แม้ในเชิงของการเมืองเพื่อทำนโยบายเรียกคะแนนเสียง จะเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งยวด แต่ในการคิด ในการดำเนินการ ก็ต้องคิดถึง “ความถูกต้อง” ให้รอบด้าน โดยเฉพาะในเชิงกฎหมาย

ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด!! ก็ต้องหันมาดู “ฐานะ” ของประเทศ ว่าทำได้แน่แท้หรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องของ “เงินงบประมาณ” ยิ่งในยามที่ประเทศกำลังเผชิญความยากลำบาก ยิ่งเป็นเรื่องใหญ่ ที่ต้องคิด ต้องหันมาดูความจริงด้วย

แม้โครงการแจกเงินดิจิทัลฯ จะเกิดความตั้งใจดี ความต้องการบู้ทเศรษฐกิจในประเทศให้แข็งแรงแข็งแกร่ง แต่ถ้าประเทศไม่มีเงินเพียงพอ หรือมีช่องทางหาเงิน เกลี่ยเงิน ที่ชัดเจน ก็ต้องเกิดเหตุการณ์อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

เพราะเมื่อเวลาผ่าน ทุกอย่างเปลี่ยนไป ย่อมต้องเกิดปัญหาอื่น ปัญหาใหม่ ตามมา อย่างเหตุการณ์ที่เกิดน้ำท่วมหนักที่จังหวัดเชียงราย ในทุกวันนี้ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าเหตุการณ์จะหนักหนาขนาดนี้

แบงก์ชาติงงคนไทยอยากใช้เงินสด

ภาคเอกชน-ภาควิชาการ !! ได้มีการประเมินสถานการณ์น้ำท่วมอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไว้ประมาณ 10,000 ล้านบาท แม้โดยรวมเมื่อเทียบกับจีดีพีแล้วอาจเป็นจำนวนไม่มาก

แต่ก็ต้องยอมรับว่าเหตุการณ์น้ำท่วมย่อมมีผลต่อเศรษฐกิจเช่นกัน โดยเฉพาะผู้ที่เดือดร้อนจากเหตุการณ์น้ำท่วม ที่แม้หลายพื้นที่น้ำผ่านพ้นไปแล้ว แต่ความเสียหายยังคงอยู่

พ่อค้า แม่ค้ารายเล็กรายน้อย บางคนต้องเสินเนื้อประดาตัว เพราะสินค้าทั้งเสื้อผ้า ทั้งพรม ทั้งอาหารและอีกสารพัด ที่ถูกน้ำท่วม ทำให้เกิดความเสียหายจนไม่สามารถขายให้ลูกค้าได้

แม้รัฐบาลจะมีเงินงบประมาณมาดูแลได้แล้ว และสั่งการในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้อย่างเป็นทางการแล้ว แต่นี่…ถือเป็นเพียงปัญหาแรกที่เพิ่งถาโถมเข้ามา

ต่อจากนี้…ยังมีปัญหาอีกสารพัดที่ต้องเผชิญ ที่ยังไม่อาจคาดการณ์ได้เช่นกัน!!

Businessman using tablet with digital graph overlay

เวลานี้!! รัฐบาลแก้เกมทุกอย่างเกี่ยวกับโครงการเรือธง แจกเงินดิจิทัล วอลเล็ตฯ โดยหันมาแจกเป็นเงินสดแทนทั้งจำนวน 10,000 บาท

พร้อมเปลี่ยนเป้าหมายจากประชาชน 45 ล้านคน เป็น กลุ่มคนเปราะบางและผู้พิการรวมเบ็ดเสร็จราว 14.5 ล้านคน แทน

การแก้เกมครั้งนี้…อาจไม่ถูกใจคนที่ลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐไปแล้วกว่า 30 ล้านคน แต่ก็ยังมีแรงพอใจจากกลุ่มคนเปราะบางและกลุ่มคนพิการ ที่ช่วยค้ำยันไว้ได้ประมาณหนึ่ง

การสร้างพายุทางเศรษฐกิจเพื่อให้หมุนให้ดันเศรษฐกิจให้ได้อย่างที่หวัง ก็อาจเหลือเป็นเพียงพายุฝนเม็ดบาง ๆ ที่อาจช่วยผลักดันให้จีดีพีขยับเพิ่มขึ้นได้บ้างอีกสักอย่างน้อย 0.1-0.2%

การหันมาแจกเงินสด 10,000 บาท ล็อตแรก ให้กับกลุ่มเปราะบางและคนพิการ จะเริ่มคิ๊กออฟแจกกันวันแรกวันที่ 25 ก.ย.นี้ ไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย.67 ยกเว้นวันที่ 28 และ 29 ก.ย. เพราะเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์

  • วันที่ 25 กันยายน 2567 โอนให้กลุ่มผู้พิการ และผู้ถือบัตรประชาชนที่มีเลข 13 หลักลงท้ายด้วยเลข 0
  • วันที่ 26 กันยายน 2567 โอนให้ผู้ถือบัตรประชาชนที่มีเลข 13 หลักลงท้ายด้วยเลข 1-3
  • วันที่ 27 กันยายน 2567 ผู้ถือบัตรประชาชนที่มีเลข 13 หลัก ลงท้ายด้วยเลข 4-7
  • วันที่ 30 กันยายน 2567 ผู้ถือบัตรประชาชนที่มีเลข 13 หลัก ลงท้ายด้วยเลข 8-9
Demographic census concept representation

การที่โอนเงินให้กลุ่มผู้พิการและกลุ่มเปราะบาง รวมทั้งสิ้น 4 วัน เพราะระบบมีข้อจำกัดในเรื่องของการโอนแต่ละวัน ไม่เกิน 4 ล้านกว่าคน

เมื่อสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.67 ก็ถือว่าเป็นการสิ้นสุดในโครงการแจกเงินดิจิทัลในเฟสแรก ส่วนเฟสต่อไปสำหรับคนที่ลงทะเบียนผ่านแอป “ทางรัฐ” ก็ชัดเจนไปก่อน เพราะขุนคลังบอกแล้วว่า… อาจไม่ทัน

แล้วก็ยังหมายรวมถึงกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนด้วย เช่นกัน ที่ต้องเลื่อนวันลงทะเบียนที่กำหนดเริ่มต้นวันที่ 16 ก.ย.นี้ออกไปก่อนเช่นกัน

เอาเป็นว่า… สัญญาที่ให้ไว้กับคะแนนเสียง ก็เริ่มต้นดำเนินการไปแล้ว ที่เหลือก็ต้องมารอดูกันต่อไปว่ารัฐบาลจะพลิกเกมไปในรูปแบบใด ?

ทั้งหมด ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่า โครงการเรือธง โครงการนี้ เป็นบทเรียนสำคัญของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่น้อย!!

……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”

อ่านบทความทั้งหมดคลิกที่นี่