กรณีบุคคลธรรมดานำเงินของตนให้บุคคลอื่นกู้ยืม หากเป็นการให้กู้ยืมเงินโดยประกอบการเป็นอาชีพเพื่อให้ได้รับดอกเบี้ย การให้กู้ยืมดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นการประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/2 (5) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น นาย ส. ซึ่งเป็นผู้ประกอบการดังกล่าวจึงมีหน้าที่ต้องจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ และเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ (หนังสือตอบข้อหารือของกรมสรรพากรเลขที่ กค 0706/3184 ลงวันที่ 18 เมษายน พ.. 2549) ดังนี้

กรณีนาย ส. เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นมากกว่าร้อยละ 25 ของ บริษัท ช. และบริษัท น. จำกัด โดยนาย ส. ได้ให้บริษัท ส. จำกัด กู้ยืมเงินจำนวน 10,000,000 บาท ซึ่งเป็นการให้กู้ยืมเงินครั้งแรกและครั้งเดียวเพื่อใช้ในการบริหารงาน นาย ส. จะได้รับดอกเบี้ยและถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 15.0 นอกจากนี้ นาย ส. ได้ให้บริษัท น. จำกัด กู้ยืมเงินจำนวน 2,000,000 บาท เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ และบริษัท น. จำกัด จำเป็นต้องกู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์เพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยใช้เครดิตส่วนตัวของนาย ส. ค้ำประกันเงินกู้ ต่อมาธนาคารได้ล้างเงินต้นและดอกเบี้ยในชื่อของบริษัท น. จำกัด ออกไป พร้อมทั้งตัดเงินในบัญชีส่วนตัวของนาย ส. แทน ในขณะเดียวกันบริษัท น. จำกัด จะล้างบัญชีหนี้สินในรายการ เงินกู้จากธนาคารและบันทึกบัญชี หนี้สิน เงินกู้ยืมจากกรรมการแทน ทั้งนี้บริษัทฯ ได้จ่ายดอกเบี้ยทั้งเงินกู้ยืมจำนวน 2,000,000 บาท และเงินกู้ยืมจากการตัดบัญชีของธนาคาร

1. กรณีบริษัททั้งสองจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืมให้แก่บุคคลผู้ให้กู้ยืม บริษัททั้งสองมีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 15.0 ของเงินได้ และนาย ส. ซึ่งเป็นบุคคลผู้ให้กู้ยืมดังกล่าวมีสิทธิเลือกเสียภาษีโดยไม่นำดอกเบี้ยที่ได้รับนั้นไปรวมคำนวณกับเงินได้อื่นเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เมื่อถึงกำหนดยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาก็ได้

2. กรณีบุคคลธรรมดานำเงินของตนให้บุคคลอื่นกู้ยืม หากเป็นการให้กู้ยืมเงินโดยประกอบการเป็นอาชีพเพื่อให้ได้รับดอกเบี้ย การให้กู้ยืมดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นการประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/2 (5) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น นาย ส. ซึ่งเป็นผู้ประกอบการดังกล่าวจึงมีหน้าที่ต้องจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะและเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ

ดังนั้น กรณีตามข้อเท็จจริง เข้าลักษณะกรณีบุคคลธรรมดานำเงินของตนให้บุคคลอื่นกู้ยืม ถ้าเป็นการให้กู้ยืมเงิน โดยประกอบการเป็นอาชีพเพื่อให้ได้รับดอกเบี้ยการให้กู้ยืมดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นการประกอบ กิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/2 (5) แห่งประมวลรัษฎากร ผู้ประกอบกิจการจึงมีหน้าที่ต้องจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะและเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ.