@เห็นกันชัดๆแล้ว สำหรับ”โฉมหน้า ครม.” ของ”รัฐบาลอิ๊งค์ 1” ว่าพรรคไหน ส่งใครมาทำหน้าที่”เสนาบดี” และเป็น”เสนาบดี” ของ”กระทรวงไหนบ้าง ซึ่ง ส่วนใหญ่ ในตำแหน่งหลักๆ ในกระทรวงเบิ้มๆ” ไม่มีการ”เปลี่ยนแปลง” ยกเว้น “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์” ที่ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รู้ตัวว่าเป็น”สายล่อฟ้า” จึง”ถอยฉาก” ไปเป็น”รัฐมนตรีเงา” โดยยกตำแหน่งให้ “นฤมล สินภิญโญวัฒน์” และ”อัครา พรหมเผ่า” ผู้เป็น”น้องชาย” ทำหน้าที่” รัฐมนตรีว่าการ และ รัฐมนตรีผู้ช่วยว่าการ เป็นการ”รู้เขา รู้เรา” ไม่สร้างความ”หนักใจ” ให้กับ” แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี รวมทั้ง “รู้เรา” คือ “รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” เพราะหากยังเสนอตัวเป็น”เสนาบดี” เกิด”จับพลัดจับผลู” มีผู้”ร้องเรียน”ให้”ศาลรัฐธรรมนูญ” ทำการตรวจสอบเรื่อง”จริยธรรม” นอกจากจะ”ชวด” ตำแหน่ง”เสนาบดี”แล้ว” ยังไม่อาจ”เล่นการเมือง”ต่อไปอีกต่างหาก ที่ สำคัญจะเป็นการ”ฉุดลาก” ให้” “แพทองธาร ชินวัตร” หรือ”นายกลูก” ต้อง”หลุด”จาก”เก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกด้วย…..เช่นเดียวกับ”ชาดา ไทยเศรษฐ์” รมช.มหาดไทย ที่วินาทีสุดท้าย ไม่มั่นใจในตัวเองจึง”หลบฉาก” มาทำหน้าที่ สส.เพียงอย่างเดียว  โดยส่ง”บุตรสาว” รับตำแหน่ง “รมช.มหาดไทย” ที่มี”ยอดคุณพ่อ” ทำหน้าที่เป็น” ผู้ช่วย รัฐมนตรีช่วย เป็นตำแหน่ง”ช่วยรัฐมนตรี” ที่”วุ่นวายพิลึกกึกกือ”  แหม เล่นบทเดียวกับ”นายใหญ่” เลยนะเนี่ย ไม่ธรรมดาจริงๆ    แต่ในความรู้สึกของ”ชาวบ้านร้านช่อง” ฟังมาว่าไม่มีใคร”แฮปปี้” เพราะรู้สึกเหมือนว่า”ตำแหน่งทางการเมือง”ของ”รัฐบาล อุ๊งอิ๊ง 1 “ กลายเป็น”รัฐบาลครอบครัว” ที่ตำแหน่ง”รัฐมนตรี” เป็นของ”ครอบครัว” ที่คนใน”ครอบครัว” ผลัดเปลี่ยนกันทำหน้าที่ในการ”บริหารกระทรวง”  เรื่องแบบนี้ถ้า”ผู้นำรัฐบาล” ไม่”แคร์ต่อความรู้สึก”ของ”ประชาชน” ก็เป็นเรื่อง”อันตราย” ทางการเมือง และอาจจะทำให้เกิดความ”เสื่อม” ที่มากขึ้นกับเรื่องของ”การเมือง”…..

@คาบนี้”ประชาธิปัตย์” ไม่ต้องเป็น”แม่สายบัว” ที่แต่งตัวเก้อ” เพราะมี”เจ้าบ่าว” หามเกี้ยว มารับเข้าร่วมรัฐบาลได้”ร่วมหอลงโรง” ร่วมเป็น”รัฐบาล” โดยได้”รางวัล” ในการทำให้”พรรคแตก” เป็น”สองเสี่ยง” ด้วยตำแหน่ง “เสนาบดี”กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” ที่เป็นของ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน”  ส่วน “รัฐมนตรีช่วย” อีกหนึ่งตำแหน่งเป็นของ”เดชอิศม์ ขาวทอง” หรือ”นายกชาย” ที่ รอตำแหน่ง”รัฐมนตรี” มานาน ครั้งนี้”สมหวัง” เสียที่ แต่หลังจากนี้ไป ก็ต้อง”ติดตาม”ว่า ทั้ง”เฉลิมชัย” และ”เดชอิศม์” จะเดินไปบนเส้นทางที่”ปูหินอ่อน” หรือเป็นเส้นทางของ”ขวากหนาม” เพราะมี”นักร้อง” เข้าคิว”จองกฐิน” ร้อง”ศาลรัฐธรรมนูญ” ในเรื่องของ” จริยธรรม” เพื่อ”โค่น” รัฐบาลของ”แพทองธาร ชินวัตร”.มากมายจน”นับหัวไม่ถ้วน”…..ก็น่าเป็นห่วงสำหรับ”รัฐบาล”ของ” แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีหญิง คนที่ 2 ของประเทศไทย จาก”ตระกูลชินวัตร” ทั้งคู่ เพราะฟังจากข่าว  จาก”บุคคล” ในวงการเมือง ในประเด็นมี”สส.ที่เป็น”เสนาบดี” ที่มี”สีเทา” ที่”เข้าข่าย” อาจจะถูก” สอย” โดย”ศาลรัฐธรรมนูญ” ถึง 11 คน  ถ้าเรื่องนี้”มีมูล” ก็ แสดงว่า”รัฐบาลอิ๊งค์  1 “ น่าจะเป็น”รัฐบาล” ที่”อายุสั้น” ไม่ต่างจาก”รัฐบาล”ของ”เศรษฐา  ทวีสิน” ที่มีอายุเพียง 1 ปี ก็ “สะดุดขาตนเอง” จน”หกล้ม” จาการแต่งตั้ง”พิชิต ชื่นบาน” เป็น”รัฐมนตรี” แต่ก็ยังไม่”เข็ดหลาบ” และยังคงปล่อยให้”ประวัติศาสตร์” ซ้ำรอย……

