เพราะเมื่อนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องขาดคุณสมบัติรัฐมนตรีเนื่องจาก “ความซื่อสัตย์สุจริตไม่เป็นที่ประจักษ์” จากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรับมนตรีประจำสำนักนายกฯ ต่อมา เมื่อโหวต “กล่องดวงใจผู้นำพรรค” อย่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ ก็เลยต้องปกป้องกันแบบไข่ในหิน อย่าให้เกิดกรณีซ้ำรอยกับนายกฯ นิด

เรื่องแรกที่คนจ้องจะโจมตีคือ การถือหุ้นอะไรต่างๆ จะขัดต่อกฎหมายหรือไม่ โดยเฉพาะหุ้น บ.อัลไพน์และสปอร์ตคลับ ซึ่งที่ดินตรงนั้นมันยังมีปัญหาเพราะเป็นที่ธรณีสงฆ์ ไปๆ มาๆ จะขาดจริยธรรมเอาเพราะไปถือครองบริษัทที่อยู่บนที่ดินที่ยังไม่เรียบร้อย .. แต่ปรากฏว่า “ก่อนจะเข้มคุณสมบัติคนอื่น ต้องเข้มกับตัวเองก่อน” น.ส.แพทองธารจึงลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารอะไรต่างๆ ไว้ก่อนแล้ว ในส่วนของ บ.อัลไพน์ก็ลาออกตั้งแต่วันที่15 ส.ค.ที่ผ่านมา  

แต่การตั้ง ครม.ก็ยังไม่เรียบร้อยง่ายๆ คราวนี้ข่าวว่า “ตรวจเข้มหลายหน่วยงานมาก” จนกระทั่งมีข่าวว่า “ส่งคนมาเกินก่อนเดี๋ยวนายกฯ ตัดเอง” คือต้องให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ( สลค.) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตลาดหุ้น ได้ร่วมตรวจสอบ ..ก็ไม่ทราบตรวจสอบกันอีท่าไหนพรรคแตกไปสองพรรค

พรรคแรกคือพรรคพลังประชารัฐ ( พปชร.) กิริยาของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.ตบหัวนักข่าววันโหวตเลือกนายกฯอิ๊งค์ ก็แสดงถึง “ความไม่สบอารมณ์” แบบว่ารักษากิริยาไม่พอใจไม่มิด ( ลองไปเปิดคลิปดูได้ ) และต่อมา พอจะตั้ง ครม.ก็ให้สัมภาษณ์สื่อว่า จะไม่มีชื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค เป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ แต่จะดึงนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข ซึ่งเป็นกลุ่ม พล.อ.ประวิตรขึ้นเป็น รมว.เกษตรฯ แทน ส่วนตำแหน่ง รมช.สาธารณสุข จะเป็นนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีต สส.สิงห์บุรี…สาเหตุที่บิ๊กป้อมไม่ส่งชื่อ ร.อ.ธรรมนัสนั้น อ้างแค่ว่า “เขาไม่เอา”

ก็เลยเกิดระเบิดลงพรรคอีกรอบ (หลังจากรอบแรกที่ สส.พรรครวมตัวกันจะขับไล่นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ที่ตั้งตัวเป็นคนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตรออกไป ) คือ สส.แบ่งกลุ่มเป็นกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส และกลุ่ม พล.อ.ประวิตร ซึ่งการรวมพลังครั้งแรก กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส มี สส.26 คน กลุ่ม พล.อ.ประวิตร มี สส.14 คน แต่ต่อมา นายสันติ พร้อมพัฒน์ ไปดึง สส.เพชรบูรณ์กลับมาจากกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัสจนสองกลุ่มมี สส.เท่ากัน

ทีนี้ ก็มีการอ้างว่า การจะส่งใครเป็นรัฐมนตรีได้ต้องเป็นมติพรรค ทำให้ข่าวว่า ร.อ.ธรรมนัสจะไปดึงพรรคประชาธิปัตย์ ( ที่ สส.บางส่วนกระสันอยากร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว โดยอ้างว่า ไม่ได้เป็นรัฐบาลก็ไม่มีผลงาน ) แบบใจถึง คือแบ่งโควตาให้สองเก้าอี้ ได้แก่ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ( ทส.) และ รมช.สาธารณสุข ส่วนโควตากลุ่มธรรมนัส จะเป็น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ หรือในกรณีที่คุณสมบัติ “ไม่เป็นที่ต้องใจของนายกฯ” ก็ต้องมีตัวแทน อาจเป็นนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม หรือนายอัครา พรหมเผ่า ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ทำให้ถ้าเอาสองคนนี้มา จะกลายเป็นโควตากลาง ..ส่วนอีกเก้าอี้คือ รมช.เบนซ์ อรรถกร ศิริลัทธยากร ยังดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ต่อไป

