การเมืองไม่นิ่งพอจะปล่อย น.ส.แพทองธารมาฟาดฟันกับเสือสิงห์กระทิงแรดตอนนี้.. แต่การเอา น.ส.แพทองธารมาใช้ก่อนเวลาก็คงเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุด เพราะหากไปให้ “เสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยนั่งเป็นนายกฯ ก่อน ก็รับประกันไม่ได้ว่า จะมีลูกเล่นอะไรอีก นายทักษิณ ชินวัตรเคยโดนนายเนวิน ชิดชอบ ลูกพี่เสี่ยหนูหักหลังมาแล้วตอนยุบพรรคพลังประชาชนจะย้ายไปเพื่อไทย กับประโยค “มันจบแล้วครับนาย” ก่อนที่นายเนวินจะขน สส.ไปตั้งพรรคภูมิใจไทย ตั้งรัฐบาลกับประชาธิปัตย์
จะใช้นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ก็เห็นว่า “ไม่ได้มีภาพลักษณ์ของความเป็นคนรุ่นใหม่เท่าที่ควร” ในกระแสเลือดใหม่ที่ต้องสู้กับพรรคก้าวไกล นายชัยเกษมดูไม่ดึงดูดใจพอ และดีไม่ดี นายชัยเกษมอาจถูกร้องเรื่องจริยธรรมเข้าอีก จากกรณีที่เคยลงชื่อสนับสนุนแก้ ม.112 ร่วมกับม็อบที่ราชประสงค์ ..ปัญหาการตีความเรื่องขัดจริยธรรมของประเทศเรามันคือการใช้ดุลยพินิจที่กว้างมาก อย่างกรณีของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีพ ก็มีการตั้งข้อกังขามากมายว่า “โทษหนักเกินสิ่งที่ทำหรือไม่”..ดังนั้น เมื่อมันมีการตีความได้กว้าง ก็อย่าเสี่ยงดีกว่า และในการร่างรัฐธรรมนูญที่จะทำกัน ควรมีอะไรรัดกุมเกี่ยวกับหมวดจริยธรรม
หวยจึงไปออกอิ๊งค์ ….ในภาวะที่รัฐบาลยังไม่มีอะไรเรียบร้อยสักอย่าง นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ เดินสายเป็นเซลล์แมนไปทั่วเพื่อชวนนักลงทุนมาไทย ก็ยังไม่ได้ภาพความสำเร็จในการลงทุนที่ชัด เงินดิจิทัลวอลเลต นโยบายเรือธงก็ยังลอยตุ๊บป่องๆๆ ไม่รู้ลอยไปทางไหน เพราะทำไปทำมาก็เสี่ยงโดนร้องเรื่องขัดวินัยการเงินการคลัง ไม่มีความจำเป็นต้องกู้มโหฬารมากระตุ้นเศรษฐกิจ ใช้เงินผิดประเภทไปเขียนเป็นงบลงทุน คราวนี้ความที่เป็นกฎหมายการเงิน นายกฯ ต้องพ้นจากตำแหน่งอีก ส่วนกฎหมายด้านการทำซอฟต์พาวเวอร์ก็ยังไม่ออก ..