@แต่นั่นแหละ เป็นที่รับรู้ว่า สำหารับ”ทักษิณ ชินวัตร” ผู้อยู่เบื้องหลังของ”รัฐบาลคุณลูก” ในการ”ขับเคลื่อน” เดินเกมการเมืองแล้ว เขายังเป็น”ทักษิณคนเดิม” ที่ชอบเล่น”เกมเสี่ยง”ที่ทั้ง”หวาดเสียว” และ”ท้าทาย” จนยอมที่จะเอา”ทายาท”เข้ามา”เสี่ยง”กับ”เกมการเมือง” ในครั้งนี้    ก็ต้อง”เกาะติด” เส้นทางของ”รัฐบาล” ที่”เปลือกนอก”เข้มแข็ง” เพราะมีเสียง”สนับสนุน”จากพรรคการเมืองอย่าง”ท่วมท้น” แต่ ภายใน”เปราะบาง” เพราะอย่างน้อย 2 พรรคการเมือง” ทั้ง”ประชาธิปัตย์” และ”พลังประชารัฐ” เต็มไปด้วยความ”ขัดแย้ง”ภายในพรรค ที่เป็นเหมือน”เม็ดกรวดในรองเท้า” ที่”ทุกย่างก้าว”ของ”รัฐบาล” ทั้ง”เจ็บจี๊ด” และทั้ง”รำคาญ เพราะ”ชวน หลีกภัย, บัญญัติ บรรทัดฐาน, และ”จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์” นักการเมืองรุ่น”ลายคราม” ที่เป็น”ฝ่ายค้าน” ของ”ประชาธิปัตย์” ต้อง”ค้านทุกเม็ด” กับ นโยบายของ”รัฐบาล” ที่เห็นว่า”ไม่ถูกต้อง…..และขณะเดียวกัน “รัฐบาล”ชุดนี้ ยังต้อง ผจญกับ”พรรคฝ่ายค้าน” อย่าง”พรรคประชาชน” ที่มี”ณัฐพงค์ เรืองปัญญาวุธ” เป็น หัวหน้าพรรค แล้ว ยังต้อง” ผจญ”กับ”พรรคฝ่ายแค้น”พลังประชารัฐ” ที่มี”ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค และ”แน่นอน”คนอย่าง”ลุงป้อม” ย่อมไม่ใช่”ตะเกียงขาดน้ำมัน” ไม่ใช่”สมันน้อย” แต่เป็น”ตัวเม่น” ที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจ”แตะต้อง”หรือ”ตอแย”ง่ายๆ เชื่อเถอะ มี”ศัตรู”อย่าง”ลุงป้อม”รัฐบาลยอมจะอยู่แบบ”ไม่เป็นสุข”แน่นอน  …..แถมวันนี้”ทักษิณ ชินวัตร” ยังได้”ผลักมิตร” อย่าง”พล.ต.อ.เสรี เตมียเวส” ไปร่วมกับฝากฝั่งของ”ศัตรู”   จนกลายเป็น”หอกข้างแคร่” คอย”ทิ่มแทง” ให้อยู่แบบ”ไม่เป็นสุข” จนมี”กูรูทางการเมือง” พยากรณ์อาการ”ของรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” ว่า อาจจะเป็น”รัฐบาลครึ่งปี” หรือเต็มที่ก็”ปีครึ่ง” หลังจากนั้นก็”ยุบสภา” ทำการ”ล้างไพ่” เพื่อ”เลือกตั้ง” เพื่อ”ตั้งเกมการเมือง” ใหม่อีกครั้ง  ก็”เอาใจช่วย” นะ เพราะอย่างไรเสียก็อยากเห็น”รัฐบาล”เดินหน้าไปได้”ตลอดรอดฝั่ง” เพื่อแก้ปัญหา”เศรษฐกิจ” และปัญหา” ปากท้อง” ของประชาชน รวมทั้ง “สารพัดปัญหา” …..

@วันนี้ทุกคนจึง”ใจจดใจจ่อ” ต้องการเห็น”ฝีมือ” ในการแก้”สารพัดปัญหา”จาก”มันสมอง”ของ”ทักษิณ ชินวัตร” เพราะ หลายคนที่ได้ฟัง”วิสัยทัศน์” ของ”ทักษิณ ชินวัตร” ในงาน”ดินเนอร์ทอค” ที่ผ่านมา ต่าง”เห็นพ้องต้องกัน”ว่า วิสัยทัศน์”ของ”ทักษิณ ชินวัตร” ยัง”เฉียบแหลม” ก็ต้องติดตามกันแบบ”เกาะติด” ว่าจะทำอะไร ที่ทำให้”เศรษฐกิจ” และ”ปากท้อง”ของประเทศ และ ประชาชน มีการ”เปลี่ยนแปลง” ที่ดีขึ้น…..แต่สำหรับ”รากหญ้า” แล้ว สิ่งที่ต้องการคือการ”แจกเงิน” คนละ 10,000 บาท จาก “รัฐบาล” เพราะ วันนี้ ทั้ง”กระเป๋าซ้าย กระเป๋าขวา” ของ”ชนชาวรากหญ้า”  ต่างแบนแฟบ ที่มีอยู่คือ”หนี้สิน” แต่”ชนชาวรากหญ้า” จะได้”รับแจก” เงินสดจาก”รัฐบาล” คนละ”10,000 บาท ได้จริงหรือไม่นั้น ยังไม่มีอะไรที่ “แน่นอน”  เพราะยังมีปัญหาของ”ข้อกฎหมาย” และยังมีปัญหา”งบประมาณ” ดังนั้นเรื่องการ”แจกเงินสด”ให้กับ”กลุ่มเปราะบาง” และการแจกเงิน”ดิจิตัล” ให้กับคน”กลุ่มอื่นๆ” จึงยังไม่ง่ายนัก ประชาชน ยัง”ต้องรอ” แต่ก็เป็นการรอที่”มีหวัง” นะ เพราะการ”แจกเงิน” ก็เป็น”ความหวัง”ในการ”กอบกู้เศรษฐกิจ” และการแก้ปัญหา”ปากท้อง” ของ”ประชาชน” รวมทั้ง”คะแนนเสียง” ของพรรคจากการ”แจกเงิน” ในครั้งนี้ด้วย……

