พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่สุดฮือฮา หลังจากที่ประชุมสส.ร่วมกับคณะกรรมการบริหารพรรคฯ (กก.บห.) มีมติด้วยเสียงขาดลอยตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลผสม ซึ่งนำโดย “พรรคเพื่อไทย” ที่เป็นคู่แข่งทางการเมืองมายาวนานตั้งแต่สมัย“อดีตพรรคไทยรักไทย” ปรากฏการณ์ที่ว่านี้เกิดเสียงสะท้อนหลากหลายจากสังคม โดยส่วนใหญ่เป็นเสียงคัดค้าน เสียงวิพากษ์วิจารณ์รุนแรง “คอลัมน์ตรวจการบ้าน” จึงต้องมาสนทนากับ “ชัยชนะ เดชเดโช” สส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลภาคใต้ ถึงปฏิกิริยาดังกล่าว และการก้าวเดินของพรรคนับจากนี้
“ชัยชนะ”แม่ทัพภาคใต้ของค่ายสีฟ้า กล่าวยืนยัน ว่า เรารับฟังทุกคำแนะนำ ทุกเสียง และน้อมรับทุกคำติชม แต่ต้องยอมรับว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่มีประชาชนให้ความสนใจมากพอสมควร และเป็นพรรคการเมืองที่มีทางเลือกไม่กี่ทาง ค่อนข้างจะมีจุดยืนทางการเมืองที่แคบมากสำหรับประชาชนที่ติดตามอยู่ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2562 ในวันที่เราร่วมรัฐบาลของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เราโดนตำหนิว่าสืบทอดอำนาจเผด็จการ และหลังจบการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 อดีตพรรคก้าวไกล ได้คะแนนอันดับ 1 ก็มีข่าวว่าปชป.จะไปร่วมรัฐบาลกับเขา เราก็โดนตำหนิว่า จะร่วมรัฐบาลกับพรรคที่มีนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พอจะไปร่วมกับพรรคเพื่อไทย ก็บอกว่าไม่ได้ ถ้าจะไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ ก็บอกกันว่าไม่ได้ พอเราทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ก็ถูกตำหนิอีกว่าเป็นฝ่ายค้านได้ดีแค่ไหน แล้วแบบนี้ปชป.มีช่องไหนที่เราได้เดินไปได้
แม้มีคนที่ชอบปชป.แต่ไม่สบายใจต่อเรื่องนี้ แต่ก็มีคนที่มองว่าประเทศต้องก้าวข้ามความขัดแย้งและเดินหน้าพัฒนาประเทศ ดังนั้น นับตั้งแต่นี้ สิ่งที่เราควรทำคือ เราต้องก้มหน้าทำงานเพื่อพิสูจน์ผลงานให้ประชาชนเห็นว่าเส้นทางที่มติเสียงส่วนใหญ่ในพรรคให้ร่วมรัฐบาล จะเสริมสร้างให้พรรคกลับมาเป็นที่นิยมเหมือนเดิมได้หรือไม่
@ ปชป.ร่วมรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่ถูกมองว่าผลงานยังไม่เข้าตาประชาชน ส่งผลต่อพรรคในการเลือกตั้งเมื่อปี2566 การร่วมรัฐบาลครั้งใหม่นี้ จะลบคำสมประมาทอย่างไร
ทุกสถานการณ์เปลี่ยนแปลงได้ตลอด การเมืองมีการเปลี่ยนแปลงรายวัน และผลที่จะตอบได้ดีที่สุด คือ ผลการเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าเราทำงานแล้ว และผลการเลือกตั้งครั้งหน้าออกมาว่าเราได้สส.เยอะกว่า 25 ที่นั่ง นี่จะเป็นคำตอบที่ชัดเจน การแข่งขันทางการเมืองในวันนี้ คือการแข่งขันทางความคิด ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีก 2 ปีกว่า ทุกพรรคพยายามสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด
@ ปชป.แถลงเงื่อนไข 4 ข้อในการร่วมรัฐบาล คิดว่าพรรคเพื่อไทยจะรับไปใส่นโยบายรัฐบาลหรือไม่
