การเมืองช่วงนี้วิ่งสู้ฟัดจนฝุ่นตลบอบอวนหลัง “นายหญิง” แพทองธาร ชินวัตร ได้รับของขวัญชิ้นโตในวันเกิดครบรอบ 38 ปี คือ เก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ผงาดนั่งบัลลังก์ผู้นำประเทศ
หลัง “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน ตกสวรรค์หลุดจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเพราะถูกศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 เสียงถอดถอนให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ด้วยข้อหา ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไร้จริยธรรมอย่างร้ายแรง ตีตราเป็น“นายกฯไร้จริยธรรม” การเมืองพรรคเพื่อไทยจึงต้องเปลี่ยนมือ เมื่อสถานการณ์นี้เดินทางมาถึงเวลาที่ “อิ๊งค์”แพทองธาร “แพทองธาร” ลูกสาวสุดเลิฟของ “นายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า” ทักษิณ ชินวัตร ผู้นำจิตวิญาณพรรคเพื่อไทย ต้องโดดลงมารับไม้ต่อก็ต้อง “เดอะโชว์มัสโกออน”
สถานีต่อไป คือ การเดินหน้าจัดทัพให้ตอบโจทย์กับการแก้ปัญหาประเทศเพื่อให้คนไทยมีกินมีใช้มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ตามที่ “นายกฯแพทองธาร” ให้คำมั่นสัญญา ที่จะนำพาประเทศไทยเดินหน้า ฝ่าฟันทุกอุปสรรค แก้ไขปัญหาความเดือดร้อน แก้ไขปัญหาปากท้อง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน จะส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพและทักษะของคนไทยทุกคน และทำให้ทุกตารางนิ้วบนแผ่นดินไทย เป็นพื้นที่ให้คนไทยได้กล้าฝัน กล้าสร้างสรรค์และกล้ากำหนดอนาคตของตัวเอง
“ในฐานะนายกฯจะรับผิดชอบหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งโอกาส เป็นประเทศแห่งความหวัง เป็นประเทศแห่งความสุขของคนไทยทุกคนอย่างเท่าเทียม”
จึงต้องจับตาดูว่าหน้าตาคณะรัฐมนตรี(ครม.) “รัฐบาลแพทองธาร 1” ครั้งนี้จะออกมาเป็นอย่างไรจะทำให้ประเทศและประชาชนมีความหวังได้อย่างที่พูดหรือไม่
และข้อหาเรื่อง “ไร้จริยธรรม” ที่ศาลธรรมนูญวินิจฉัยปลุกให้ พรรคเพื่อไทยต้องตั้งการ์ดสูงในการกลั่นกรองบุคคลเข้ามาเป็นรัฐมนตรีใน “รัฐบาลแพทองธาร 1” โดย “มนุษย์พ่อ มนุษย์แม่” ทักษิณ ชินวัตร และ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ที่ต้องคอยประคับประคองลูกสาวคนเล็ก ไม่ให้ต้องเข้าสู่แดนอันตราย ไม่ให้ถูกเชือดได้ง่ายๆ
เพราะรู้อยู่แล้วว่า “ตระกูลชินวัตร” คนรักทั้งประเทศแต่ก็มีคนเกลียดไม่ใช่น้อย หลัง“นายกฯตระกูลชิน”ถูกสอยต้องเผชิญวิบากกรรม ทั้งนายใหญ่ “ทักษิณ” และ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ถูกปฏิวัติมา 2 ครั้ง ขณะที่ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” เขยตระกูลชิน แม้จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ได้เข้าไปนั่งทำงานในตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลเลยแม้แต่วันเดียว เนื่องจากเจอม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ยึดทำเนียบฯไว้ก่อน
ดังนั้นจึงเกรงว่าวิบากกรรมต่างๆ จะตกมาที่ “แพทองธาร” ลูกสาวในวัยละอ่อน
นาทีนี้ตัวแม่อย่าง “คุณหญิงพจมาน” ต้องโดดลงมาคุมเกมจัดทัพคณะรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยด้วยตัวเอง ขอสแกนแบบละเอียดยิบ โดยเฉพาะคุณสมบัติคนที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีของแต่ละคนจะต้องซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ต้องไม่คลุมเครือ โดยได้มีการออกแบบฟอร์มการกรอกคุณสมบัติรัฐมนตรีใหม่ มีการกำหนดว่าใครที่โดนร้อง โดนไต่สวน โดนคดีความ แต่ถ้าคดีจบแล้วก็จะต้องมีเอกสารรับรองว่าคดีเหล่านั้นจบจริง
สอดรับที่ “หมอมิ้ง”เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ออกมาระบุว่า ขณะนี้ทุกพรรคการเมืองส่งรายชื่อรัฐมนตรี มาครบหมดแล้ว ก็จะได้ตรวจสอบคุณสมบัติ ตามขั้นของสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ร่วมกับคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมถึงสอบถามไปยังหน่วยงานต่างๆ