@สิ่งที่ต้องติดตามดูอีกเรื่อง คือเรื่องของการแก้ปัญหาความมั่นคงของประเทศ เมื่อ”ภูมิธรรม เวชยชัย” หรือ” เสี่ยอ้วน รับตำแหน่ง “รองนายกรัฐมนตรี” และ”เสนาบดี” กระทรวงกลาโหม เพื่อรับผิดชอบงานด้าน”ความมั่นคง” ในการ”คุม”ตะหาน” และกำกับดูแล”ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้” หรือ” ศอ.บต.” ซึ่งก็ต้องติดตามดูว่า จะมีการ”แก้ปัญหาความไม่สงบ” ในจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไร  เพราะในยุคของ”เศรษฐา ทวีสิน” หนึ่งปีที่ผ่านไป “เสี่ยนิด” ละเลยปัญหาความไม่สงบ ให้ความสนใจในเรื่อง”เศรษฐกิจ”และ”การค้าชายแดน” จนทำให้”สถานการณ์ของจังหวัดชายแดนภาคใต้”ย่ำแย่” ทำให้”ไฟใต้โชนแสง” ขึ้นมาอีกครั้งอีกครั้ง  สิ่งที่อยากเห็นคือ”เสี่ยอ้วน” ต้องมีการปรับ”โครงสร้าง”ของ”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ให้สามารถ”ตอบโจทย์” ความเปลี่ยนแปลง”ของ”สถานการณ์” ที่หลายอย่าง”เปลี่ยนไป” และต้อง”ปรับเปลี่ยน” ให้”ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้” หรือ” ศอ.บต.” กลับมาเป็นหน่วยงานที่มี”ประสิทธิภาพ”เหมือนในอดีต รวมทั้งต้องมี”ผู้นำ” ที่มี”วิสัยทัศน์” และมี”ยุทธศาสตร์” ให้”สอดคล้อง” กับ สภาพความเป็นจริง และความต้องการของคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้……

@ที่ สำคัญ การแต่งตั้ง”เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ” หรือ”สมช.” หลังการเกษียณอายุราชการของ” พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์” ในเดือนกันยายน ที่จะถึงนี้ “นายกรัฐมนตรี” หรือ”รัฐบาล” จะตั้งใครเป็น”เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ” หรือ “สมช.” ที่สำคัญคือต้องทำให้”สภาความมั่นคงแห่งชาติ” กลับมามี”หน้าที่”มี”บทบาท” ของการเป็น” สภาความมั่นคงแห่งชาติ “ ที่แท้จริง เป็นผู้กำหนด”ยุทธศาสตร์”ของ”ความมั่นคงของชาติ” ไม่ใช่ความมั่นคงในตำแหน่ง”นายกรัฐมนตรี” และผู้ที่มาทำหน้าที่เป็น”เลขาธิการสภาความมั่นคง” ต้องเป็น”ลูกหม้อ” ที่มี”ความรู้ความเข้าใจ” ในการวาง”ยุทธศาสตร์”ด้าน”ความมั่นคง” ที่ผ่านมา ที่ “สภาความมั่นคง” อยู่ในสภาพของ”เป็ดดอน” เป็นเพราะ”มีการยกตำแหน่ง”เลขาธิการสภาความมั่นคง” ให้กับ”นายพล” ที่มาจาก”กองทัพ” และมาจาก”สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” เพื่อเป็น”รางวัลปลอบใจ” ที่ถูก”ปัดตก” จากตำแหน่งใน หน่วยของตนเอง จนกลายเป็น”ธรรมเนียม”ในการ”โยกย้าย”ใน”กองทัพ” ที่”ผู้นำรัฐบาล” จะยกตำแหน่ง” เลขาธิการสภาความมั่นคง” ให้กับคน”อกหัก”เพื่อให้มาพักที่”สภาความมั่นคงแห่งชาติ” ในขณะที่”ลูกหม้อ” หรือ”คนใน” ไม่เคยได้ขึ้นถึงตำแหน่ง”เลขาธิการ” ดังนั้น “ขวัญ”และ”กำลังใจ” ของ”ลูกหม้อ”หรือ”คนใน” ของ” สภาความมั่นคงแห่งชาติ” จึง”ตกต่ำ”และ”เช้าชามเย็นชาม” เพราะไม่มีความหวังในการเป็น”เลขาธิการ” ที่เป็นตำแหน่ง”สูงสุด”ของหน่วยงาน ครั้งนี้ก็ได้ข่าวว่า จะมี”นายตำรวจ” บางคนรอที่จะ”ไสลด์” จาก”สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปนั่ง”เสวยสุข” ในตำแหน่ง”เลขาธิการสภาความมั่นคง” อีกแล้ว ……

