทบ” กับ”ฐานเสียง” ของ”เพื่อไทย” และหาก”เพื่อไทย” หรือ”รัฐบาล”ชุดนี้ต้อง”สะดุดขาตนเอง” จาก”ข้อหา” ที่บรรดา”นักร้อง”ที่”เข้าคิว” ร้องจน”แน่นเอี๊ยด” และต้อง”ยุบสภา” ใน 6 เดือน หรือ 1 ปี รับรองว่า ที่คิดว่าจะกลับมาเป็น”เบอร์หนึ่ง” ในการเลือกตั้งสมัยหน้าล้วนเป็นเรื่อง”เพ้อเจ้อ” และ”เพ้อฝัน” เพราะจะถูก”ฐานเสียง”ลงโทษในฐานะที่เป็นพรรคการเมือง”สองมาตรฐาน” พูดแล้ว”ทำไม่ได้ “ นั้นเอง….น่าสงสาร สำหรับประเทศไทย แค่เรื่องที่ต้องการ”ขึ้นค่าแรง” ให้กับ”คนขายแรงงาน” เป็นวันละ 400 บาท ก็ยังทำไม่ได้ เพราะ”กลุ่มทุน” ทั้งประเทศไม่ยอมรับ โดยออกมาแสดงความ”ไม่เห็นด้วย” กับการ”ขึ้นค่าแรง” และ”ตัวแทน” ของ”นายจ้าง” ยังทำการ”บอยคอต” ไม่เข้าร่วมประชุม”ไตรภาคี” สุดท้ายการ”ขึ้นค่าแรง” ก็”ขับเคลื่อน”ไปไม่ได้ ก็ได้แต่เห็นใจในความ”ปรารถนาดี” ของ” พิพัฒน์ รัชกิจประการณ์” รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน พรรคภูมิใจไทย ที่พยายาม”ผลักดัน” การ”ขึ้นค่าแรง” เพื่อช่วยเหลือ”แรงงาน” ที่ต้องการให้”ขึ้นค่าแรง” อย่างเต็มที่ แต่ทำไม่ได้ ดังนั้น”แรงงาน” ที่”เรียกร้อง”การขึ้นค่าแรง ก็ต้อง”ร้องเพลงรอ” ให้”นายจ้าง” เห็นใจต่อไป “เข้าใจตามนี้นะ…..
@.หมดจากเรื่อง”การบ้าน” ก็มาดูเรื่อง”การเมือง” ซึ่งแม้จะเป็น”การเมืองท้องถิ่น” แต่ก็อยู่ในความสนใจของ”ประชาชน” ชาวจังหวัดสงขลา เป็นอย่างยิ่ง นั่นคือการเลือกตั้ง”นายกองค์กรบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ( อบจ.สงขลา ) ที่มีการ”เปิดหน้า” ให้เห็นกันจะๆ แล้วมา 3 ทีม จาก”สองบ้านใหญ่” ของ”สงขลา” ทีมแรกซึ่งเป็นทีมของ”นิพนธ์ บุญญามณี” อดีต รมช.มหาดไทย ที่เคยเป็นกำลังสำคัญของ”ประชาธิปัตย์” ที่มีการ”จัดทีม”เอาไว้แล้ว แต่ยังขาด”หัวหน้าทีม” ซึ่งวันนี้คนใน”สงขลา” ก็ได้เห็นโฉมหน้าของ”หัวหน้าทีม” ที่จะมาทำหน้าที่”หัวรถจักร” ในการ”ลากโบกี้”ของ”ขบวนรถ”แล้ว นั้นคือ” มาดามปิ๊ม” หรือ”มาลัยทิพย์ ครุอำโพธิ์” ที่เป็น”หวานใจ”ของ”เถ้าแก่ถึก” หรือ”สมยศ พลายด้วง” สส. เขต 3 สงขลา นั้นเอง และ”ชัดเจน”ว่า”สังกัดบ้านใหญ่บุญญามณี”….. ส่วนทีมที่สองคือ”ไพเจน มากสุวรรณ” นายก อบจ.คนปัจจุบัน กับ”อธิบดีกรมฝนหลวงฯ “สุพิศ พิทักษ์ธรรม” ซึ่ง ณ วันนี้ ทั้ง”สองเสือ” อยู่ใน”สังกัด”ของ”บ้านใหญ่ขาวทอง” หรือภายใต้การ”คอลโทรล” ของ”เดชอิศม์ ขาวทอง” หรือ”นายกชาย” เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และ สส.