จะว่าไปแล้วการคว้าตัว “มิเกล เมริโน” จากรีล โซเซียดัด ถือเป็นดีลที่ไม่ปกตินักสำหรับอาร์เซนอล นั่นเพราะเมริโนมีอายุ 28 ปี ซึ่งมันขัดกับนโยบายยุค มิเกล อาร์เตตา ที่เน้นเซ็นสัญญานักเตะอายุน้อยเพื่อมองอนาคตกันยาวๆ นอกจากนี้การควักเงิน 37.5 ล้านยูโรทั้งที่นักเตะเหลือสัญญาอีกแค่ 12 เดือน ทำให้ทีมต้องทบทวนกันหนักมาก

ก่อนหน้านี้ เลอันโดร ทรอสซาร์ คือนักเตะอายุ 28 ปีคนสุดท้ายที่อาร์เซอลซื้อมาในเดือนม.ค. 2023 และทรอสซาร์แสดงให้เห็นว่ามีส่วนสำคัญต่อพัฒนาการของ “ปืนใหญ่” ตลอด 18 เดือนที่ผ่านมา ด้วยประสบการณ์ ความหลากหลาย และคุณภาพที่ยอดเยี่ยม

ในที่สุดอาร์เซนอลก็ตัดสินใจซื้อเมริโน พวกเขาเชื่อว่านี่จะเป็นดีลที่คุ้มค่า เชื่อว่าเมริโนอาจหมายถึงจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญต่อการช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ถ้วยพรีเมียร์ลีก

มิเกล อาร์เตตา ติดตามฟอร์มของเมริโนมาหลายปี เจ้าตัวเองก็รับรู้ว่าเป็นที่ต้องการของอาร์เซนอล เขาแจ้งต้นสังกัดตั้งแต่ช่วงฤดูหนาวปี 2023 ว่าฝันจะกลับไปพรีเมียร์ลีก กระทั่งเดือนก.ค. อาร์เซนอลจึงเริ่มทาบทาม แม้โซเซียดัดไม่อยากขาย แต่พวกเขารู้ว่าสุดปัญญาจะต่อต้านความปรารถนาอันแรงกล้าของเมริโน และการย้ายทีมมันก็เกิดขึ้น

เมริโน จำเป็นแค่ไหน?

ย้อนไปซัมเมอร์ก่อนที่อันที่จริงอาร์เตตาเคยพูดไว้แต่แรกว่าต้องการให้ไค ฮาแวร์ตซ์เป็นมิดฟิลด์ แต่สุดท้ายก็ยอมรับว่าไคทำได้ดีกว่าในบทบาทกองหน้า กระนั้นไคก็เชื่อมเกมโดดเด่น ชาญฉลาด อึด ขยันและ แข็งแกร่ง เช่นเดียวกับ เดแคลน ไรซ์ ที่เดิมทีอาร์เตตาต้องการให้เล่นในตำแหน่งเบอร์ 6 แต่นานไปไรซ์ก็กลายเป็นมิดฟิลด์เบอร์ 8 ฝั่งซ้าย จึงเหลือกลางเบอร์ 6 แค่จอร์จินโญและโธมัส ปาร์เตย์ ที่ต่างเหลือสัญญาปีเดียว

อาร์เตตา จึงอยากได้เมริโนมากขึ้นไปอีก แต่เขาไม่ได้มองเมริโนเป็นแค่กองกลางเบอร์ 6 แต่มองถึงตำแหน่งเบอร์ 8 ก็ด้วย เนื่องจากเมริโนสามารถครองบอลได้ดี สายตากว้างไกล อีกทั้งเด่นเรื่องลูกกลางอากาศที่จะทำให้อาร์เซนอลจากที่เก่งเรื่องลูกตั้งเตะอยู่แล้วก็จะยิ่งทวีความอันตรายขึ้นไปอีก

อาร์เซนอล กลายเป็นทีมที่แกร่งทั่วแผ่น เพื่อไปสู่เป้าหมายยิ่งใหญ่ที่สุดด้วยการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่นั่นก็ต้องไปถาม แมนฯ ซิตี และทีมอื่นๆ ด้วยว่าพวกเขาจะยอมยกถ้วยให้ง่ายๆ หรือไม่
เฮียเอง