@ทั้งหมดทั้งปวง ที่กล่าวมาทั้งหมด ต้องดูการ”ขับเคลื่อน” ของ” ครม. ซึ่งผ่านการ”ทูลเกล้า” มีการประกาศรายชื่อ”เสนาบดี” กระทรวงต่างๆ เป็นที่”เรียบร้อยโรงเรียนทักษิณ” ครม.ใหม่จะมีการประชุมนัดพิเศษวันที่ 7 และวันที่ 11  จะมีการ”แถลงนโยบาย”ให้ ประชาชนได้รับทราบสำหรับ”ประชาชน” ก็ต้องให้ความ”สนใจ” ในเรื่อง”นโยบาย” ของ”รัฐบาล” เพื่อที่จะได้”รับรู้” ว่าหลังการ”แถลง” ทำได้จริงหรือไม่ และหากไม่ได้ทำตามที่”แถลง” ก็จะได้ให้”บทเรียน” แก่”พรรคการเมือง”ที่”ตระบัดสัตย์” ในการ เลือกตั้งใน ครั้งต่อไป…..

@กลับมาที่ สถานการณ์ ความรุนแรงของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่แม้ว่าในวัน”สัญลักษณ์” ในการครบรอบ 70 ปี ของการ”สูญหาย”ของ”หะยีสุหลง โต๊ะมีนา” ผู้ที่เป็นผู้นำ”จิตวิญญาณ” ของชนชาว”มาลายู” และวันก่อตั้ง”เบอร์ซาตู” รวมถึง”วันชาติ” ของ”มาเลเซีย” ที่ตาม”ปฏิทินโจร” จะมีการ”ก่อการร้าย”เกิดขึ้นในทุกปี แต่ในเดือน”สิงหาคม” ปีนี้  ไม่มีเหตุ”รุนแรง”เกิดขึ้น ก็ถือว่าเป็น”โชคดี” ของเจ้าหน้าที่ และ “ประชาชน” ที่ไม่มีความ”สูญเสีย” เกิดขึ้น และต้องยกความดีความชอบ” ให้กับ” กองกำลัง” ของ”ทหาร” ในพื้นที่ ซึ่งสามารถ”ป้องกัน”เหตุร้ายไว้ได้……แต่ในขณะเดียวกันก็จะเห็นว่า”บีอาร์เอ็น” เน้นหนักในการ”ก่อกวน” ด้วยการ”ทิ้งจดหมาย” และ”ส่งจดหมาย” ไปยัง”กองอาสารักษาดินแดน” ในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ “ปัตตานี,ยะลา,นราธิวาส” และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา สะบ้าย้อย,เทพา,จะนะ,นาทวี” อย่างต่อเนื่อง ด้วยการ”ข่มขู่ คุกคาม” ให้ ถอนตัวจากการทำหน้าที่” กองอาสารักษาดินแดน” ด้วยการ”ลาออก” รวมทั้งการ”พ่นสี” บนท้องถนน ด้วยคำว่า” อส.ลาออก” ในหลายพื้นที่ ซึ่งต่อไปคงจะมีการส่ง”จดหมายถึง” ลูก เมีย พ่อ แม่” ของผู้ทำหน้าที่”อาสารักษาดินแดน” เป็นการ”กดดัน”และ”คุกคาม” นี่เป็นอีก”สงคราม”ใน”รูปแบบหนึ่ง” ที่อาจจะมีผลต่อ”สถานการณ์” ในพื้นที่ ไม่มาก ก็น้อย เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องการ”ข่มขู่ คุกคาม” เพียงอย่างเดียว แต่มีการ”มุ่งร้าย” เอา”ชีวิต” ของผู้ทำหน้าที่”อาสาสมัคร” เหล่านี้ด้วย เพราะ”ฉากทัศน์” ต่อไปที่จะเกิดขึ้นคือการ”เชือดไก่ให้ลิงดู” ด้วยการ”เข่นฆ่า” อาสาสมัครในทุกพื้นที่  และอาจจะ”ลามไปถึง”พ่อ แม่ “ และ”ภรรยา

@ดังนั้น นับแต่นี้ไป” ผู้บังคับบัญชา” ของ”อาสาสมัคร” ทุก “ชุดคุ้มครองตำบล” หรือ” ชคต.” ต้อง กำชับให้ อาสาสมัคร”ทุกนาย ที่เดินทางออกจาก”ฐานปฏิบัติการ” เพื่อ”กลับบ้าน” ต้อง” ระวังป้องกันตนเอง” อย่าคิดเพียงว่า สถานการณ์” ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการ”ข่มขู่” หรือ”เล่นสงครามจิตวิทยา” ของ”บีอาร์เอ็น” และการที่”บีอาร์เอ็น” ไม่มีการ”ก่อเหตุร้าย” ในเดือน”สิงหาคม” เหมือนทุกปี  “ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ก็อย่าได้คิดเข้าข้างตนเองว่า เป็นเพราะ”เจ้าหน้าที่” มีมาตรการ” ในการ”จำกัดสิทธิเสรีภาพ” ของ”กองกำลังติดอาวุธ” และ”แนวร่วม” อย่างได้ผล แต่อาจจะมาจาก”ปัจจัยอื่น” ของ”บีอาร์เอ็น” หรือเป็นห้วงการ”ทดลองงาน” ให้”สมาชิก”ที่เป็น”กลุ่มหน้าขาว” ฝึกการ”ปฏิบัติการ” ด้วยการ”ทิ้งใบปลิว,พ่นสีบนถนน” และ”ทำลายกล้องวงจรปิด” และ”หลอกล่อ” ให้ “กองกำลัง” นิ่งนอนใจ ว่าไม่มี”เหตุร้าย” เกิดขึ้น และ ลดการ”ปฏิบัติการ”ทาง”ยุทธวิธี”ลง เพื่อให้”เข้าทาง” ให้”กองกำลังติดอาวุธ” ลงมือ”ปฏิบัติการ” ครั้งใหญ่ในเดือน “กันยายน” ซึ่งเป็นเดือนแห่งการ”โยกย้าย” การ”วิ่งเต้น” หาตำแหน่งของ”ผู้นำหน่วย” และ”ช่องว่าง” ในการ”สั่งการ”และ”บังคับบัญชา” ก็จะเกิดขึ้น และเป็น”โอกาส” ให้กับ”บีอาร์เอ็น”ได้ก่อเหตุตามความต้องการ…..

