@ภาพใหญ่ของ”การเมืองไทย” ณ วันนี้ยังมี”ฝุ่นตลบอบอวล” การจัดตั้ง”คณะรัฐบาล”เพื่อเข้าบริหารประเทศ ของ”นายกรัฐมนตรี” คนที่ 31 ที่มี “แพทองธาร ชินวัตร” เป็น”ผู้กุม”บังเหียน” ของ”ประเทศไทย” ในตำแหน่ง”นายกรัฐมนตรี” ยัง”ไม่นิ่ง” คนไทยทั้งประเทศที่ติดตาม”ข่าวสาร”ต่าง”ใจจดใจจ่อ” เพราะต้องการให้”ประเทศไทย” มี”ครม. “เพื่อให้ประเทศไทย”เดินหน้า” เพื่อ”แก้ปัญหา” ของ”ประเทศชาติ” โดยเฉพาะในเรื่องของ”ปาก –ท้อง “ และ”เศรษฐกิจ” โดยรวมของประเทศ ที่ยิ่งนานวันยิ่ง”ย่ำแย่” และไม่เห็น” อนาคต”ของตนเอง และของประเทศชาติ……แต่ โดยข้อเท็จจริง คงเป็นเรื่องยากที่การ”จัดตั้งรัฐบาล” จะทำได้อย่าง”รวดเร็ว” ตามความต้องการของ”ประชาชน” เพราะการจัดตั้ง”รัฐบาล” ครั้งนี้มีเรื่องของ”จริยธรรม” ที่”ศาลรัฐธรรมนูญ” ใช้ในการ”ตัดสิน” ให้”เศรษฐา ทวีสิน” พ้นจากตำแหน่ง”นายกรัฐมนตรี” เข้ามาเกี่ยวข้อง คำว่า”จริยธรรม” เป็น”ข้อกำหนด” ที่”กว้างไกล” จนทำให้ “สส.” ทุกคนที่แต่ละ”พรรคการเมือง” ส่งเข้า”ประกวด” ในตำแหน่ง”เสนาบดี” ต้องมีการ”ตรวจสอบ” อย่าง”ละเอียดรอบคอบ” เพราะหากเกิดการ”ผิดพลาด” ผลกระทบไม่ได้ตกอยู่กับ”สส.” เพียงฝ่ายเดียว แต่เกิดกับผู้ทำหน้าที่”แต่งตั้ง” นั้นคือ”นายกรัฐมนตรี” ดังนั้นถ้าเกิดผิดพลาด “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีต้อง”กระเด็นกระดอน” จากตำแหน่ง”นายกรัฐมนตรี”ด้วย…..
@รวมทั้งยังมีปัญหาของ”สองพรรคการเมือง” ที่ต้องการเข้าร่วม”รัฐบาล” ทั้ง” พลังประชารัฐ” ของ”ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ ที่ยังไม่หยุดในการ”เล่นเกม”กับ”ก๊วน”ของ”ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เพื่อการ”ทำล้ายล้าง” ซึ่งกันและกัน รวมทั้งการ”พยายาม” เข้าร่วม”รัฐบาล” ของ”พรรคประชาธิปัตย์” ของ” เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน” ที่ถูก”สื่อ”ตั้งฉายาให้เป็น”พรรคอะไหล่” หรือ”ยางสแปร์” ที่ต้องการเข้าร่วม”รัฐบาล”ให้ได้ โดยไม่อยากที่จะ”รอ” เป็น”พรรคอะไหล่” อีกต่อไป ซึ่งทั้ง 2 พรรค ใครจะ”เข้าวิน” ได้เป็น”พรรคร่วม” หรือไม่เป็น”ทั้งสองพรรค” ก็อยู่ที่การ”ตัดสินใจ” ของ”ผู้นำพรรคตัวจริง” อย่าง” ทักษิณ ชินวัตร” ที่วันนี้ไม่มีการ”เหนียมอาย” ที่จะบอกสังคมว่า ตนเองคือ”ผู้นำ” ตัวจริงของ”รัฐบาลอิ๊งค์ 1 “……แต่ไม่ว่า”พลังประชารัฐ” และ”ประชาธิปัตย์” จะได้เข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่อย่างไร สิ่งที่พรรคการเมืองทั้งสองพรรค ได้รับคือความ”ยับเยิน” ของ”สองพรรคการเมือง” ที่ถูก”เกมการเมือง”ของ”ทักษิณ ชินวัตร” ทุบทำลาย จนเสียหายอย่าง”ยับเยิน” โดยเฉพาะพรรคการเมือง”เก่าแก่” อย่าง”ประชาธิปัตย์” ที่มี”ชวน หลีกภัย” ถูก” สื่อ” เชิญไป”ออกรายการ” และ”สัมภาษณ์” ถึงความ”ขัดแย้ง” ภายในพรรค จนเป็นข่าวที่”เละตุ้มเป๊ะ” ในสายตาของ”ชวน หลีกภัย” เห็นว่าถ้า”ประชาธิปัตย์” เป็น”ต้นไม่ประชาธิปไตย” วันนี้”ต้นไม้ต้นนี้” มี”หนอนบ่อนทำลาย” อยู่ภายในต้นไม้ แต่การที่”ชวน หลีกภัย” พยายาม “กำจัดหนอนบ่อนทำลาย” ต้น”ไม้ประชาธิปไตย” เป็นเหมือนการใช้”ขวานฟัน” ต้นไม้ดังกล่าว ซึ่งสุดท้ายนอกจาก”หนอนไม่ตาย” แล้ว” ต้นไม้ประชาธิปไตย” ก็มี”แผลเหวะหวะ” จาก”คมมีดโกน” ของ”ชวน หลีกภัย” ไปด้วย”…..