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ต่อมา พล.อ.ประวิตรและ พปชร.ก็แสดงท่าทีประนีประนอมมากขึ้น เพราะถ้าปล่อยไว้ สส.หายไปครึ่งพรรค พรรคแตก ความฝันที่จะเป็นสถาบันทางการเมืองอนุรักษ์นิยมหัวสมัยใหม่สลายวับกลายเป็นวิมานลอย ..ดังนั้น เลยต้องออกหนังสืออ้างว่า มติพรรคให้ส่งรายชื่อผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีไปแบบเดิม คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นรองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ( ทส.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็น รมช.สาธารณสุข นายอรรถกร ศิริลัทธยากร เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ แต่ทาง ร.อ.ธรรมนัสเหมือนจะร้องเพลงใส่ “ฉันเหมือนคนที่เคยลุยไฟไปข้างหน้า เสียเวลาที่จะกลับหลัง”

อย่างไรก็ตาม กลุ่มของ พล.อ.ประวิตรน่าจะ..เอ๊ะ..บ้างว่า “รัฐบาลเขาคิดด้วยอย่างไร” เพราะวันที่ 26 ส.ค. นายไพบูลย์ นิติตะวัน ตัวแทนหัวหน้าพรรค พปชร. ต้องไปยื่นหนังสือที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ( สลค.) ทวงถามหนังสือกรอกประวัติรัฐมนตรีให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ว่า ยังไม่ได้รับ ทั้งที่พรรคมีมติส่ง พล.ต.อ.พัชรวาทเป็นรัฐมนตรีแล้ว พอนักข่าวไปถามหมอมิ้งค์ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ก็ได้คำตอบแบบไม่ยี่หระ..แล้วไง ..ขณะที่ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวผู้ยิ่งใหญ่ในพรรคเพื่อไทยประกาศ และดูท่าจะจริงแล้ว คือ “มีชินวัตรต้องไม่มีวงษ์สุวรรณ” ..และว่ากันว่า สส.พรรคเพื่อไทยก็ไม่พอใจมาตั้งแต่ที่บิ๊กป้อมเลือกไปงานเลี้ยงต้อนรับนักกีฬาโอลิมปิกแทนมาโหวต น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ อีกทั้ง “ว่ากันว่า” สส.พูดๆ แนวๆ “สว.กลุ่มบิ๊กป้อมอยู่เบื้องหลังสอยนายกฯ เสี่ยนิด”

วันที่ 27 ส.ค.ข่าวว่า ในเมื่อพรรค พปชร.ตกลงกันไม่ได้ ยึกยักนัก ก็ไม่ต้องเป็นทั้งพรรคล่ะกัน ตัดโควตาทิ้งทั้ง 4 เก้าอี้   ทางแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเลยมองว่า หากนำพรรค พปชร. ในส่วนของ ร.อ.ธรรมนัส มาแค่กลุ่มเดียวพอ และดึงประชาธิปัตย์มาร่วม ทำอย่างไรก็ได้ให้เสียงเกิน 300 ก็จะดีต่อเสถียรภาพรัฐบาล  แต่เมื่อตัดโควตารัฐมนตรี จะกลายเป็นของ “คนนอก” สองเก้าอี้คือ  “อ.แหม่ม” นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม มานั่งเป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ “เสี่ยธิ” นายอิทธิ ศิริลัทธยากร เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์แทนนายอรรถกรลูกชายตัวเอง  ส่วน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  กับ รมช.สาธารณสุข  จะให้พรรคประชาธิปัตย์  

ดูทรงแตกเละขนาดนี้ ทั้งที่รัฐบาลยังไม่บริหารงานด้วยซ้ำ เผลอๆ เลือกตั้งสมัยหน้า ย้ายหนี พปชร.กันหมด  เพราะอยู่ไปก็ดูเหมือนไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นมา ..หรือจะไปอยู่พรรคกล้าธรรมของนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ก็ไม่รู้ได้ แต่ถ้าอยู่แล้วมีโอกาสเป็นพรรคเล็ก ต่อรองอะไรไม่ได้สักอย่าง ไปเข้าพรรคใหญ่ดีกว่า..ก็บารมีขนาดคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยยังได้ สส.แค่ 6 คน นางนฤมลโนเนมกว่ามาก