@และตาม”ปฏิทินโจร” เดือน”ตุลาคม” จะตรงกับวัน”สัญลักษณ์”ของการ”ตายหมู่”จากกรณีของ”การชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ” ซึ่งใน “ตุลาคม” ปีนี้ อาจจะมีการ”เฉลิมฉลอง” ครั้งใหญ่ของ”บีอาร์เอ็น” ที่สามารถ”ปลุกระดม” อย่างต่อเนื่องถึง 20 ปี ในการ”รื้อฟื้น” คดีการ”ตายหมู่” ที่ “ตากใบ” ให้”ประชาชน” ฟ้องต่อศาลด้วยตนเอง และ “ศาลจังหวัดนราธิวาส” ก็ได้”ไต่สวนมูลฟ้อง”และรับเป็นคดีอาญา โดยมี”อดีต”ข้าราชการ” ระดับสูง ตั้งแต่”อดีต”แม่ทัพ,ผบช.ภาค 9 ,รองปลัดกระทรวงมหาดไทย,จนถึงระดับต่ำสุด คือ “ผกก.สภ.ตากใบ” ซึ่งผู้ถูก”กล่าวหา” แต่ละราย ขณะนี้มีอายุ ใกล้จะ 80 ปี”มะรอมมะร่อ” นี้คือ”ผลพวง”จากการ”ปฏิบัติหน้าที่” ในการแก้ปัญหา”ไฟใต้” ที่สุดท้ายกลายเป็นผู้ต้อง”คดีความ” ซึ่งถือเป็น”วิบากกรรม” ที่ต้องให้”กำลังใจ” กับผู้ที่”ทำหน้าที่เพื่อรักษาแผ่นดิน” ทุกคน…..ส่วนผู้ที่เป็น”สารตั้งต้น” ในการ”ปลุกระดม” นำ”ชาวบ้าน” จำนวนนับพันคนออกมา”ล้อมโรงพักตากใบ” เพื่อชิงตัว 5 ชรบ. ที่ถูกจับกุมในข้อหา”นำอาวุธปืน”ที่เป็น”ของหลวง” ไปให้กับ” แนวร่วม” ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น” ไม่มีใครกล่าวถึง ทั้งที่เป็นผู้”จุดชนวน” ในการก่อเหตุให้เกิดการ”จลาจล” จนนำไปสู่การ”จับกุม” และการ”ตายหมู่” เกิดขึ้น เรื่องคดี”ตากใบ” เป็นเรื่องที่”ประชาชน” รับรู้”ความจริง” เพียงด้านเดียว” ส่วน”ภาคประชาสังคม” ที่เป็น”ปีกทางการเมือง”ของ”บีอาร์เอ็น” ก็”พูดความจริง” เฉพาะด้านที่มีการ”ตายหมู่” แต่ที่”บีอาร์เอ็น” อยู่เบื้องหลังในการ”วางแผน” ในการ”ปลุกระดม” และ”ขนคน”ไป”ตายหมู่” ไม่มีการกล่าวถึง…..

@เมื่อหลายเดือนก่อน ตำรวจ บชภ. 9 ชุดปราบปราม”น้ำมันเถื่อน” นำทีมโดย “พ.ต.อ.ธนวัต เส้งสุย”  ผกก. 3 กก.สส. ภาค 9  นำกำลังเข้า “อายัด” การนำเข้าน้ำมันจาก”ประเทศมาเลเซีย” ซึ่งเป็นของ”กลุ่มทุนการเมือง” ใน จ.สตูล –ปัตตานี ในขณะที่นำรถบรรทุกน้ำมัน  18 ล้อ จำนวน 3 คน เข้ามาจอดยัง ลานจอดรถ ที่อยู่ในเขตควบคุมของ”ด่านศุลกากรสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งขณะเข้าตรวจสอบ ผู้ที่ “ควบคุม” รถ ไม่สามารถ “แสดงเอกสาร” การนำเข้าน้ำมันจาก “ประเทศมาเลเซีย” ต่อ “เจ้าหน้าที่” จึงมีการแจ้งข้อกล่าวหาการ นำเข้าน้ำมันดีเชล โดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย มีการ ควบคุมตัว ผู้ควบคุมรถมาแจ้งข้อหายัง สภ.สะเดา จ.สงขลา…..ในข้อหา การนำน้ำมันเข้ามาในราอาณาจักรโดยไม่ถูกต้องพนักงานไม่มีใบอนุญาตประเภท 4 รถบรรทุกพ่วงในส่วนพ่วงไม่มีการจดทะเบียน  แต่”พนักงานอัยการ” ทำการ”สั่งไม่ฟ้อง “ในคดีดังกล่าว  …..วันนี้ บริษัทผู้นำน้ำมันดีเซลทั้งหมด ได้ส่ง หนังสือร้องขอ”ความเป็นธรรม” ไปยัง “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล “ ผบ.ตร. ในข้อกล่าวหาว่า “พ.ต.อ.ธนวัต เส้งสุย” และพวก ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ  สำหรับ หลักฐาน ที่”พนักงานอัยการ” สั่ง”ไม่ฟ้อง” ในคดีดังกล่าว เนื่องจาก” นายด่านศุลกากรสะเดา ให้ปากคำว่า รถบรรทุกน้ำมันทั้งหมด อยู่ในเขตควบคุมของศุลกากร และ น้ำมันของกลาง จำนวน หนึ่งแสนกว่าลิตร เป็นน้ำมันที่มีการขอ”ทรานส์ซิส” หรือขอ”ผ่านประเทศไทย” ไปยัง ประเทศที่สาม แต่ในขณะที่”ตำรวจ” เข้าตรวจสอบ” เจ้าของน้ำมัน อยู่ระหว่างการ ดำเนินการทาง”เอกสาร” ในการขอ”ทรานส์ซิส” กับ “เจ้าหน้าที่ ศุลกากร ยังไม่แล้วเสร็จ ในขณะที่ ตัวแทนของ”สำนักงานขนส่งจังหวัดสงขลา” ให้ถ้อยคำว่า คนขับรถที่มาจากประเทศมาเลเซียไม่ต้องมี”ใบอนุญาตขนส่ง” ประเภทที่ 4 เพราะไม่ใช่เป็นคนไทย ที่ต้องทำตาม”กฎหมายไทย” …..