@เช่นเดียวกับ”วิธีการ” ทำลาย”พรรคพลังประชารัฐ” ที่ถ้าเปรียบ”พรรคพลังประชารัฐ” เป็น”กอไผ่” ฝ่ายที่”เดินเกม” เพื่อการทำลาย” ก่อไผ่กอนี้” ด้วยการนำ”ต้นไผ่” มาทำเป็นด้ามของ”มีดพร้า” เพื่อใช้ในการ”ฟาดฟัน” กอไผ่ ที่ชื่อ” พลังประชารัฐ” ให้”ย่อยยับ” และ หลังจากนี้ไป ไม่ว่าทั้ง”สองพรรค” จะได้”เข้าร่วมรัฐบาล” หรือไม่ก็ตาม” แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ”พรรคการเมืองทั้งสองพรรค” ถูก “เกมการจัดตั้งรัฐบาล” ทำให้”อ่อนแอ” และจะไม่”เหมือนเดิม” อีกต่อไป โดยเฉพาะ”พลังประชารัฐ” ที่ใน “อนาคต” ในการ”เลือกตั้ง” ใน”สมัยหน้า” ยังจะเหลือเพียง”ตำนาน” และ”และอาจจะเป็นการ”ปิดฉาก 3 ป” และปิดฉากของคำว่า”บูรพาพยัคฆ์” อย่างสิ้นเชิง และเป็นไปอย่างที่”อิ๊งค์” เคย”หาเสียง”เอาไว้ว่า” มีเราไม่มีลุง” ซึ่ง”เธอทำได้จริง” จาก “เกมการเมือง” ณ วันนี้ที่ 3 ปี กำลังจะเป็น”ตำนาน”ทางการเมือง …..แต่ เชื่อเถอะ หลังจาก “แถลงนโยบาย”ของ”รัฐบาล” ที่อย่างเร็วก็ “กลางเดือนกันยายน” สิ่งที่ตามมา คือจะมี”นักร้อง” เป็นจำนวนมาก ที่”พาเหรด” เข้าร้องเรียนกับ”องค์กรอิสระ” เพื่อให้”เอาผิด” กับ”แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี และ “รัฐมนตรี” กระทรวงต่างๆ ที่มี”ข้อมูล” ในเรื่องของการผิด “จริยธรรม” ซึ่งจะกลายเป็น”อุปสรรค” ที่เป็นการทำลาย”เสถียรภาพ”ของ”รัฐบาล” และสร้างความ”ไม่มั่นใจ” ให้กับ”ต่างชาติ” ต่อ นโยบาย ของประเทศไทย และใน”จุดแข็ง” ที่”รัฐบาลอิ๊งค์ 1 “ มี”ทักษิณ ชินวัตร” ผู้เป็น”บิดา” เป็นเหมือน”เกราะ” ในการ”ป้องกัน”ภยันตราย และเป็น”มันสมอง”ในการ”ขับเคลื่อน” การบริหารประเทศ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็น”จุดอ่อน” ทั้งกับ”รัฐบาล” และกับ”นายกรัฐมนตรี” จากการที่ถูก”นักร้อง, นักกฎหมาย,นักวิชาการ”ร้องในเรื่องของการ”ครอบงำ” รัฐบาล ซึ่งยิ่ง” ทักษิณ ชินวัตร” ออก”สื่อ” เพราะ แสดงความ”คิดเห็น” เกี่ยวกับเรื่อง”การเมือง” มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้”บดบัง” ความรู้ความสามารถของ”นายกรัฐมนตรี” แพทองธาร ชินวัตร” ไปเท่านั้น…..
@แต่อย่างไรก็ตาม วันนี้”ชาวบ้านร้านช่อง” ต่าง”หายใจโล่งอก” ใน กรณีที่ฝากความหวังไว้กับ”ดิจิตัลวอลเล็ต” ที่ “รัฐบาล” ชุดนี้ ยังคง”เดินหน้าต่อ” ด้วยวิธีการ”แจกเงินสด” สำหรับกลุ่ม”เปราะบาง” และเป็นเงิน”ดิจิตัล” สำหรับ”ประชาชน” ทั่วไป ที่อายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป โดยอยู่ใน”เงื่อนไข” ที่”รัฐบาลกำหนด” .ซึ่งเป็น”ทางออก” ที่”ประชาชน”พอใจ และ”พรรคเพื่อไทย” ก็ได้ทำในเรื่อง”คะแนนเสียง” และการ”รักษาสัญญาประชาคม” ที่”หาเสียง” ไว้ ส่วน”หนี้สิน” จากการ”กู้เงิน” ก็เป็น”หน้าที่”ของ”ประชาชน” ทุกคน ทั้งที่”มีสิทธิ์” และ”ไร้สิทธิ์” ในการ”แจกเงิน” คนละ 10,000 บาท ที่จะเป็น”ลูกหนี้”เงินกู้ครั้งนี้โดยถ้วนหน้า และ สิ่งที่ต้อง”ติดตาม” และ”ตรวจสอบ” คือ การ”แจกเงิน” ครั้งนี้จะทำให้”เศรษฐกิจ”ของ”ประเทศ” ฟื้นคืนมา ตาม”ทฤษฎี” ของนัก”เศรษฐศาสตร์” จริงหรือไม่ ถ้าไม่เป็นจริง ก็ถือว่า” เป็นกรรม” ของประเทศและของ”คนไทย”ทุกคน…..