เขต 5 สงขลา ซึ่ง”สัปดาห์ที่ผ่านมา” เดชอิสม์” ปิด”ห้องลับ” เรียก”สจ.” แต่ละคนเข้าพบเพื่อให้”ยืนยัน” ว่า” สจ. ทั้ง 16 อำเภอ จะให้การ”สนับสนุน” ใครระหว่าง”ไพเจน” กับ”สุพิศ” เพื่อที่จะได้”ตัดสินใจ” ว่าจะ”เลือกใคร” ให้อยู่ใน”สังกัด”ของ”บ้านใหญ่ขาวทอง” แต่”แหล่งข่าว” กระซิบกระซาบ” ทั้ง”สองเสือ” ต่างไม่ยอมกัน ไม่ว่า”เดชอิศม์” จะเลือกใคร คนที่ไม่”ถูกเลือก” ก็จะลงสมัคร เพื่อให้”ประชาชน” เป็นผู้”ตัดสิน” แค่นี้”สนามเลือกตั้ง” ของ”อบจ.สงขลา” ก็”ระอุอ้าว” แล้ว แต่ “ข่าวว่า” พรรค”ประชาชน”กำลังดำเนินการ”คัดเลือก” ผู้สมัครเพื่อลง”แข่งขัน” ในสนาม อบจ.สงขลา กับเขาด้วย วันก่อนมีชื่อของ”ซากีย์ พิทักษ์คุมพล” ที่เป็น”ทายาท” ของท่านอดีตจุฬาราชมนตรี”อาซิส พิทักษ์คุมพล” ด้วย แต่ วันนี้”ข่าวว่า” เหลือเพียง”รายชื่อเดียว” แต่ยังไม่พร้อมที่จะ”เปิดตัว” และเพราะมัวแต่”ปกปิด” ตาม”สไตล์” ของพรรคประชาชน นี้แหละที่ทำให้”พ่ายแพ้”ทุกสนามเลือกตั้ง เพราะ”หาเสียง”ไม่ทัน”ผู้สมัครจากทีมอื่นๆ เพราะมัวแต่”ปกปิด”ผู้สมัครไม่ให้ใครรู้ นั้นคือ”สนามเลือกตั้ง”อบจ.สงขลา” แต่เชื่อว่า”หนุกหนัดเหนียด”แน่นอน…
@ส่วนถัดมาเป็น “สนามเลือกตั้ง” ของ”เทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา สำหรับ”สนามนี้” ก็เป็น”ศึกชนช้าง” ซึ่ง”ช้างศึก” ที่”ไสช้าง” ลงสนามแล้ว และมาก่อนใครคือ”ทีมปลัดแป้น” หรือ” ณรงค์พร ณ พัทลุง” อดีตนายอำเภอหาดใหญ่ และ ปลัดจังหวัดสงขลา ซึ่ง”เจ้าตัว” อ้างว่า”โพลนำโด่ง” ส่วนทีมที่สอง ที่”เปิดตัว”อย่าง”อึกทึก”ด้วย”หนังน้องเดียว” คือ” พ.อ.พิเศษ สุชาติ จันทรโชติกุล” ซึ่งก็เป็น”นักการเมือง” และ”นายทหาร” ชื่อดัง ที่”เจ้าตัว” ยัง”เชื่อมั่น” ใน”ฐานเสียง” ในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ และมี”ยุทธศาสตร์” ในการ”หาเสียง” แบบ”ซึมลึก” ในพื้นที่ และที่ยังไม่”ขยับ”และยัง”ตั้งรับ” อยู่ในที่ตั้ง นั้นคือ” พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี” นายกเทศบาลนครหาดใหญ่ คน”ปัจจุบัน” อดีดนายตำรวจ”คนดัง” อดีต”ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว” ที่ทำตัวเป็น”มังกรเหินฟ้า” ไร้”ร่องรอย” แต่ประกาศให้”ชาวหาดใหญ่”ทราบว่า”สู้ไม่ถอย” ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น”สมัยที่สอง”แบบ”ล้านเปอร์เซ็น” ซึ่ง”เกจิทางการเมือง” ยัง”เชื่อมั่น” ใน”ฐานะ” ที่เป็น”นายกคนปัจจุบัน” ที่มี”ความพร้อม”กว่าทีมของ”ผู้ท้าชิง” ก็ต้องติดตามดูกันแบบ”ยาวๆ” เพราะยังมีเวลาอีกหลายเดือน กว่าจะถึงวัน”รับสมัคร” ที่ ทุกอย่าง”เปลี่ยนได้”ตลอดเวลา…..
