วันที่ 11 มีนาคม 2554 เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตะวันออกของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแผ่นดินไหวรุนแรงเป็นอันดับ 4 เท่าที่เคยมีการบันทึกไว้ ภัยพิบัติที่รุนแรงครั้งนี้ถล่มพื้นที่ซีกตะวันออกของญี่ปุ่น ทำให้เกิดคลื่นสึนามิที่สูงกว่า 9 เมตร และนั่นคือช่วงเวลาครั้งสุดท้ายที่ยาสึโอะ ทาคามัตสึได้รับข่าวคราวจากยูโกะ ภรรยาของเขา
ภัยธรรมชาติครั้งนี้ทำให้ประชาชนราว 450,000 คนต้องสูญเสียบ้านเรือน คนกว่า 18,000 คนต้องเสียชีวิต และกลายเป็นบุคคลสูญหายอีกกว่า 2,500 คน เนื่องจากไม่มีใครพบศพของพวกเขา เท่านั้นยังไม่พอ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะก็ได้รับผลกระทบจนเสียหายอย่างหนัก
ท่ามกลางความโกลาหลและการทำลายล้างจากธรรมชาติในครั้งนั้น ยูโกะคือหนึ่งในผู้คนที่ถูกคลื่นสึนามิซัดหายไประหว่างที่เธอทำงานอยู่ที่ธนาคาร
ข่าวคราวครั้งสุดท้ายที่ทาคะมัตสึได้รับจากยูโกะก็คือข้อความแห่งความใยที่ถามเขาว่า “คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย ฉันอยากกลับบ้านจัง”
ในวันเกิดเหตุ ทาคะมัตสึอยู่ที่โรงพยาบาลในอีกเมืองหนึ่งกับแม่ยายของเขา หลังจากที่เกิดภัยพิบัติ ความเสียหายในพื้นที่ทำให้เขาไม่สามารถกลับไปหาภรรยาได้ในทันที
หลายเดือนหลังจากเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญ ทาคะมัตสึพบโทรศัพท์มือถือของภรรยาในลานจอดรถของธนาคาร ในโทรศัพท์มีข้อความที่ยังไม่ได้ส่งเขียนไว้ว่า “คลื่นสึนามิทำลายทุกอย่าง” ซึ่งลงเวลาที่เขียนไว้ที่ 15.25 น. บ่งบอกว่า ณ เวลานั้น เธอยังมีชีวิตอยู่ แต่หลังจากนั้นแล้ว เขาก็ไม่พบร่องรอยของเธอเลย
หลังจากตามหาร่างของภรรยาบนแผ่นดินอยู่นาน 2 ปีครึ่ง ทาคะมัตสึก็ตัดสินใจเปลี่ยนแผนการค้นหาไปยังท้องทะเล เขาสมัครเรียนดำน้ำในเดือนกันยายน 2556 เพื่อเรียนรู้วิธีการที่จะช่วยให้เขาลงไปสำรวจในน้ำได้
นับจากนั้นเป็นต้นมา ทาคะมัตสึก็จะไปดำน้ำทุกสัปดาห์เพื่อหาเบาะแสของภรรยา
“ผมอยากเจอเธอจริง ๆ แต่ผมก็รู้สึกว่าคงไม่มีวันจะหาเธอเจอ เพราะมหาสมุทรนั้นกว้างใหญ่เกินไป แต่ผมก็จะค้นหาต่อไป” เขากล่าวไว้ในภาพยนตร์สั้นเรื่อง The Diver
ทาคะมัตสึไม่ได้ลงไปดำน้ำตามหายูโกะเพียงลำพัง เขาจะไปพร้อมกับ มาซะโยชิ ทาคะฮาชิ ครูสอนดำน้ำซึ่งเป็นผู้นำของกลุ่มอาสาสมัครดำน้ำเพื่อค้นหาร่องรอยของบุคคลสูญหายจากภัยพิบัติสึนามิในปีนั้น
การค้นหาบุคคลสูญหายมากกว่า 2,500 คนเนื่องจากภัยพิบัติเมื่อปี 2554 ยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าจะขอบเขตการค้นหาจะลดลงกว่าที่เคยเป็นมา
ก่อนหน้าใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน ทาคะมัตสึพบกับภรรยาของเขาในปี 2531 ตอนนั้นเขาทำงานในกองทัพญี่ปุ่น แต่ตอนที่เกิดภัยพิบัติขึ้น เขาทำงานเป็นคนขับรถบัส และในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เขาได้ดำน้ำลงทะเลเพื่อตามหาภรรยาไปมากกว่า 600 ครั้งแล้ว
ที่มา : ladbible.com
เครดิตภาพ : AFP