@ถ้ามองในสิ่งที่ดี สำหรับ”รัฐบาลอิ๊งค์ 1 “ คือ แต่ละกระทรวงยังเป็น”ผู้บริหารคนเดิม” หรือ” เสนาบดี”คนเก่า ยังทำหน้าที่ในการ”บริหาร”ต่อไป ซึ่งทำให้มีการ”ทำหน้าที่อย่างต่อเนื่อง” ในการ”ขับเคลื่อน” งานของแต่ละกระทรวง เช่น”กระทรวงยุติธรรม” ที่ 1 ปี ที่ผ่านไป “พ.ต.อ.ทวี สองส่อง” เสนาบดี” ได้ทำหน้าที่ในการแก้ปัญหาด้าน”ความเป็นธรรม” ในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องของ”หนี้ กยศ.”และ”มหกรรมแก้หนี้”เพื่อให้” “เจ้าหนิ้” ที่เป็น “สถาบันการเงิน” ได้มีโอกาสในการพบกับ”ลูกหนี้” เพื่อทำการ”ไกล่เกลี่ย” โดยไม่ต้อง เดินทางมายัง”ส่วนกลาง” ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่”ลูกหนี้” ต่าง “พึงพอใจ” เช่นเดียวกับ”กระทรวงแรงงาน” ที่”จับกัง 1 “ พิพัฒน์ รัชกิจประการ” เสนาบดี” ผลักดันให้”กรมทุกกรม” ในกระทรวงแรงงาน มี “ผลงาน” ในการ”ช่วยเหลือแรงงาน” และในการแก้ปัญหาเรื่อง”แรงงานเถื่อน” ที่มี”ผลงาน” เป็นเชิง”ประจักษ์” ที่ต่าง”จับต้องได้” นี้คือ”จุดแข็ง” ของ”รัฐบาลอิ๊งค์1“ ที่มีการทำงานอย่าง”ต่อเนื่อง” โดยไม่ต้องรอให้มีการ”แถลงนโยบาย” แล้วค่อยเริ่มงาน อย่างการตั้ง”รัฐบาล” ใหม่ที่”เสนาบดี” ต้องใช้เวลาในการ”ศึกษา”และการเป็น” เสนาบดีฝึกงาน”……
@เรื่องของ”พลังงาน” ยังเป็นเรื่อง”สำคัญ” สำหรับ”ประเทศไทย” เพราะการที่”พลังงาน”โดยเฉพาะ”ราคาน้ำมัน” ที่มี”ราคาแพง” คือ”ปัจจัย”ที่ทำให้ภาค”การผลิต” และ”ภาคการขนส่ง” ใช้เป็น”ข้ออ้าง” ในการ”ขึ้นราคา” ของ”สินค้า” ทุกชนิด เพราะล้วนแต่”ข้องเกี่ยว” กับ”ราคาน้ำมัน” ซึ่งที่ผ่านมา”กระทรวงพลังงาน” ไม่มี”อำนาจ” ในการเข้าไป”กำกับสั่งการ” ให้”โรงกลั่น” ที่เป็นของ”กลุ่มทุนพลังงาน” ทำให้”ราคาน้ำมันถูกลง” โดยปล่อยให้” กลุ่มทุน” ที่เป็นเจ้าของ”โรงกลั่น” ทั้ง 5 โรง กำหนดราคา”ขึ้น-ลง” ตามที่ต้องการ โดยการอ้าง”กลไก”ของ”ตลาดโลกที่มีการ”ขึ้น-ลง” ทั้งที่ “น้ำมันดิบ”และ”ก๊าซ” ส่วนหนึ่งเป็นของ”ประเทศไทย” ที่”ขุด” ขึ้นมาจาก” อ่าวไทย” วันนี้มีข่าวว่า” เสนาบดีกระทรวงแรงงาน”พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค” กำลัง”ปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน” เตรียม”ยื่นร่างกฎหมายเข้าสู่ ครม.” ตาม นโยบาย”รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง” เพื่อให้”กลไก” ราคาน้ำมันเกิดความ”เป็นธรรม” กับ”ประชาชน” เรื่องนี้ แค่เป็นข่าว ก็”ได้ใจ” คนไทยทั้งประเทศ…..
@เรื่องของ”อุทกภัย”ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของภาคเหนือ และ ภาคอื่นๆ แม้จะเป็น”ภัย” ที่เกิดขึ้นจาก”ธรรมชาติ” ก็จริงอยู่ ที่เป็นเรื่องที่”เหนือกฎเกณฑ์” ของการ”ควบคุม” แต่ สิ่งที่ทำให้”อุทกภัย”มีความ”รุนแรง” มากขึ้น” เป็นเพราะ”เจ้าหน้าที่” ปล่อยให้มีการ”ตัดไม้ทำลายป่า” ทำลาย”ธรรมชาติ” ที่เกิดขึ้นอย่าง”ต่อเนื่อง” เช่นในพื้นที่”ภาคเหนือ” ภูเขาทั้งหมดกลายเป็น”ภูหัวโล้น” ในขณะที่”แม่น้ำ ลำคลอง” และ”ห้วย หนอง คลอง บึง ที่มีอยู่ต่าง”ตื้นเขิน” ระบบ”ชลประธาน” และ”เขื่อน” ที่มีอยู่ ไม่สามารถ”บริหารจัดการ” กับ”มวลน้ำ” ตาม”ธรรมชาติ” จำนวน”มหาศาล” จึงกลายเป็น”โศกนาฎกรรม”กับ”มนุษยชาติ”และความ”สูญเสีย” ทางด้านของ”ทรัพย์สิน” ที่”ยากจะประเมินค่า” เรื่องนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง”ไม่ว่าจะเป็น”กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่”เสนาบดี” ต้องมีการ”บูรณาการ” กับ”กระทรวง”มหาดไทย” ซึ่งเป็นกระทรวงที่ดูแล รับผิดชอบ “กรมการปกครอง” ที่มี”กลไก” ตัว “เล็กสุด” ในพื้นที่ทุก หมู่บ้านคือ” ผู้ใหญ่บ้าน” กำนัน” จนถึง”นายอำเภอ และ”ผู้ว่าราชการจังหวัด” ที่ต้อง “จับมือ” เพื่อทำงานร่วมกัน จึงจะได้ผลในการลดการ”ทำลายธรรมชาติ” ซึ่งเป็น”ต้นเหตุ”ของ”อุทกภัย และที่สำคัญ”รัฐบาล” ต้องให้ความ”สำคัญ” กับ”ปัญหา” เหล่านี้ อย่าง “จริงจัง”…..