@ต่อไปในการ “ตรวจสอบ” และการ”จับกุม” รวมทั้งการ”ตั้งข้อกล่าวหา “ตำรวจ” ต้องมีความ”รอบคอบ” ให้มากกว่าเดิม  โดยเฉพาะหาก ไม่มีความร่วมมือ”ระหว่างหน่วยงาน” ผลของคดีก็จะเป็นอย่างที่เห็น ก็ต้องติดตามดูว่า” พ.ต.อ.ธนวัต เส้งสุ้ย” และ คณะ ที่ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษ จาก บริษัทผู้นำเข้า น้ำมันที่เป็นการ”ทรานส์ซิส” เส้นทาง จะหา”พยาน หลักฐาน” อะไรในการ”ชี้แจง” หรือต่อสู้ข้อกล่าวหา หากมีการ”แจ้งความ” เพื่อดำเนินคดี  หรือการที่ไม่มีการ”แจ้งความ” ดำเนินคดี  แต่เลือกที่จะ”ร้องเรียน” สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะต้องเพียง”ปราม” อย่าให้” ตำรวจชุด” ปราบปรามน้ำมันเถื่อน” เข้ามา”ยุ่มย่าม” ใน”เส้นทาง” ของ”ขบวนการน้ำเข้าน้ำมันแบบ”ทรานส์ซิส” เส้นทาง ก็เป็นได้…..เรื่องเส้นทางนำเข้าน้ำมันจากประเทศมาเลเซีย โดยวิธีการ”ทรานส์ซิส” ผ่านทางด่าน”ศุลกากร” อำเภอสะเดา   ณ ปัจจุบัน กลายเป็น”ช่องทาง”ของการ”นำเข้าน้ำมันที่ถูกต้องตามกฎหมายศุลกากร” แต่หลังจากผ่าน”พิธีการศุลกากร” แล้ว รถบรรทุกน้ำมัน จะมีการส่งน้ำมันไปยัง”ประเทศที่สาม” เช่น “เมียนมา,สปป.ลาว “ และ”กัมพูชา “ หรือไม่  ยากที่จะมีการ”เปิดเผย” แต่ที่ เกิดขึ้นแล้ว และเป็น”คดีความ”แล้ว อย่างน้อยก็ 2 คดี  คดีแรกมีการแจ้ง”ทรานส์ซิส” ไปยัง สปป.ลาว ผ่านทางด่านศุลกากรบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ แต่มีการนำน้ำมันทั้ง 5 คันรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ ขายในประเทศ คดีนี้ถูก”ศุลกากรบึงกาฬ” แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ บริษัทผู้นำเดินการในการ”นำเข้า”   ส่วนคดีที่สอง คือการ”ทรานส์ซิส” เส้นทางของ”โกฟุก” พ่อค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ใน จังหวัดระนอง ซึ่งทำมากว่า 10 ปี นอกจากการ”ส่งออกทิพย์” ยังมีการ”ขอคืนภาษี” ในการ”ส่งออก” ที่ทำให้” ประเทศไทนต้องสูญเสียเงินกว่านับ 10,000 ล้านบาท  

@ดังนั้นเรื่องการนำเข้าน้ำมัน”ทรานส์ซิส” จึงเป็น “ขบวนการ”ที่ต้องมีการ”ตรวจสอบ” เพราะเป็นการ”ร่วมมือกัน” ระหว่าง”นายทุน” กับ” เจ้าหน้าที่รัฐ” ในการ”แสวงหาผลประโยชน์”ร่วมกัน ที่สำคัญ “ผลประโยชน์” ในการ”โกงชาติ” ด้วยวิธีการ”ทรานส์ซิส” นำน้ำมันจาก”มาเลเซีย” โดยอ้างไป”ประเทศที่สาม” แต่”ขายในประเทศไทย”มีผล”กำไร” มหาศาล ที่ “กรมศุลกากร” กระทรวงการคลัง ต้องมีการ”ควบคุม”อย่าง”เข้มงวด”…….โดยเฉพาะในวงการ นำเข้าน้ำมันจากประเทศมาเลเซียในรูปแบบ”ทรานส์ซิส” เป็น”ขวนการใหญ่” มีทั้งแต่”นักการเมืองระดับชาติ” มี”นายตำรวจ”เป็น”เครือข่าย” ระดับประเทศ  ในทุกภาค  เป็น “เครือข่าย” ที่มีผลกำไรปีละนับ”หมื่นล้าน”เรื่องนี้”ดีเอสไอ” ต้องให้ความ”สนใจ” ให้มากกว่านี้เพราะ”ดีเอสไอ” เป็นหน่วยงานเดียวที่”จัดการ”กับ”ขบวนการ”นี้ได้…..