ขณะที่พรรคประชาชนก็คงไม่อยากได้ พปชร. มาร่วมฝ่ายค้าน เพราะบางคนอาจอยากเอาใจเพื่อไทยเตรียมย้ายไปอยู่ด้วยในเลือกตั้งสมัยหน้า อะไรที่ต้องขอมติวิปฝ่ายค้านก็อาจงอแง .. ถ้าไม่จบง่ายๆ ก็อาจเป็นอย่างที่ ร.อ.ธรรมนัสพูดคือ “ก็อยู่กันไปอย่างนี้แหละ” รอวันพรรคแตก ..ก็ไม่รู้นายใหญ่พรรคเพื่อไทยจะแฮปปี้หรือไม่อย่างไร ที่จัดการพวกวงษ์สุวรรณได้ ..เพราะก็มีข่าวว่า…ไม่ค่อยถูกกันเท่าไรนัก  ถ้าเอาตามที่นายทักษิณ ชินวัตรพูด คือ “บิ๊กป้อมเกิดความขวางก่อน” ที่เคยไปบอกอดีตนายกฯ ว่าอยากเป็นประธาน ป.ป.ช. แต่นายทักษิณงงว่าเป็นทหารจะเป็น ป.ป.ช.ได้อย่างไร ..พอเริ่มจากเรื่องนี้ก็คงมีเรื่องอื่นๆ สะสมมาอีก

ต่อมา ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังลูกผีลูกคนอยู่ว่าจะเอาอย่างไร แต่เบื้องต้นคือพูดกันว่า จำเป็นต้องมีเทียบเชิญไป ก็ไม่อยากจะมองว่าเรื่องมาก  แต่การส่งเทียบเชิญคือการให้เกียรติและรับประกันการอยู่ร่วมกันระดับหนึ่ง วันที่ 27 ส.ค.ยังไม่มีเทียบเชิญไป แต่นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่า พรรคมีมติให้ “เสี่ยต่อ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน” หัวหน้าพรรคไปเจรจาแล้ว ขณะที่นายเฉลิมชัยบอกว่า “นายกชาย เดชอิศม์” เข้าใจผิด ..ซึ่งว่าไป นายกชายนี่แหละเป็นคนทำให้สังคมรู้สึกว่า ประชาธิปัตย์จะไปร่วมรัฐบาลตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งที่มีข่าวว่า นายกชายไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ฮ่องกง ซึ่งไม่รู้ว่า “มีดีลอะไรกันหรือไม่” แต่นายกชายแสดงท่าทีชัดเจนว่า ต้องการร่วมรัฐบาล โดยอ้างว่า สส.เกือบทุกคนต้องการ เพราะเป็นฝ่ายค้านมันไม่ค่อยมีผลงาน ..และยังมีข่าวด้วยว่า นายกชายส่งเอกสารคุณสมบัติรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งยังไม่มีมติพรรคด้วยซ้ำ ทำให้กระบวนการอาจผิดอีก

กลุ่มผู้อาวุโสในพรรคก็มีท่าทีค้านการที่พรรคประชาธิปัตย์จะไปร่วมรัฐบาล อาทิ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ ก็ยังบอกทำนองว่า สมัยนายทักษิณ ชินวัตร ก็เลือกพัฒนาพื้นที่ที่เลือกตัวเอง และทอดทิ้งภาคใต้  นายชวนเป็น สส.ใต้มากี่สมัยจึงไม่อาจทรยศคนใต้ได้ .. และแน่นอน ถ้าเอาเรื่องนี้ไปถามนายเดชอิศม์ เขาก็ต้องบอกว่า เรื่องในอดีตก็ลืมๆ กันไป รีเซตประเทศไทยเดินหน้าต่อดีกว่า…แต่ดูท่าทางสำหรับนายกชายแล้ว อาจมีอุปสรรคในห้วงการตรวจคุณสมบัติรัฐมนตรีเข้ม เพราะนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช.บอก “เจ้าตัวยังมีคดีใน ป.ป.ช.”

และการรับเอาพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมรัฐบาล  เพื่อไทยก็ต้องคิดเรื่องคุ้มได้คุ้มเสีย ถ้าเกิดเอา พปชร.ออกไปทั้งพรรค 40 เสียง ก็ได้ประชาธิปัตย์มาแทน 25 เสียง สมมุติว่าบวกพรรคเล็ก 5 เสียง ก็ทำให้ สส.ขั้วรัฐบาลในสภาหายไป 10 เสียง ตีเสียว่าเหลือ 304 เสียง และต้องตอบคำถามแกนนำเสื้อแดงอีก ว่า “ทำไมเอาพรรคที่สั่งสลายการชุมนุมปี 53 มาร่วมด้วย” เพราะเรื่องนี้เสื้อแดงหลายคนยังไม่รู้สึกได้ความเป็นธรรม แถมจะถูกถามอีก ว่า ทำไมเอาพรรคแกนนำเป่านกหวีดไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ จนเกิดรัฐประหารมาร่วม ? ซึ่งถ้าย้อนไปการเมืองติด dead lock จนมีรัฐประหารปี 49 และ 57 ส่วนหนึ่งก็เพราะพรรคประชาธิปัตย์บอยคอตเลือกตั้ง  