@เช่นเดียวกับ จ.ภูเก็ต” ที่ได้รับความ”เสียหาย” อย่างร้ายแรง จากรณี” ดินโคลนถล่ม” ที่ทำให้มีผู้”เสียชีวิต” ถึง 13 คน ในจุดเดียว เรื่องนี้ต้อง ถาม หน่วยงานในพื้นที่ ต้องถาม” ผู้ว่าราชการจังหวัด” ที่ทำหน้าที่”กำกับดูแล” ว่าทำไม่จึงมีการ”ปล่อยปละละเลย” ให้การ “โค่นป่า” บน”เทือกเขา” จนทำให้เกิด”โศกนาฎกรรม” ครั้งสำคัญ และ หลังจากนี้ไป จะมีการ”แก้ไข” ที่จะไม่ให้”ประวัติศาสตร์” เกิดขึ้นแบบ”ซ้ำรอย” อย่างไร “ภูเก็ต” คือ”เมืองท่องเที่ยว” คือ”เพชรเม็ดงาม” ของภาคใต้” และ”ประเทศไทย” รายได้นับ”แสนล้าน” ของ”ภูเก็ต” ล้วนมาจาก”เม็ดเงิน” ของการท่องเที่ยว เมื่อข่าวนี้ สะพัดออกไปทั่วโลก ย่อมส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยว”ไม่มากก็น้อย”……ที่ สำคัญ วันนี้ หน่วยงานทุกหน่วย ทั้งที่เป็น”ภูมิภาค” และ”ท้องถิ่น” ต้องมีแผนในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ”เกาะภูก็ต” ซึ่งไม่ใช่มีเพียงเรื่อง”อุทกภัย” ที่เกิด”ดินโคลนถล่ม” เพียงอย่างเดียว แต่เรื่อง”ฝนตกน้ำท่วม” กลายเป็นปัญหาใหญ่ของ”เกาะภูเก็ต” ไปแล้ว และเรื่องการแก้ปัญหา”สารพัด” ของ”เกาะภูเก็ต” ลำพัง”ผู้ว่าราชการจังหวัด” และ”หน่วยงาน” ในพื้นที่ คงไม่มี”ปัญญา” ในการ”แก้ปัญหา” ต้องเรียกร้องให้”รัฐบาล” เร่งดำเนินการ ก่อนที่จะมีการ”กระทบกระเทือน” ถึงเรื่องของ”การท่องเที่ยว” ที่เป็น”รายได้หลัก” ของ”เกาะภูเก็ต” แห่งนี้ …… ซึ่งก็เหมือนกับ”หลายๆเกาะ” ในภาคใต้ที่เป็น”แหล่งท่องเที่ยว” เช่น “เกาะพงัน,เกาะเต่า, เกาะสมุย,เกาะพีพี และอีกหลายแห่ง ที่มีปัญหาเรื่อง”น้ำ” และ”ขยะ” เรื่อง”ไฟฟ้า” ซึ่งเป็นเรื่องที่”ผู้ว่าราชการจังหวัด” และ”หน่วยงานท้องถิ่น” ไม่สามารถที่จะ”แก้ไข” ด้วยตนเอง และเรื่องเหล่านี้ ก็”คาราคาซัง” ที่”รัฐบาลแล้ว รัฐบาลเล่า ไม่เคยให้ความ”สำคัญ” กับ ปัญหาเหล่านี้….
@ปัญหาการ”รุกที่ดิน” ของ”อุทยานแห่งชาติ” ที่ “เกาะหลีเปะ อ.เมือง จ.สตูล ในยุคที่” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. “เรืองอำนาจ” มีการใช้”กฎหมาย” ที่เป็น”ยาแรง” กับผู้ที่”บุกรุกเข้าครอบครอง” แต่หลังจากที่”บิ๊กโจ๊ก” เจอกับ”วิบากกรรม” จนต้องถูกสั่งให้”ออกจากราชการ”เรื่องความคืบหน้าของ”คดีการบุกรุกที่ดิน” ของ”กรมอุทยานแห่งชาติฯ” บนเกาะหลีเปะ อ.เมือง จ.สตูล ก็ไม่มีการ”สานต่อ” วันนี้”นายทุน” จึงกลับมา”เริงร่า” อีกครั้ง นี้คือ”วัฏจักร”การ”บังคับใช้กฎหมาย” ของประเทศไทย……เช่นเดียวกับปัญหาของ”โพงพาง” กว่า 1,500 ปาก ใน”ทะเลสาบสงขลา ที่เป็นเครื่องมือประมงที่”ผิดกฎหมาย”ที่ส่วนหนึ่งเป็นเครื่องมือ”ทำลายล้างสัตว์น้ำตัวเล็กตัวน้อย” และส่วนหนึ่งมีการใช้”เล่ห์กล” สร้าง”โพงพาง” เพื่อให้กีดขวาง”ร่องน้ำ”ของการเดินเรือ”พาณิชย์” เพื่อให้เรือ”พาณิชย์” เหล่านั้น “เฉี่ยวชน” กับ”โพงพาง” เพื่อที่เจ้าของจะได้เรียก”ค่าเสียหาย” การที่จะแก้ปัญหาให้”โพงพาง” หมดไปจาก”ทะเลสาบสงขลา” นอกจากใช้”กฎหมาย” เข้า”จัดการ”แล้วยังต้องใช้”งบประมาณ” ในการแก้ปัญหา ซึ่งจำได้ว่า ในหลายเดือนก่อนที่”เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น”เข้า”จับกุมโพงพาง” จนนำมาถึงการ”ปิดแพขนานยนต์”เพื่อให้เกิดความ”เดือดร้อน” กับประชาชน เป็นการ”ต่อรอง” มิให้”เจ้าหน้าที่” เข้า”รื้อถอนโพงพาง” ที่”ผิดกฎหมาย” สมนึก พรหมเขียว “ ผวจ.สงขลา ได้ทำหนังสือ ร้องไปยัง”ทุกกระทรวง” ทุกหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของ”โพงพาง” ทั้ง”กรมเจ้าท่า” ทั้ง”กรมประมง” และ”สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” แต่ นี่ผ่านไปแล้ว 3 -4 เดือน ยังไม่มีคำตอบจาก”หน่วยงานส่วนกลาง” นี่คือการ”บริหารประเทศ” ที่เหมือกับ”ไม่มีการบริหาร” โดยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ”หน่วยงานระดับจังหวัด” ที่ไม่อาจจะ”แก้ไข”ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ก็เป็นการ”ยกตัวอย่าง” ให้เห็นกันแบบ”จะจะ”ถึงความ”ล้มเหลว” ในการแก้ปัญหาต่างๆ ของ”ประเทศไทย…..