@การตัดไม้ทำลายป่าใน “จังหวัดชายแดนภาคใต้” ยังเกิดขึ้นได้ทุกวัน ล่าสุด “พล.ต.ต. พิชญ์วุฒิ สงวนสมบัติศิริ” ผบก. ตชด. ภาค 4  นำกำลัง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตรวจสอบ พบการทำลายป่าใน พื้นที่ อ.กาบัง จ.ยะลา ในหลายหมู่บ้าน หลายตำบล มีทั้งการ”รุกป่า” เพื่อทำการ”เกษตร” มีทั้งการ”รุกป่าสงวนแห่งชาติ” เพื่อ”ตัดไม้”และ”แปรรูป” และมีทั้งการ”กรานต้นไม้ให้ยืนตาย” เพื่อรอการ”ตัดโค่น”ซึ่งมีรายงานจาก” ปปช.ภาค 9 ว่า จากการ”บินสำรวจ” พบป่าไม้ในพื้นที่ 3 จังหวัด ถูก”บุกรุก” ไปแล้ว “เก้าแสนกว่าไร่” การแก้ปัญหา”การรุกป่าสงวนแห่งชาติ” และ”การบุกรุกอุทยานแห่งชาติ” ลำพัง “ตำรวจ” ทหาร” และ”หน่วยอนุรักษ์ป่า” ยังไปได้ผล ตราบใดที่ยังไม่มอบหน้าที่ให้”ฝ่ายปกครอง” เข้า”รับผิดชอบ” ในการแก้ปัญหา ด้วยการดึงเอา”ผู้นำท้องที่” กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้ามาเป็น”ผู้รับผิดชอบ” หมูบ้านไหน ตำบลไหน มีการ “ตัดไม้ทำลายป่า” ต้อง”คาดโทษ” กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หมูบ้านไหน ตำบลไหน “ป้องกันป่า” ได้ผล มีการให้”ความชอบ” เช่นเดียวกับ”นายอำเภอ” อำเภอไหน ที่”ปล่อยปละละเลย” ไม่”ป้องกันป่า” ก็ต้องมีการ”ตัดแต้ม” และมีการ”พิจารณา” ส่วน นายอำเภอ อำเภอไหน ที่มี ผลงานในการ”ป้องกันป่า” ต้องได้”ความชอบ” ถ้าทำได้แบบนี้ การป้องกันป่า ในสามจังหวัด สี่อำเภอก็จะได้ผล ก็ฝากให้” อนุทิน ชาญวีรกุล” เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย” และ “รองนายกรัฐมนตรี” นำไป”พิจารณา”…… แล้วพบกันใหม่ ในวันศุกร์หน้า สวัสดีครับ

————————————————————-
ไชยยงค์ มณีพิลึก

เปิดมหกรรม  มุขตาร์ มะทา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา เปิดโครงการมหกรรมเครือข่ายสตรีท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง กลุ่มเครือข่ายสตรีจังหวัดยะลา 500 คน เข้าร่วม โดย จังหวัดยะลามีแกนนำสตรีและการรวมกลุ่มสตรีเกิดขึ้นมากมาย ณ สวนสาธารณะสนามช้างเผือก เทศบาลนครยะลา

ต้อนรับแขกเมือง  สมนึก พรหมเขียว ผวจ.สงขลา และคณะร่วมงานฉลองครบรอบ 79 ปีการประกาศอิสรภาพสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ภายใต้ธีม “นํซันตาราใหม่ ณ โรงแรม ลากูน่า แกรนด์ แอนด์สปาย อ.หาดใหญ่ จ,สงขลา

ยกระดับ. ดร. กมล รอดคล้าย  สมาชิกวุฒิสภา ที่ปรึกษาเครือข่าย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เปิดการประชุมสัมมนาเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการยกระดับคุณภาพการศึกษา พร้อมมอบเกียรติบัตรครูดีเด่น ทั้ง 6 โรง เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2567 ณ ศูนย์ประชุมสวนนงนุช พัทยา

ทำบุญ. วิสุทธิ์ สิงห์ขจรวรกุล อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ประธานชมรมข้าราชการบำนาญกระทรวงมหาดไทยภาคใต้ (สงขลา )บัญญัติ จันท์เสนะ อดีต รมช.มหาดไทย ภานุ อุทัยรัตน์ อดีตสมาชิกรัฐสภา และอดีตเลขาธิการ ศอ,บต.และสมาชิกชมรมร่วมงาน ณ.วัดชัยชนะสงคราม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยมี ไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภาคใต้ รวมด้วย

ต้อนรับ. มาหะมะพีกรี วาแม รอง ผวจ.สงขลา ให้การต้อนรับ ปาร์ค ยงมิน เอกอัครราชฑูตสาธารณรัฐเกาหลี ประจำประเทศไทย ในโอกาสมาเยือน จ.สงขลา อย่างเป็นทางการ  ณ ห้องรับรองศาลากลางจังหวัดสงขลา

แข่งนก. วิชัย เรืองเริงกุลฤทธ์ นายกสมาคมนกเขาชวาเสียงภาคใต้ ร่วมงานการแข่งขันนกเขาชวาครั้งที่ 9 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ณ สนามเทศบาลตำบลรือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส

แนะแนว. วิสันต์ ประเสริฐศรี  ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต.เป็นประธาน จัดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาต่อในประเทศ แก่เยาวชนชายแดนใต้ สร้างการรับรู้ ปัญหา อุปสรรค และใบเบิกทางสู่อาชีพในอนาคต ณ ห้องประชุมโรงแรมซีเอส อ.เมือง จ.ปัตตานี