ทั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่าการจัดทัพต้องใช้เวลาเยอะขึ้นจากปกติ คาดว่าจะไม่น่าเกิน 2 สัปดาห์ หรืออาจจะ 1 สัปดาห์ก็ได้ เพราะได้ขอความร่วมมือจากองค์กรอิสระในการตรวจสอบคุณสมบัติ เพราะปกติก็ทำเช่นนี้ด้วยจากเดิมที่เช็คหลายทาง รอบนี้ก็ต้องเช็คให้รอบคอบมากขึ้น จะทำให้รอบคอบที่สุดและในเวลาที่เหมาะสม
จึงต้องสแกนทุกหย่อมหญ้า เพื่อการันตีคุณสมบัติรัฐมนตรีใหม่ทุกคน เพื่อให้มีความมั่นใจว่าการเดินหน้า “รัฐบาลแพทองธาร” ต้องเดินหน้าไปอย่างปลอดภัย ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย “รัฐบาลเศรษฐา” การตรวจสอบจึงต้องเน้นเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ถือได้ว่าพรรคเพื่อไทยต้องทำให้ “รัฐบาลแพทองธาร” จะต้องใสสะอาดใครเปื้อนโคลนก็ต้องล้างให้เกลี้ยง
ขณะที่มนุษย์ “พ่อทักษิณ” เปิดยุทธการล้างแค้น ที่เห็นชัดๆ ตอนนี้ คือยุทธการลุย “ปิดป่า” ทำเอาฟิวขาด อารมณ์ไม่อยู่กับร่องกับรอย พร้อมเกิดเหตุการณ์การชิงส่งโผคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐที่มี 4 เก้าอี้ ให้กับพรรคเพื่อไทย โดยไม่มีชื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
เป็นเหตุให้ “ร.อ.ธรรมนัส” ต้องประกาศอิสรภาพขอออกจากบ้านป่า และรวบรวมพลพรรคได้ 26 สส.บวกอีก 5พรรคเล็ก ส่งโผให้กับพรรคเพื่อไทย โดยส่งไป 2 ตำแหน่งโดยเป็น 1รัฐมนตรีว่าการ(รมว.)และ 1 รมช. เปิดศึกงัดข้อโชว์พลังให้เห็นใครเป็นผู้คุมเกมเหนือกว่ากัน
ทำเอาโผครม.ของพรรคพลังประชารัฐแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และล่าสุดพล.อ.ประวิตร กลับลำชิงออกแถลงการณ์จากผลมติพรรคพปชร.ยื่นยันที่ 4 เก้าอี้ตามเดิม แต่คราวนี้มีชื่อของ “ร.อ.ธรรมนัส” ด้วย แต่ ร.อ.ธรรมนัส พูดชัดไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับพรรค
มาถึง ณ เวลานี้ไม่ต้องพูดถึงว่า โผของใครจะยืนหนึ่งในใจของ “ทักษิณ” ระหว่างโผของ “ลุงป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กับ “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เพราะเป็นที่รู้กันอยู่ว่า “ผู้กองธรรมนัส” เป็นผู้ใกล้ชิดตัวจริง “นายใหญ่ทักษิณ” แถมยังสายตรงถึงกันตลอดเวลา
และงานนี้ต้องจับตาดูว่าจะมีการเติมเสียงในพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่แต่งตัวรอรับเทียบเชิญ ยังไม่รวม 6 เสียงสส.พรรคไทยสร้างไทย ที่ลุกขึ้นหักดิบกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย โหวตหนุน “แพทองธาร” เป็นนายกรัฐมนตรี
สแกนดูแล้ว เสียงรัฐบาลงวดนี้แกร่งทั้งแผ่นแต่ก็ต้องยังมีวิบากกรรมคอยระวังทั้งกรณีข้อสอบรั่วที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์ กรณีขายบ้านให้ทุนจีนสีเทาที่ยังคงเป็นภาพหลอกหลอน “นายกฯอิ๊งค์”
ที่สำคัญยังมีเรื่องโครงการเติมเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต พรรคเพื่อไทยใช้สูตรพิสดารในการพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ฟังจาก “ไหม” ศิริกัญญา ตันเจริญ สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปปช.) ซึ่งรู้ทันเกมพรรคเพื่อไทยดีว่า โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท มาถึงทางตัน จึงต้องแจกเงินสดให้กลุ่มเปราะบาง เพื่อลดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่ฝ่ายค้านเฝ้ารอวันการแถลงนโยบาย จะติดตามทวงสัญญาที่หาเสียงเอาไว้ และตรวจการบ้าน 1 ปีรัฐบาล “โครงการดิจิทัลวอลเล็ต”แน่นอน
แต่งานนี้ “นายใหญ่ทักษิณ”ไม่รอช้าหลังพ้นโทษได้ขึ้นงานแรกโชว์วิสัยทัศน์ ถึงความเป็นมืออาชีพกล่าวถึงทิศทางประเทศ ต้องฟื้นเศรษฐกิจพิเศษหลังเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 ส.ค.2566 ท่ามกลางบรรดานักการเมืองภาคธุรกิจ-เอกชน ที่แห่ร่วมรับฟังจำนวนมาก
ต้องจับตาดูต่อไปว่า “นายกฯแพทองธาร” จะเป็นกัปตันนำรัฐนาวาลำนี้ ฝ่ากระแสพายุคลื่นลมไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ และต้องรอดูว่าความรักและความเป็นห่วงของ “มนุษย์พ่อ มนุษย์แม่” จะคอยเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก หรือจะกลายเป็นแสงที่นำทางจบกลบผลงาน ดับแสงของลูกสาว ทำชาวโลกสงสัย ใครกันแน่ คือนายกฯที่นำประเทศตัวจริง ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นการบริหารประเทศใน “รัฐบาลแพทองธาร”หรือไม่.