@เช่นเดียวกับเรื่อง”ปลาหมอคางดำ” ที่ยังเป็นเรื่อง”ราคาคาซัง” ผ่านไปแล้วหลายเดือนการ ที่การแก้ปัญหา”ปลาหมอคางดำ” ใน จ.สงขลา และ นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นสองจังหวัดที่พบการ”แพร่ขยายพันธุ์”ของ”ปลาหมอคางดำ”มีจำนวนมาก โดยเฉพาะ “จังหวัดสงขลา” ที่แหล่ง”แพร่พันธุ์” ของ”ปลาหมอคางดำ” ส่วนใหญ่ที่”ชุกชุม” อยู่ใน อ.ระโนด” ที่ สำคัญ วันนี้ใกล้”ฤดูฝน” ที่”ภาคใต้” จะมี”น้ำหลาก, น้ำท่วม” เกิดขึ้น ทุกจังหวัด ถ้ายังมีการ”ขจัด” ปลาหมอคางดำ ให้หมดไป” หน้าฝนที่จะมาถึง”ปลาหมอคางดำ” ก็จะ”แพร่พันธุ์” ไปทั่วทุกหน ที่เป็นพื้นที่”น้ำท่วม” โดยเฉพาะ”ทะเลสาบสงขลา” น่าเป็นห่วงว่า จะกลายเป็นที่”แพร่พันธุ์” ของ”ปลาหมอคางดำ” เพราะเป็นพื้นที่”น้ำกร่อย” ที่”ปลาหมอคางดำ” แพร่พันธุ์ ได้อย่างดียิ่ง ถ้าเป็นเช่นนั้น ย่อมต้องมี”ผลกระทบ” กับ”ชาวประมงพื้นที่บ้าน” ใน 3 จังหวัด ที่มีอาชีพในการทำการประมงในรอบๆ “ทะเลสาบสงขลา” เรื่องนี้” ประมงจังหวัดสงขลา” คิดอ่านอย่างไรก็เร่งดำเนินการเพราะ”หายนะ” ใกล้เข้ามาแล้ว……
@วันก่อนเห็นข่าวจาก”สำนักงานป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบ” สำนักงาน ปปช.ภาค 9 ที่บินสำรวจ”ผืนป่า” ในพื้นที่ 3 จังหวัด “ปัตตานี ,ยะลา,นราธิวาส “ และ” 4 อำเภอของ จ.สงขลา พบว่า”ป่าสงวนแห่งชาติ” ถูกทำลายไปหลายแสนไร่ เป็นการ”บุกรุกป่า “ ด้วยการ “โค่นไม้ใหญ่” เพื่อการ”แปรรูป” หรือการ”ทำไม้เถื่อน” หลังจากนั้นจึงนำที่ดินที่ถูก”บุกรุก” ขายให้กับ”นายทุน” และ”ชาวบ้าน” ในพื้นที่เพื่อการทำการ”เกษตร” เช่นการ”ปลูกยางพารา” และ”พืชอื่นๆ” ก็ต้องถาม”หน่วยงานพิทักษ์ป่า” และ”กำลังของ”ทหาร” ในพื้นที่ ว่า อยู่กันอย่างไร จึงมีการ”ปล่อยปละ” ให้มีการการ”ทำลายป่า”เป็น”แสนๆ ไร่” โดยที่ไม่สามารถ”ปกป้องผืนป่า” ที่เป็น”เขตอุทยาน” และ”ป่าสงวนแห่งชาติ” เอาไว้ได้ โดยเฉพาะ”กอ.รมน,ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งนอกจากมีหน้าที่ในการแก้ปัญหา”ขบวนการแบ่งแยกดินแดน” แล้ว ยังมีหน้าที่ในการ”ป้องกันภัยแทรกซ้อน” นั้นคือเรื่อง”ป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า” ที่เป็น”ทรัพยากรธรรมชาติ” และการ”ป้องกันปราบปราบยาเสพติด” ซึ่งกำลังจะบอกกับ” พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค” แม่ทัพภาคที่ 4/ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ว่า งานด้าน”ภัยแทรกซ้อน” ของท่าน “ล้มเหลว” ทั้ง 2 เรื่อง ก็ขอฝากไปยัง” แม่ทัพภาคที่ 4 “คนต่อไปที่จะมา”รับไม้ต่อ” จาก” แม่ทัพต้น” ในอีก 1 เดือนข้างหน้าว่า ต้องมี นโยบาย ในการ “ป้องกันป่าไม้” ที่เป็นทั้ง”ป่าสงวนแห่งชาติ” และ”อุทยานแห่งชาติ” ซึ่งกำลัง”ย่อยยับ” ให้ กลับคืนมา…..ที่สำคัญ ที่ต้องตั้งเป็น”ข้อสังเกต” คือการเข้าพื้นที่ของ”เจ้าหน้าที่” พบแต่”ต้นไม้” ทั้งที่”แปรรูป”และที่ยังเป็น”ท่อนซุง” กับ”ผืนป่า” ที่ถูกทำลาย รวมทั้ง”เครื่องมือ” ในการใช้”โค่นป่า” เช่น “รถแทรกเตอร์,รถแบคโฮ” แต่ไม่เคยมี”ผู้ต้องหา” ติด”ปลายนวม” เพื่อการลงโทษตาม”กฎหมาย” แต่อย่างไร เรื่องนี้ต้องมีการ”ซูเอี๋ย” กันเกิดขึ้น เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ “ตำรวจ” จะทำการ”สืบสวนสอบสวน” ไม่ถึงตัวของ”มอดไม้” และ”ผู้บงการ” เอ้า “พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี” ผบช.ภ.ภาค 9 ต้องทำการ”สังคายนา” ลูกน้องในพื้นที่ซึ่งมีการ”ตรวจพบการ”บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ” และ”อุทยานแห่งชาติ” เพื่อให้ได้”ต้นสายปลายเหตุ”ว่า ทำไมทุกคดี จึงทำได้เพียง”รับแจ้งความ” แต่ไม่มีการการ”สืบสวนสอบสวน” เพื่อเอา”คนผิด” มา”ติดคุกติดตะราง” ให้มีการ”เข็ดหลาบ”…..
@สำหรับ”ฝ่ายปกครอง” ก็ไม่ควร”นิ่งนอนใจ” กับเรื่องของ”กลุ่มทุน” และ”มอดไม้” ที่ทำลายป่าไม้ซึ่งเป็น”ทรัพยากรของชาติ” นายอำเภอ แต่ละอำเภอ ที่มี “คดีความ” เรื่องการ”ตัดไม้ทำลายป่า” การ”บุกรุกป่าเพื่อทำการเกษตร” ท่านจะไม่ลอง”ถามไถ่” กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในแต่ละพื้นที่เพื่อหาตัว”ผู้ทำความผิด” มาลงโทษ บ้างเลยหรือไร บรรทัดนี้ ก็ ฝากไปยัง”เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกุล “เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย “ให้มีการ”ลงแส้” นายอำเภอทุกพื้นที่ ซึ่งมีการ”ตัดไม้ทำลายป่า” ด้วย การป้องกันป้าไม้ จึงจะได้ผล…..