การตั้งรัฐมนตรีเที่ยวนี้ “เพราะบทเรียนจากกรณีเสี่ยนิด” ที่โดนพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ทั้งที่นายพิชิตเคยต้องคดีโทษจำคุกเป็นที่สิ้นสุดแล้ว ทำให้อิ๊งค์ดูผวาที่จะต้องโดนแต่เนิ่นๆ ในกรณีเดียวกัน เลยสั่ง..แม้จะต้องเร่งตั้งรัฐมนตรีเร็วเพียงใด ( 20 ส.ค.พรรคร่วมต้องส่งชื่อ ) แต่ต้องคัดกรองคุณสมบัติเข้มๆ ไม่เอาคนเคยมีคดี เคยต้องคดี มาร่วม ครม.เด็ดขาด เดี๋ยวนายกฯ จะซวยไปด้วย คนยิ่งหมั่นหน้านายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพ่อเยอะอยู่ ขยับตัวอะไรคงเตรียมร่างคำร้องยื่นทันที
แต่..พูดถึงเรื่องนายพิชิต ข่าวลือมันก็มีมาเยอะเหมือนกัน เรื่องหนึ่งที่พูดกันไปเรื่อย คือ “พิชิตเป็นเด็กนาย ( เคยทำคดีให้ใครล่ะ ) มาขอเก้าอี้รัฐมนตรี เพื่อล้างมลทิน ทาง‘นาย’เลยจัดให้ โดยไม่คิดว่าจะมีอันตราย” ..ซึ่งก่อนหน้านี้ในการตั้ง ครม.เศรษฐา 1 ก็เคยมีข่าวนายพิชิตจะมาเป็นรองนายกฯ หรือประจำสำนักนายกฯ ที่ดูกฎหมาย เป็นแคนดิเดตแข่งกับนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่ก็มีเสียงค้านจนถอยไปรอบ แล้วมาสำเร็จตอน ครม.เศรษฐา 2 คราวนี้กลุ่ม สว.ชุด คสช.40 คนไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความการแต่งตั้งนายพิชิต …ซึ่งถ้าไอ้ที่ลือๆ กันเป็นความจริงนี่..ก็เท่ากับว่า ไม่รู้ว่าเผลอหรือจงใจวางยานายกฯ เสี่ยนิด แต่สรุปคือ พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว จะกลับมาอีกคงต้องรอล้างมลทินด้วยรัฐธรรมนูญใหม่ ที่ทางพรรคประชาชน โดยเท้ง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ อภิปรายไว้ว่า เรื่องมาตรฐานจริยธรรม การตัดสินอะไรมันเป็นปัญหา เรื่องนี้น่าจะถูกสะสางในรัฐธรรมนูญใหม่ให้ชัดเจน ( แต่หวังว่าไม่ถึงขั้นยกมาตรฐานจริยธรรมออกไปเลยนะ )
เมื่อต้องการตั้งรัฐมนตรีแบบ “ครม.สายคลีน” ซึ่งก็คงทั้งไม่ให้นายกอิ๊งค์ต้องคดีทีหลัง และเพื่อ “สร้างภาพลักษณ์ที่ดี” ให้เห็นเป็น ครม.ที่ไม่มีคนเทาๆ มาร่วมให้ถูกนินทา และเอาไปเปรียบเทียบกับพรรคประชาชนหรือพรรคก้าวไกลเดิมที่มีคนสดใหม่หรือภาพลักษณ์ดีกว่า ไม่เคยต้องคดีใหญ่ๆ ..ก็เดี๋ยวนี้แต่ละพรรคเขาเน้นโชว์เลือดใหม่ อย่างภูมิใจไทยก็เอาเลือดใหม่ ( ที่เป็นทายาทนักการเมือง ) มาขายตั้งหลายคน ..พอจะตั้ง ครม.สายคลีน ก็เกิดปัญหาทันที
เบื้องต้น ข่าวว่า “จะไม่เอาคนที่เคยต้องคดีมาเป็นรัฐมนตรี” คนแรกที่ถูกจับตาคือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่เคยถูกจำคุกที่ออสเตรเลียในข้อหาขนยาเสพติด ซึ่งตอนนั้นศาลรัฐธรรมนูญไทยวินิจฉัยว่า ไม่ขาดคุณสมบัติ เพราะเขตอำนาจศาลต่างประเทศมันคนละเขตอำนาจกับศาลไทย ..แค่เพราะความเป็นคดีใหญ่ ดูเป็นคดีสากล ทำให้ ร.อ.ธรรมนัสถูกมองเป็นคนเทา ๆเรื่อยมา แต่ในทางการเมือง ก็ถือว่า ร.อ.ธรรมนัสมีขุมกำลังพอสมควร มีกลุ่ม สส.น่าจะเป็นเสียงข้างมากด้วยซ้ำในพรรคพลังประชารัฐ ( พปชร.)