@และ อีก”สนามการเมืองท้องถิ่น” อีกสนามหนึ่ง ที่แม้จะไม่มีการ”เลือกต้อง” พร้อมกับ”เทศบาล” อื่นๆ นั้นคือ”เทศบาลเมืองเขารูปช้าง” ที่มี”นราเดช คำทัปน์” เป็น” นายกเทศมนตรี” ที่อยู่ๆมีการ”ปลด”รองนายก ทั้งหมดออกจากตำแหน่ง จนกลายเป็น คำถามของ คนในเขตเทศบาล ว่า”เกิดอะไรขึ้น” กับ”เทศบาลเมืองเขารูปช้าง” อย่าลืม บอกชาวบ้านด้วยนะ ทุกคน อยากรู้….. แล้วพบกันใหม่วันศุกร์หน้า สวัดสดีครับ
————————————————————-
ไชยยงค์ มณีพิลึก
ต้อนรับ. พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต,) ต้อนรับ โรเบิร์ต เอฟ โกเดด เอกอัครราชฑูต สหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทยและคณะ ที่เดินทางมาเยือน จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ห้องรับรอง ศูนย์อำนวยการจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมือง จ,ยะลา
อวยพร ไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา จ.สงขลา และ พล.ต.ท.พัฒนวัธ อังคนาวิน ที่ปรึกษารัฐมนตรียุติธรรม เข้าอวยพร พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด ณ ห้องรับรอง กระทรวงยุติธรรม
สมทบทุน. พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว ผบ.กองพลทหารราบที่ 15 / ผบ.ฉก.นราธิวาส เป็นผู้แทน พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 เป็นประธาน พิธีเปิดงานการกุศลสมทบทุนสร้างอาคารเรียน และสิ่งจำเป็นอื่น ๆ รวมถึงงานครบรอบ 58 ปี ของโรงเรียนอิบตีดาวิทยา โดยมี พ.อ.นพดล พรหมมาก รอง ผบ.ฉก.46 และหัวหน้าส่วนราชการให้การต้อนรับ ณ ร.ร.อิบตีดาวิทยา ต.ลาโละ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส
ร่วมงานสถาปนา. สมนึก พรหมเขียว ผวจ.สงขลา พร้อมด้วย มณีรัตน์ พรหมเขียว ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา อภิชาต สาราบรรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานภาคเอกชน ร่วมงานฉลองครบรอบ 75 ปี การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน และครบรอบ 30 ปีการก่อตั้งสถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจําสงขลา ณ ห้องแกรนด์คอนเวนชั่นฮอลล์ โรงแรม ลี การ์เดนส์ พลาซ่า อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมี นางอู๋ ตงเหมย กงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำจังหวัดสงขลา ให้การต้อนรับ
ติดตามสถานการณ์น้ำ. ทรงกลด สว่างวงศ์ ผวจ.ตรัง พร้อมด้วย หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง ชลประทานตรัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำ หลังฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่น้ำตกกะช่อง อ.นาโยง พบว่าสถานการณ์น้ำในพื้นที่ยังปกติ ได้สังการให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง และที่โครงการคลองระบายน้ำ คลองลำเลียง (ประตูระบายน้ำคลองนางน้อย) อำเภอนาโยง สุดท้ายที่ชุมชนควนขนุน ตลาดชินตา อำเภอเมืองตรัง
ช่วยเหลือ. ดุสิต ลัคนาศิโรรัตน์ รอง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เขต 2 (สพป.ตรัง เขต 2) พร้อมด้วย ผอ.กลุ่มอำนวยการ ลงพื้นที่ หมู่ที่ 8 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง จำนวน 8 ราย ที่ประสบเหตุลมกระโชกแรง คลื่นซัดบ้านพังเสียหาย ทั้งหลัง เพื่อสร้างขวัญ และกำลังใจให้กับนักเรียนและครอบครัว พร้อมมอบเงินกองทุนการศึกษา 60 ปีครองราชย์ สพป.ตรัง เขต 2 เครื่องอุปโภค บริโภค เพื่อดูแลช่วยเหลือนักเรียนในเบื้องต้น ซึ่งขณะนี้นักเรียนและครอบครัวต้องอาศัยบ้านของญาติเพื่ออยู่อาศัย
ติดตามโครงการ. อิศร เอกพิศาลกิจ รองประธานธรรมาภิบาล จ,ตรัง นำคณะฯ ติดตามโครงการจัตุรัสเมืองตรัง รอบสอง โดย นายช่างโยธาธิการจังหวัด นายช่างผู้ควบคุมงานก่อสร้างของบริษัทรับเหมา ชี้แจงขั้นตอนและปัญหา ว่าตอนนี้ได้ดำเนินการไปแล้ว กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ เหลือเวลาเพียงสองเดือนกว่าๆ จะเร่งงานให้แล้วเสร็จ หากไม่มีปัญหาอุปสัก คงจะทันตามเวลาที่กำหนด