@กลับมาที่เรื่องของ”ไฟใต้” ที่ วันนี้”ปลายหอก” ของ” ขบวนการแบ่งแยกดินแดน”บีอาร์เอ็น” กำลัง”พุ่งตรง” มายัง” กำลังกองอาสารักษาดินแดน” ในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ทำหน้าที่”ชุดคุ้มครองตำบล” หรือ”ชคต.” ที่ ล่าสุด”บีอาร์เอ็น” ใช้วิธีการ”ทิ้งใบปลิว” ใน”ศาสนาสถาน” ใน หลายพื้นที่ เพื่อ “ข่มขู่” กองกำลังอาสารักษาดินแดน” ให้มีการ”ถอนตัว” และให้”ลาออก” จากการเป็น”เจ้าหน้าที่รัฐ” ซึ่งล่าสุดที่ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี มีการ”ส่งจดหมาย” ระบุชื่อ” อส.ทั้ง 14 คน” ที่ประจำชุด”คุ้มครองตำบลตะโละแมะนา” ให้”ลาออก” หรือให้ทำตัวเป็น”สายข่าว” ของ”บีอาร์เอ็น” มีการ”ข่มขู่” โดยบอกว่าถ้ายังทำหน้าที่เป็น”กองกำลังให้กับรัฐ” เมียจะเป็นหม้าย ลูกจะเป็นกำพร้า นี้คือ”อหังการ์” ของ”บีอาร์เอ็น” ที่” กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ต้องไม่ปล่อยให้”เห่าหอน” เพื่อ”ข่มขู่” และสร้าง”สถานการณ์”ของความ”ปั่นป่วน” ให้เกิดขึ้น…..และการที่”บีอาร์เอ็น” ทำการ”จ่อปลายปืน” ไปยัง”กองกำลังอาสารักษาดินแดน” แสดงให้เห็นว่า”บีอาร์เอ็น” กำลัง”หวั่นไหว” กับการที่” กรมการปกครอง” ร่วมมือกับ”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ที่จะมอบ”ภารกิจ” การ”คุ้มครองตำบล” ให้กับ” กองกำลังอาสารักษาดินแดน” ด้วยการ”ฝึกทบทวนด้าน”ยุทธการ” และ”การข่าว” แบบ”เข้มข้น” ซึ่งในปี งบประมาณ 2567 มีการ”ฝึกทบทวน” เพื่อสร้าง”ประสิทธิภาพ” ให้กับ”กองกำลังอาสารักษาดินแดน”ถึง 12 รุ่น แสดงว่าการ”เพิ่มกำลัง อส.” และการที่จะใช้”กำลังของ อส.” ในการ”ดับไฟใต้” เป็น นโยบาย ที่”ถูกทาง” จึงทำให้”บีอาร์เอ็น “ มีความ”หวั่นไหว” และมุ่งในการ”ทำลายล้าง” จึงอยู่ที่ว่า” กรมการปกครอง” และ”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” จะใช้”มาตรการ” อย่างไร ที่ทำให้”อาสารักษาดินแดน” ไม่”ตกใจ” และไม่”ถอดใจ” ด้วยการ”ลาออก” จากการ”ข่มขู่” ของ”บีอาร์เอ็น” …..
@อีกเรื่องที่”บีอาร์เอ็น” ออกมา”ประโคมโหมโห่” ว่าทำสำเร็จ นั้นคือการให้” ครอบครัว”ของผู้ที่คนใน”ครอบครัว” ได้รับความ”สูญเสีย” จากกรณีการ”ชุมนุม” ที่หน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส” เมื่อ 19 ปี ก่อน ที่ทำให้มีคนที่รวมชุมนุม และถูก “ควบคุมตัว” เสียชีวิตจากการ”ควบคุมตัว”ที่ไม่ถูกต้องตามหลักการปฏิบัติถึง 83 ราย พิการ บาดเจ็บ อีก จำนวนหนึ่ง ซึ่งคดีนี้มีการ”ฟ้องร้อง” โดยการเป็นโจทก์”ฟ้องเอง”จาก”ทายาท” ของผู้ที่”สูญเสีย” ต่อ “ศาลจังหวัดนราธิวาส” และได้มีการ”ไต่สวนมูลฟ้อง” และ”ศาลจังหวัดนราธิวาส” รับเป็น”คดีอาญา” เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ที่ ผ่านมา โดยมี”เจ้าหน้าที่” ซึ่งมีหน้าที่”รับผิดชอบ” ในการ”สลายการชุมนุม” และการ”ควบคุมตัวผู้ถูกจับกุม” จำนวน 9 ราย และถูก”ศาลสั่งฟ้อง 7 ราย” ซึ่งมีตั้งแต่ อดีต แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้บัญชาการตำรวจ รองปลัดกระเทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด จนถึง อดีต ผกก.สภ.ตากใบ ที่ตกเป็น”จำเลย” และต้องทำการ”สู้คดี” เพื่อ”แสดงความบริสุทธิ์” และ หนึ่งในนั้น คือ” พล.ท.พิศาล วัฒนวงศ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ที่ ปัจจุบันเป็น สส.บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย และก่อนหน้านี้มีชื่อเป็น”แคนดิเดต” ที่จะได้เป็น” เสนาบดีกระทรวงกลาโหม” แต่หลังจากที่กลายเป็น”จำเลย”ในคดีนี้คงจะ”หมดโอกาส” ที่จะเป็น”เสนาบดี” ในฐานะที่เป็น”คนเหนือ” และเป็นศิษย์”มงฟอร์ด” เช่นเดียวกับ”ทักษิณ ชินวัตร” เรื่องนี้”ชัยชนะ” เป็นของ”บีอาร์เอ็น” เพราะ”บีอาร์เอ็น” ใช้”เงื่อนไข” ของคดี”ตากใบ” เป็น”เครื่องมือ” ในการ”ปลุกระดมมวลชน”มาถึง 19 ปี และทำได้สำเร็จก่อนที่ “คดีนี้จะขาดอายุความ”เพียงไม่กี่เดือน ที่สำคัญ ทุกคนที่”เสียหาย” ที่”สูญเสีย” จากคดีที่ สภ.ตากใบ ต่างได้รับการ”เยียวยา”ถ้วนหน้า โดยผู้”เสียชีวิต” รับเงินเป็นค่าเยียวยารายละ 7 ล้าน 5 แสนบาท ส่วนผู้ บาดเจ็บ และ ทุพลภาพ ก็มีการ”เยียวยา” ที่”ลดหลั่น”ลงไป ทุกฝ่ายเข้าใจว่า”คดีนี้จบแล้ว” แต่”สุดท้าย”เป็นการ”เริ่มต้นใหม่” เพื่อหา”ผู้ที่ทำผิด” ในคดีอาญาที่ทำให้”มีการตาย” บาดเจ็บ และ”พิการ” เกิดขึ้น ซึ่งคงต้องใช้เวลาในการ”สู้คดี” กันอีกหลายปี และนี่คือความ”สำเร็จ”ของ”บีอาร์เอ็น” ต่อ นโยบาย 5 ไม่ ที่มีการ”ปลูกฝัง” และ”บ่มเพาะ” ต่อคนในพื้นที่ เพราะ “ 1 ใน 5ไม่ “ ของ”บีอาร์เอ็น”คือ”ไม่ให้อภัย” สำหรับ “เจ้าหน้าที่รัฐ” และ”คนไทยพุทธ” ต่อทุก กรณี ที่เกิดขึ้น…..