ทางฝ่ายกองเชียร์ประชาธิปัตย์ก็อาจเซ็งและผิดหวังไปตามๆ กัน อุตสาห์ประกาศต่อสู้ระบอบทักษิณมานานวันนี้พลิกลิ้นจะไปขอร่วมรัฐบาล แล้วอ้างว่า ประชาชนในพื้นที่เรียกร้อง สส.เรียกร้องเพื่อหวังสร้างผลงาน ..ประวัติศาสตร์ทางการเมืองไม่ได้ลืมกันง่ายๆ ไม่ได้รีเซตกันง่ายๆ ขนาดนั้น เผลอๆ เลือกตั้งเที่ยวหน้าได้รอดูประชาธิปัตย์สูญพันธุ์ก็ได้

 เรียกว่า ตั้งรัฐบาลเที่ยวนี้ เผลอๆทุบแตกไปสองพรรค พปชร.กับประชาธิปัตย์ .. แม้ว่าไม่ใช่ศัตรูปัจจุบัน แต่อารมณ์ประมาณถึงเวลาล้างแค้น ..ขณะที่องคาพยพของ กปปส. อย่างนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ( รทสช.) ที่อยากมาเป็นรัฐมนตรี ตอนนี้ก็ถูกประชาธิปัตย์สกัดดาวรุ่งเอง เช่นนายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ออกมาบอกว่า “คดี กปปส.ส่วนของนายเอกนัฏยังไม่สิ้นสุด” เพราะศาลชั้นต้นตัดสินมีความผิด ศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้อง เช่นนั้นแล้วยังต้องต่อที่ศาลฎีกา .. ถ้าเคร่งเรื่องการแต่งตั้งมากก็ต้องระแวงไว้ก่อน

ขณะที่พรรคเพื่อไทยเอง ก็ไม่ใช่ว่าจะสบายๆ เพราะโดนมือมืดร้องยุบพรรค เหตุจากนายทักษิณ ชินวัตร ครอบงำพรรค โดยอ้างจากหลังวันที่นายเศรษฐาพ้นตำแหน่ง มีรถของแกนนำรัฐบาลเข้าออกบ้านจันทร์ส่องหล้า เช่นนี้แล้วคือไปหารือกับนายใหญ่เพื่อไทยหรือไม่ เรื่องนี้ก็ต้องรอดูหลักฐานที่ “มือมืด” เปิดออกมาว่า ทำให้ถึงยุบพรรคได้หรือไม่ เพราะนายทักษิณเป็นสมาชิกพรรคไม่ได้ ขาดคุณสมบัติตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง เนื่องจากเคยต้องโทษจำคุก

อย่างไรก็ตาม มีการวางไทม์ไลน์การตั้งคณะรัฐมนตรี(ครม.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร  นายก ฯ จะพิจารณาแต่งตั้ง รมต. และนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ฯ ในช่วงต้นเดือน ก.ย. 2567 เมื่อมีการโปรดเกล้าแต่งตั้งนายก ฯ จะนำ ครม. เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นคาดว่าวันที่ 5 ก.ย. 2567 จะมีการประชุม ครม.นัดพิเศษ เพื่อเสนอร่างนโยบาย ต่อ ครม.ให้ความเห็นชอบ พร้อมกับการกำหนดวันแห่งนโยบายต่อสภา

วันที่ 6 ก.ย. 2567 จะมีการส่งเล่มคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภารับทราบ ซึ่งตามธรรมเนียมปฏิบัติจะต้องส่งก่อนวันแถลงนโยบายล่วงหน้า 3 วันทำการและคาดว่า ครม.แพทองธาร1 จะแถลงนโยบายต่อสภา ในวันที่ 11 ก.ย. 2567 ซึ่งครม.จะต้องแถลงนโยบายภายใน  15 วัน นับแต่วันที่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน  และคาดการณ์ว่าในวันที่ 17 ก.ย. 2567 จะเป็นการประชุมครม. หรือ ครม.แพทองธาร 1 นัดแรก แต่ไทม์ไลน์ ดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ขอให้ได้รัฐบาลโดยเร็วเถิด เพราะปัญหาในประเทศรอฝ่ายบริหารทำงานมีอีกมาก.

………………………………………………………
คอลัมน์ : ที่เห็นและเป็นอยู่
โดย “บุหงาตันหยง”

คลิกอ่านบทความทั้งหมดได้ที่นี่