พัฒนาคุณภาพชีวิต.    ปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองเลขาธิการ ศอ,บต.ร่วมรับฟังความคิดเห็น ในกิจกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิต กลุ่มมูวัลลัด เตรียมป้อนสู่ตลาดแรงงาน สร้างงานสร้างอาชีพ ณ ห้องประชุมน้ำพราว โรงแรมซีเอส จ.ปัตตานี

a9เปิดอาคาร.  โรงพยาบาลหาดใหญ่ จ,สงขลา  เปิดอาคารพักฟื้นผู้ป่วยมะเร็งและญาติ อาคาร “เมตตาธรรม ดร.สุธาสินี นิติสาครินทร์” ณ โรงพยาบาลหาดใหญ่-นาหม่อม ภายใต้ระบบสาธารณสุขอย่างครบวงจร ให้สามารถเข้าถึงบริการอย่างมีคุณภาพ

ความสำเร็จ.   ขอแสดงความยินดีกับ สท.ประยงค์ ธรรมโชติ. ในโอกาสทีได้สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีและเข้ารับปริญญาบัตร  ณ  มหาวิทยาลัยราชภัฎสงขลา. ท่ามกลางความยินดีของ ญาติสนิทมิตรสหาย ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา

ฝึกซ้อม.   ผศ.ดร.ศิริชัย นามบุรี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เป็นประธานในการฝึกซ้อม พร้อมมอบชุดครุยวิทยฐานะ และร่วมแสดงความยินดีกับผู้ทรงคุณวุฒิ ที่สภามหาวิทยาลัยมีมติให้ประสาทปริญญา กิตติมศักดิ์ ดุษฎีบัณฑิต มหาบัณฑิต และบัณฑิต โดยมี กรรมการสภามหาวิทยาลัย ผู้บริหาร แขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วม  ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติฯ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา

เปิดกิจกรรม.  พงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา เปิดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพและประสิทธิภาพการดำเนินงานองค์กรผู้สูงอายุ ตามโครงการสนับสนุนการดำเนินงานองค์กรฯ ประจำปีงบประมาณ 2567 โดยมี คณะผู้บริหารเทศบาลฯ ได้อบรมให้ความรู้ ชี้แจงระเบียบข้อบังคับ บทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการบริหาร และเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารชมรมผู้สูงอายุเทศบาลนครยะลา เพื่อเป็นการปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพ ณ ห้องประชุมอุทยานการเรียนรู้ เทศบาลนครยะลา

ร่วมงาน.  อมร ชุมช่วย นายอำเภอเบตง จ.ยะลา พร้อมด้วย กชวรรณ ชุมช่วย นายกกิ่งกาชาด อ.เบตง และหัวหน้าส่วนราชการอำเภอเบตง เข้าร่วมงานเทศกาลเปิงกาลันฮูลู 2024 เนื่องในวันเฉลิมฉลองเอกราช (วันชาติของประเทศมาเลเซีย) ณ  บริเวณสวนสาธารณะกิ่งอำเภอเปิงกาลันฮูลู รัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ

ติดตามโครงการ.  รื่นวดี สุวรรณมงคล ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 6 ประธาน ก.ธ.จ.ตรัง ลงพื้นที่พร้อมคณะกรรม และที่ปรึกษา กธจ.ตรัง ติดตาม โครงการปรับปรุงผิวชราจรเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ถนนในสวนพฤกษศาสตร์ทุ่งค่าย จ.ตรัง ตอนที่ 2 ต.ทุ่งค่าย อ.ย่านตาขาว ผิวจราจรแบบแอสฟัลติกคอนกรีต ขนาดผิวจราจรกว้าง 6.00 เมตร ไม่มีไหลทาง ระยะทาง 5.600 กิโลเมตร ในงบประมาณ 28’710,000 บาท โดยมี ดำรงค์ ปลอดปล้อง นายช่างโยธาชำนาญการ แขวงการทางหลวงชนบทตรังชี้แจง

มอบเกียรติบัตร.  โชคดี คีรีกิ้น รองนายก อบจ.ตรัง เป็นประธานในพิธีมอบเกียรติบัตรแก่ชมรมผู้สูงอายุเข้มแข็ง 4 อำเภอ 20 ชมรม ประจำปี 2566 ณ กองสาธารณสุข อบจ.ตรัง มีการมอบเกียรติบัตรให้แก่ชมรมผู้สูงอายุเข้มแข็งในพื้นที่จังหวัดตรัง จำนวน 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอห้วยยอด อำเภอสิเกา อำเภอปะเหลียน และอำเภอรัษฎา โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

อบรม,  พัทธนันท์ นิลพัฒน์  ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 2 (สพป.ตรัง เขต 2) เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการโครงการเสริมสร้างศักยภาพครูปฐมวัยเพื่อการพัฒนาทักษะทางสมอง (Executive Function : EF) ในการป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา โดยมี สุเมตตา คงสง ผอ.กลุ่มนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการศึกษา คณะกรรมการดำเนินงานฯ ศึกษานิเทศก์ สพป.ตรัง เขต 2 ครูผู้สอนระดับการศึกษาปฐมวัยของโรงเรียนทุกโรงในสังกัด เข้าร่วม ณ ห้องประชุมโรงเรียนห้วยยอด (กลึงวิทยาคาร)

เปิดหลักสูตร,   พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 /ผอ.รมน.ภาค 4 เปิดหลักสูตรการฝึกเตรียมความพร้อมให้กับผู้บังคับหน่วยในระดับผู้บังคับกองร้อย ผู้บังคับหมวด ที่จะเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปีงบประมาณ 2568  และได้เยี่ยมชมฐานสาธิตต่างๆ ที่ใช้ในการฝึกครั้งนี้ พร้อมนำประสบการณ์ในการปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ผ่านมา  ณ หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 42 อ.นาทวี จ.สงขลา