@สุดท้าย “โทนี่ เตียว” หรือ”เตียว วุย ฮวด” หรือ” เสี่ยว จาง” เจ้าพ่อการเงิน” หรืออาชญากรโกงคริปโตร” เจ้าของ”อาณาจักร เอ็มบีไอ กว่า 10,000 ล้านบาท ที่ ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา ชายแดนไทย – มาเลเซีย ซึ่งมี”หมายแดง” ในข้อหา”ฉ้อโกง” เงินของ”ประชาชนชาวจีนแผ่นดินใหญ่” กว่า สี่แสนล้านหยวน” ก็ถูก “ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไทย” ส่งตัวไปให้”ทางการจีนดำเนินคดี” ตามคำสั่งของ”สำนักงานอัยการสูงสุด” ตาม”สนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดน” หลังจากที่ถูก”ควบคุมตัวอยู่ที่ ตม.สวนพลู” กว่า 2 ปี จบสิ้นแล้วสำหรับ” อาณาจักรเอ็นเตอร์เทนเม้นคอมเพล็ก” ที่ครบวงจรมูลค่า นับหมื่นล้าน ที่”ชายแดนไทย” มาเลเซีย” ซึ่งคงรอการ”ขายทอดตลาด”ตาม”กฎหมาย” ที่น่า”หดหู่” วันนี้ “ทุกกิจการ” ในอาณาจักร” เอ็มพีไอ” ของ”เสี่ยว จาง” กลายเป็น” เมืองร้าง” ส่วน”ตำรวจ” ที่เป็นผู้เข้า”จับกุม” เจ้าพ่อทางการเงินคนสำคัญของ “มาเลเซีย” คือ”บิ๊กโจ๊ก”พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” รอง ผบ.ตร. ที่ ขณะนั้นที่ ”ยิ่งใหญ่”จน”สยบทั้งปฐพี” ซึ่งวันนี้ทิ้งผลงานเอาไว้นั่นคือคดีของ” เสี่ยวจาง” หรือ” โทนี่ เตียว” ที่ หลบเข้ามาอยู่ใน ประเทศไทย โดยไม่มีใคร”กล้าแตะต้อง” แล้วพบกันใหม่ วันศุกร์หน้า สวัสดีครับ
————————————————————
ไชยยงค์ มณีพิลึก
ปิดการฝึก.พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4/รอง ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เป็นประธานในพิธีปิดการฝึกหลักสูตรเสริมสร้างผู้นำ ส.จชต.ประจำปี 2567 รุ่น 12 ณ กองบังคับการควบคุมกองอาสารักษาดิน ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา
ประกาศเจตนารมณ์. สมนึก พรหมเขียว ผวจ.สงขลา ไพเจน มากสุวรรณ์ นายกอบจ.สงขลา ร่วมประกาศเจตนารมณ์เตรียมนำเสนอสงขลา สู่เมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร UNESCO ในปี 2568 ซึ่งประเทศฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ ณ ห้องประชุมโรงแรมบีพีสมิหลาบีช อ.เมือง จ.สงขลา
คืนสู่เหย้า. น.อ.จิรโชค ตันตราจีน รอง ผอ.กองปฏิบัติการจิตวิทยากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ เป็นประธานเปิดกิจกรรมคืนสู่เหย้าเยาวชนโครงการรวมใจไทยเป็นหนึ่ง ปลูกฝังให้เยาวชนหวงแหนบ้านเกิด ณ บริเวณศาลาเกยหาด ค่ายจุฬาภรณ์ ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส
ประชุมสรรหา. กิตติ กิตติโชควัฒนา อดีต ผวจ.ยะลา ประธานสภาวิทยาลัยชุมชนยะลา เป็นประธานกรรมการสรรหา กรรมการสภามหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา โดยมี จิระวิทย์ แซ่เจ็ง ผู้ทรงคุณวุฒิวิทยาลัยชุมชนยะลาร่วมเป็นคณะกรรมการสรรหา ณ ห้องประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา
ปลูกฝังจิตสำนึก. อำพล พงศ์สุวรรณ ผวจยะลา มอบหมายให้ โอฬาร บิลสัน ปลัดจังหวัดยะลา เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการปลูกฝังจิตสำนึกรักสามัคคีและส่งเสริมความปรองดองสมานฉันท์ ประจำปี 2567 ณ ห้องประชุมมังกีส คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา
เปิดโครงการ. มุขตาร์ มะทา นายก อบจ.ยะลา ลงพื้นที่ เปิดโครงการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา”กิจกรรมการส่งเสริมเปิดกีฬานักเรียน “ประจำปี 2567 โรงเรียนลำพะยาประชานุเคราะห์ โดยมี อบต.ลำพะยา และ ศูนย์จัดการเครือข่ายสุขภาวะชุมชน ต.ลำพะยา ร่วมกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. ร่วมเดินรณรงค์ลดปัจจัยเสี่ยง สร้างปัจจัยเสริมด้านสุขภาพ ในการแข่งขันกีฬา “ลำพะยาเกมส์ 2567 ” ณ หมู่ที่ 4 ต.ลำพะยา อ.เมืองยะลา จ.ยะลา
เข้าพบ. จักรพรรณ วัลแอ เลขาธิการสมาพันธ์ SME ไทยภาคใต้ พร้อมด้วย อัยมานน์ อับดุลลาเต๊ะ ประธานสมาพันธ์ SME ไทย จ.ยะลา นำคณะกรรมการฯ เข้าพบ อรรถพร กฤตยานาถ ผจก.ศูนย์ให้บริการ Sme ครบวงจร จ.ยะลา (สสว.) เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาล ณ ศูนย์ประสานงานและบริการการพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จ อ.เมือง จ.ยะลา