เรานำเสนอเงื่อนไขไว้ว่า 1.ถ้ารัฐบาลมีการทุจริตคอรัปชั่น เราพร้อมถอนตัวจากรัฐบาล 2.เราผลักดันให้มีการกระจายอำนาจ และกระจายงบประมาณให้ส่วนท้องถิ่น 40 เปอร์เซ็นต์ 3.ต้องแก้ปัญหาที่ดินทำกินของประชาชนที่ทับซ้อนกับเขตป่าไม้หรือที่ดินของรัฐ 4.เรื่องสินค้าเกษตร เมื่อสังคมก็ได้ทราบว่าเป็นการนำเสนอจากเราไปสู่รัฐบาล เพื่อให้บรรจุในร่างนโยบาย ถ้ารัฐบาลทำสำเร็จ รัฐบาลบอกว่าเป็นผลงานของเขาได้ แต่เราก็ยึดหลักว่าเราเป็นคนริเริ่มมา ผมคิดว่าสุดท้ายแล้วอยู่ที่ประชาชนเชื่อมั่นใครมากกว่า จึงขอให้ให้โอกาสเราทำงานให้ดูก่อน
@ ทีมผู้บริหารปชป.ถูกปรามาสว่าอาจเกิดตราบาปจากเรื่องนี้ที่อาจทำให้พรรคได้สส.ต่ำสิบหรือสูญพันธุ์ในการเลือกตั้งข้างหน้า
ในการแข่งขันทางการเมือง ทุกพรรคเป็นคู่แข่งขันกันอยู่แล้ว อย่ามองว่าเสียสัจจะเพราะเคยเป็นคู่แข่งกันแล้วเปลี่ยนมาทำงานร่วมกัน ผมขอถามว่าที่ผ่านมา เคยมีกรณีที่พรรคเราไปร่วมกับคู่แข่งขันตั้งเยอะ วันที่เราเป็นรัฐบาลเมื่อปี 2540 ปชป.ก็ไปเอาพรรคประชากรไทยมาส่วนหนึ่ง แต่เราก็เป็นคู่แข่งกับพรรคนี้ในกรุงเทพฯ จึงต้องย้อนกลับมาดูประวัติศาสตร์ว่าที่เราเคยร่วมรัฐบาลนั้น เราอยู่ร่วมกับพรรคที่เคยเป็นคู่แข่งขันใช่ไหม ผมไม่ได้มองว่า จะเป็นตราบาป แต่นี่คือการตัดสินใจร่วมกันของคนในพรรค ถ้ากก.บห.ชุดนี้นำพรรคไปร่วมรัฐบาลแล้ว ในการเลือกตั้งครั้งหน้าเราได้สส.ต่ำกว่าเดิม ก็ต้องลาออกจากตำแหน่ง
คำปรามาสที่ว่าเราจะสูญพันธุ์หรือจะต่ำสิบ เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2562 ผมขอถามว่าคนที่พูดอย่างนั้น เขาเลือกปชป.หรือเปล่า ถ้าแฟนคลับที่ออกมาพูดตอนนี้เลือกปชป.ทั้งหมดในการเลือกตั้งรอบที่ผ่านมา เราก็คงไม่เหลือ 900,000 คะแนน ในอดีตเขาเคยเลือก เคยชอบปชป. เราไม่โต้เถียงอยู่แล้ว แต่ควรให้โอกาสเราได้ทำงาน เพราะวันนี้เรายังไม่ได้เริ่มต้นทำงานกับรัฐบาล แต่ถ้าเราได้เริ่มทำงานแล้ว ผลออกมาไม่ดีเหมือนกับที่พูด กก.บห.พรรคต้องพิจารณาตัวเอง ไม่รอให้ถึงการเลือกตั้ง
ผมยืนยันว่าปชป.ไม่มีวันสูญพันธุ์จากการเมืองไทย ต้องมองกันแบบแฟร์ๆ จะสูญพันธุ์ได้อย่างไร ในเมื่อปชป.เป็นสถาบันการเมืองหลักของประเทศ แล้วมีคนอยู่ในพรรค ทุกครั้งที่เราร่วมรัฐบาลก็มีคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย รวมถึงในฝ่ายที่โหวตไม่เห็นด้วยกับการร่วมรัฐบาล ก็มีคนที่ได้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรี ทั้งนี้ไม่มีความคิดของใครที่ผิด แต่อยู่ที่ว่าจะเอาแต่ละความคิดมาใช้ในสถานการณ์ไหน
@ พรรคเพื่อไทยดึงปชป.ร่วมรัฐบาล ถูกมองว่าเป็นเกมเอาคืนของอดีตนายกฯ “ทักษิณ ชินวัตร”
เป็นการมองแบบมีอคติ ผมเป็นคนรุ่นใหม่ ผมคิดว่าเราต้องมองแบบเปิดกว้าง ทุกคนเราต้องร่วมมือกันได้ ส่วนคุณทักษิณไม่ใช่นายกรัฐมนตรี แม้เป็นพ่อของนายกฯ เป็นบุคคลในแวดวงการเมือง และมันไม่ใช่การแก้แค้น ไม่ใช่การสลายใดๆ แต่สิ่งที่เป็นในวันข้างหน้านั่นคือคำตอบที่ดีที่สุด ถ้าผมตอบวันนี้ว่าใช่ แล้วต่อมามันไม่ใช่ ผมจึงคิดว่าเวลาเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
@ ฝ่ายเสียงข้างน้อยในปชป.บอกว่าแม้เป็นฝ่ายค้าน ก็สามารถทำผลงานได้
ผมไม่ปฏิเสธว่าเป็นฝ่ายค้านก็สร้างผลงานได้ แต่ในเมื่อสมาชิกพรรคส่วนใหญ่เชื่อว่าการไปเป็นรัฐบาลจะทำได้มากกว่า ผมจึงบอกว่าไม่มีความคิดของใครผิดหรือถูก แต่อยู่ที่ว่าสถานการณ์นี้เวลานี้เป็นแบบไหน มันแล้วแต่มุมมอง.