หลังจากรัฐบาลชุดใหม่ แถลงนโยบายการทำงานต่อรัฐสภาเสร็จเรียบร้อยแล้ว คาดว่าประมาณกลางเดือน ก.ย. นี่แหละ!

หลังจากนั้น น..แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องเตรียมตัวรับศึกหนัก! หลายด้านที่นอกเหนือไปจากการบริหารราชการแผ่นดิน และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้พี่น้องประชาชน

ไม่ว่าจะเป็นศึกจากพรรคพลังประชารัฐ กรณีถูกลอยแพออกไปเป็นฝ่ายค้าน ศึกจากผู้อาวุโสพรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกปั่นป่วนจนพรรคประชาธิปัตย์แทบแตก! หลังจากพรรคเพื่อไทยมีการเทียบเชิญให้เข้าร่วมรัฐบาล ไหนจะศึกจากพรรคเล็ก พรรคน้อย มีสส.แค่คนเดียว แต่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ก็มีอารมณ์ขุ่นเคืองด้วย!

ขณะที่ “นักร้องขาประจำ” เตรียมยื่นสอยนายกฯ เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว รวมทั้งคุณสมบัติของรัฐมนตรีบางคน ผ่านทางกกต. และป.ป.ช. ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ

ศึกในสภาคงไม่หนักหนาเท่าไหร่ เนื่องจากนายกฯ แพทองธารมี “ตัวช่วย” เยอะ! แต่ศึกนอกสภานี่สิ! เหนื่อยแน่ เพราะหลายกรณีอยู่นอกเหนือกฎกติกา รัฐบาลควบคุมสั่งการไม่ได้ และไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าการเมืองจะเดินมาถึงจุดที่นายกฯต้องพ้นจากหน้าที่ จากการวินิจฉัยเรื่องคุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ จากปมปัญหา “คุณสมบัติ” เมื่อ 15 ปีที่แล้วของบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี

ในช่วงเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา การเมืองนอกสภานำพาไปสู่การรัฐประหาร 2 ครั้ง ฉุดประเทศถอยหลังเข้าคลอง เพราะมีการยุบพรรคการเมืองเกือบ 10 พรรค ถอดถอนนายกฯ ออกจากตำแหน่ง 4 คน ตัดสิทธินักการเมือง (สส.) นับร้อยคน คณะรัฐประหารแต่งตั้ง สว.และพรรคการเมืองขึ้นมาเอง เพื่อสืบทอดอำนาจ แล้วร่างรัฐธรรมนูญแบบมัดมือชก!

ตั้งแต่การรัฐประหารปี 49 ต่อเนื่องมาถึงการรัฐประหารปี 57 ทำให้คนไทยแตกแยกกันหนัก สภาพสังคมและความเป็นอยู่ระหว่างคนรวยกับคนจนเหลื่อมล้ำมากขึ้น ไหนจะปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำต่อเนื่องมา 9-10 ปี ซึ่งมีผลสำคัญทำให้ประเทศไทยมี “อัตราเด็กเกิดใหม่ต่ำ” อย่างน่าใจหาย! โดยมียอดการเกิดน้อยกว่ายอดการตายหลายหมื่นคนในช่วงปี 64-65

เนื่องจากคนหนุ่ม-สาวไม่อยากแต่งงาน หรือตัดสินใจแต่งงานกันช้ามากขึ้น เมื่อแต่งงานไปแล้วก็ไม่ค่อยอยากจะมีลูกให้เป็นภาระ เพราะปัญหาสภาพแวดล้อมทางสังคม ปัญหาเศรษฐกิจ รายได้โตไม่ทันกับรายจ่ายในชีวิตประจำวัน รวมทั้งหนี้สินพุ่งพรวด ทำให้รัฐบาลต้องคิดทำโครงการ “มีลูกเพื่อชาติ”

ช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารของอดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน เริ่มมองเห็นสัญญาณบวกทางเศรษฐกิจหลาย ๆ ด้าน ตั้งแต่ภาคการท่องเที่ยว การลงทุน การส่งออก ราคาสินค้าเกษตร จีดีพีไตรมาส 2/67 ดีกว่าที่คาดการณ์ ขนาดผู้ว่าการแบงก์ชาติยังมองว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวต่อเนื่อง

ดังนั้นจึงต้องขอร้องไปยังนักการเมืองผู้อาวุโสทั้งหลาย ท่านต้อง ละ โลภ โกรธ หลง ลงบ้าง! รวมทั้งนักร้องขาประจำ ถ้าไม่เห็นแก่ใคร ก็ควรเห็นกับประเทศเถอะ!

ต้องช่วยกันลากการเมืองให้เข้ามาอยู่ในสภา อย่าลากออกไปเล่นนอกสภากันบ่อย ๆ ประเทศจะพัง! เพราะนักลงทุนที่ไหนเขาจะเชื่อมั่นประเทศไทย!!.

……………………………………
พยัคฆ์น้อย

อ่านบทความทั้งหมดที่นี่…