ประชุมสมัชชาการศึกษา. ดร. กมล รอดคล้าย สมาชิกวุฒิสภา ประธานสมัชชาการศึกษาจังหวัดสงขลา ประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 1 ณ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด อ.เมือง จ.สงขลา
การมีส่วนร่วม. พงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา พร้อมด้วย คณะผู้บริหารเทศบาลนครยะลา เปิดโครงการสร้างการมีส่วนร่วมในการจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สถานศึกษา สถานประกอบการ ส่วนราชการ และประชาชน ในเขตเทศบาลนครยะลา มีความรู้ความเข้าใจ ในการจัดการสิ่งแวดล้อมในชุมชนเมือง การจัดการขยะมูลฝอยในชุมชน และสามารถนำความรู้ไปปฏิบัติใช้ในชีวิตประจำวันได้ รวมถึงร่วมสร้างจิตสำนึกใน การช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในเขตเทศบาลนครยะลา ณ ห้องประชุมอาคารอุทยานการเรียนรู้ยะลา อ.เมือง จ.ยะลา
ปลูกป่า. ที่แปลงปลูกป่าพื้นที่ป่าคลองกะลาเส และป่าคลองไม้ตาย ต.บ่อหิน อ.สิเกา จ.ตรัง ทรงกลด สว่างวงศ์ ผวจ.ตรัง เป็นประธานเปิดงานปลูกป่าชายเลน เพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต (ปลูกป้องโลก ) โดยมี คณะผู้บริหาร พนักงานธนาคารออมสิน หัวหน้าหน่วยงานราชการในพื้นที่ นักเรียน และประชาชน เข้าร่วม เพื่อเพิ่มของก๊าซเรือนกระจก จึงจัดทำโครงการ “ปลูกป้องโลก”
มหกรรมแก้หนี้. ที่ห้องนครา แกรนด์ บอลรูม โรงแรมเรือรัษฎา ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง จ.ตรัง พล.อ.วิชาญ สุขสง คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดงานมหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม” ครั้งที่ 58 จังหวัดตรัง โดยมี วิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม หัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดตรังเข้าร่วมงานคับคั่ง
ถอดบทเรียน. ณ โรงแรมเรือรัษฎา อ.เมืองตรัง จ.ตรัง บัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช. ประ จ.ตรัง เป็นประธาน พร้อมด้วย กลุ่มงานป้องกันการทุจริต จัดเสวนา ถอดบทเรียน คดีความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยมี ยุทธนา วิมลเมือง เจ้าหน้าที่ป้องกันชำนาญการพิเศษ ปปช. ตรัง เป็นวิทยากรดำเนินรายการถอดบทเรียนเกี่ยวกับคดีความรับผิดทางการละเมิดของเจ้าหน้าที่ โดยมี สยาพร ทองกลับ ผอ. กลุ่มงานกฎหมา ระเบียบและเรื่องร้องทุกข์ท้องถิ่น จ.ตรัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมการถอดบทเรียน
เร่งรัดปราบยา. พ.ต.อ.อภิชาติ วรรณโก ผกก.สภ.สทิงพระ จ.สงขลา ประชุมโครงการบูรณาการเร่งรัด งานป้องกัน และ แก้ไขปัญหา การ ปราบปรามยาเสพติด ระยะเร่งด่วน 3 เดือน ณ หอประชุมรัตนโกสินทร์ อ.สทิงพระ จ.สงขลา
นำเสนอ. ดร.จำรูญ วงค์กระจ่าง เป็นตัวแทน อาสาสมัครเกษตรกร อ.สทิงพระ จ. สงขลา นำเสนอโครงการ ตลาดเกษตรอินทรีย์ 24 ชั่วโมง เพื่อของบประมาณสนับสนุนปี 2569 จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ณ สถาบันทักษิณคดีศึกษา เกาะยอ อ.เมือง จ.สงขลา
เปิดงาน. นพพร หนูเพชร นายอำเภอเมืองยะลา จ.ยะลา เป็นประธาน การเปิดงาน “มาแล มากัน ดีกา แลตูกา” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ณ สนามที่ว่าการอำเภอเมืองยะลา จ.ยะลา
ติดตาม. จีรวรรณ อักโขสุขวรรณ์ พัฒนาการ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน อ. รือเสาะ ลงพื้นที่ หมู่ที่ 3 บ้านลาเมาะนอก ต.รือเสาะออก และ หมู่ที่ 6 บ้านไอร์บูโละ ต.ลาโละ เพื่อติดตามครัวเรือนเป้าหมายที่ได้รับวัสดุในการซ่อมแซมบ้านและซ่อมแซมห้องน้ำ ตามโครงการยกระดับคุณภาพชีวิตครัวเรือนยากจนเชิงบูรณาการ จ.นราธิวาส ณ พื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส
แสดงความยินดี. อะหมัด รามันห์สิริวงศ์ กรรมการบริหารสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย / ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ประจำจังหวัดยะลา พร้อมเพื่อนๆให้เกียรติมอบต้นไม้มงคล แสดงความยินดีแก่ ร.ต.อ.หญิง นุจรีย์ จารุศิวัตม์ สบ.1 กอจ.ศฝร.ภ 9 และครอบครัว เนื่องในโอกาสเปิดร้านใหม่ ร้านมาร์ตาบัคมานิส สาขาปัตตานี ตั้งอยู่ถนนสายประตูหลัง มอ.ปัตตานี (ติดกับ S.K คลินิค) อ.เมือง จ.ปัตตานี