เลี้ยงน้ำชา. ปารเมศ เห้งสวัสดิ์. นายอำเภอสทิงพระ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และบุคลากรทางการศึกษา เข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชาการกุศลเพื่อสมทบทุน ซ่อมแซมและต่อเติมโรงอาหาร โรงเรียนวัดดีหลวง ณ โรงเรียนวัดดีหลวง ต.ดีหลวง อ.สทิงพระ จ.สงขลา
เมาลิดสัมพันธ์. มุขตาร์ มะทา นายก อบจ.ยะลา ลงพื้นที่ เปิดโครงการส่งเสริมวัฒธรรมต่างๆ (เมาลิดสัมพันธ์) ประจำปี 2567 พร้อมด้วย มนเทียน แตปูซู ที่ปรึกษานายกฯ และสมาชิกสภา อบ.ยะลา ณ สนามกีฬาบ้านธารมะลิ หมู่ที่ 4 ต,อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา
ความเท่าเทียบ. วิเชษฐ์ ไทยทองนุ่ม นายกเทศมนตรีตำบลรือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส พร้อมด้วย แวหะมะกูซี อีปง ประธานสภาเทศบาลตำบลรือเสาะ ,นางสาวศศิยา พิมานแมน หัวหน้าสำนักปลัดเทศบาล ,รอซาดา ซาเมาะ หัวหน้าฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่สำนักปลัดเทศบาล ร่วมกับ ร.ร. รือเสาะชนูปถัมถ์ จัดโครงการเสริมสร้างเครือข่ายเยาวชนรือเสาะด้านการส่งสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ ณ ร.ร.รือเสาะชนูปถัมถ์ ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส
แสดงความยินดี. อัมรันท์ บากา นายอำเภอกาบัง จ.ยะลา พบปะพูดคุยและแสดงความยินดีแก่เยาวชนที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ “สานใจ ไทยสู่ใจใต้” รุ่นที่ 43 “ พร้อมให้โอวาทเยาวชนและครูพี่เลี้ยงโครงการ โดยขอให้เยาวชนทุกคน ตั้งใจ และเปิดใจรับประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่จะได้รับตลอดระยะเวลาการดำเนินโครงการ ตั้งแต่การทำกิจกรรมกลุ่มร่วมกับเพื่อนใหม่ การละลายพฤติกรรม การทัศนศึกษาสถานที่สำคัญที่แสดงถึงสังคมพหุวัฒนธรรม ณ ห้องประชุมที่ว่าการ อ,กาบัง จ.ยะลา
มอบวีลแชร์, ร.ท.หญิง วิจัย สกุลแก้ว หัวหน้าชุดแพทย์เผชิญเหตุ ศูนย์ประสานงานการแพทย์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ลงพื้นที่พบปะให้กำลังใจ ผู้ป่วยติดเตียง มอบรถเข็น และเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อเป็นการช่วยเหลือ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ในพื้นที่ อ,เมือง จ.นราธิวาส
หาดทิพย์ซับน้ำตาชาวเหนือ, อุทัย ไชยสมิต ผจก.แผนกกิจการพิเศษ เป็นผู้แทนส่งมอบสิ่งของ ถุงยังชีพ อาหารแห้ง และ สิ่งของจำเป็น เพื่อเป็นการซับน้ำตาพี่น้องชาวภาคเหนือ ที่ประสพอุทกภัย โดนมีพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผวจ.เชียงราย เป็นผู้รับมอบ
การกุศล. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ ร่วมกิจกรรมการกุศล สมทบทุนสร้างอาคารโรงเรียนอิบตีดาวิทยา อ,รือเสาะ จ.นราธิวาส โดยมี กมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.เขต 5 และผู้บริหารโรงเรียนให้การต้อนรับ
รับปริญญา. โยธิน ทองเนื้อแข็ง สมาชิก ส,อบจ.เขต อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา รับพระราชทานปริญญาบัตร ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาการพัฒนาที่ยั่งยืน จากมหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง อ.ป่าพยอม จ.พัทลุง
น้ำใจ, ชัชฎาภรณ์ ครุอำโพธิ์ (ยิ้มแก้ว)ภริยา เฉลิมชัย ครุอำโพธิ์ คหบดี เจ้าของโรงโม่หินเขาบันไดนาง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา มอบเงินช่วยเหลือ ชนิศา เหมทานนท์ ซึ่งเป็นโรคไต เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระในการรักษาพยาบาล โดยมี เจริญกิจ มีศิริ ผู้สื่อข่าวเดนินิวส์ จ.สงขลา ร่วมด้วย