ต่อมา มีข่าวความขัดแย้ง..ซึ่งจริงๆ น่าจะเรียกว่า “ความไม่ได้ดังใจ” เสียมากกว่า ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.ไม่ยอมไปร่วมโหวตนายกฯ เลือกไปงานเลี้ยงต้อนรับนักกีฬาโอลิมปิคแทน และเมื่อนักข่าวสาวตัวเล็กๆ ไปถามว่า คิดอย่างไรกับผลเลือกนายกฯ ในสภาที่ได้อิ๊งค์ แพทองธาร ปฏิกิริยาบิ๊กป้อมแรงจนน่าตกใจ หน้าตาถมึงทึงขึงใส่ ขึ้นเสียง “ถามอะไรๆๆๆ” ก่อนที่จะตบหัวนักข่าวหญิง ซึ่งกระทำต่อหน้าธารกำนัล ชนิดที่น่าแจ้งความทำร้ายร่างกายและทำให้อับอายต่อหน้าธารกำนัล เรื่องนี้สมาคมนักข่าวฯ ได้ยื่นต่อประธานรัฐสภาให้สอบจริยธรรมบิ๊กป้อมในฐานะ สส.แล้ว และจริงๆ น่าจะยื่นให้สอบเรื่องการเข้าประชุมสภาด้วย ว่ามาบ่อยหรือเปล่า
ก็น่าจะเพราะแสดงอาการไม่สบอารมณ์กับนายกฯ หญิงคนใหม่จนออกนอกหน้า จนกระทั่งมีข่าว “เพื่อไทยไม่เอาวงษ์สุวรรณ”…จนทำให้มีข่าวตามมา ว่าบิ๊กป้อมต้องต่อสายหานายใหญ่พรรค ขอคงโควตาวงษ์สุวรรณไว้ตามเดิม แต่จะปรับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ออก เอานายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุขไปนั่งเป็น รมว.เกษตรฯ แทน และเอานายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ แกนนำพรรคไปนั่งเป็น รมช.สาธารณสุข
แน่นอน พอเป็นข่าวแบบนี้ ร.อ.ธรรมนัสก็ระเบิดลง แต่อาจอยู่ในสถานะเสือหลบไปเลียแผลก่อน คือประเมินสถานการณ์ หาตัวศัตรูที่แท้ค่อยเล่นงานให้จั๋งหนับ .. และยังไม่เคลื่อนไหวอะไรมาก คงหวังว่าให้คงรูปพรรค พปชร.ไว้ตามเดิมมิฉะนั้น ถ้าพรรคแตก โดนลดโควตารัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์เสียบแน่ แต่ก็ต้องต่างคนต่างอยู่กับบางคนอย่างนายสันติ .. เมื่อมีข่าวว่า นายสันติจะมาเป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ ประกอบกับข่าวการตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรีแบบเข้มๆ ก็มีเอกสารเก่าเรื่องนายสันติถูกถอนชื่อจากการเป็นนักศึกษา ม.รามคำแหง เนื่องจากทุจริตการสอบปี 42 ว่อนสะพัดทั่วเนต ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน ( เนาะ ) ..แบบว่า “ถ้าเคร่งคุณสมบัติก็พิจารณาให้ดี”
หลายคนคงลุ้นกันตัวโก่งให้ ร.อ.ธรรมนัสเอาคืนบิ๊กป้อม เพราะหัวหน้าพรรคไปให้สัมภาษณ์ทีวีแบบมีเสียงเป็นหลักฐาน ว่า “เสนอชื่อไปแล้วเขาไม่เอา” คือกะโยนพรรคเพื่อไทยเต็มที่ขอลอยตัวเหนือความขัดแย้ง ..ซึ่งบิ๊กป้อมเองจะรู้หรือไม่ว่า ร.อ.ธรรมนัสใกล้ชิดคลุกคลีกับพรรคเพื่อไทยมาแค่ไหน เพราะเป็นคนประสานงานระหว่าง พปชร.กับเพื่อไทยมาโดยตลอด ..เผลอๆ ร.อ.ธรรมนัสไปคุยอาจได้ “สาร” อีกอย่างก็ได้ ไม่มีใครรู้นอกจากเวลาจะเฉลย..
และไม่แน่ อาจเป็นแผนเอาคืน คสช.สลายพรรค พปชร.โดยล่อให้ฆ่ากันเองก็ได้ ใครจะรู้
ขณะเดียวกัน ข่าวเบื้องต้นออกมาบอกว่า รัฐมนตรีที่อาจไม่ได้ไปต่อ มีนายสันติร่วมอยู่ด้วย ก็เกี่ยวกับปัญหาข้อสอบรั่ว มีนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ( รทสช.) ติดคดีกบฏ กปปส. ซึ่งถ้าอิ๊งค์ตั้งเป็นรัฐมนตรี กองเชียร์เพื่อไทยก็คงแปลกๆ แปร่งๆ ไปบ้างเรื่องเอาศัตรูคู่อาฆาตมาเป็นรัฐมนตรี ก็ขิง เอกนัฏ เป็นลูกเลี้ยงของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่มีประวัติเคยป่วนมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ยื่นศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคข้อหาจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง ในคราที่ประชาธิปัตย์บอยคอตเลือกตั้งปี 49 , ต่อมา ตอนยุบพรรคพลังประชาชน ก็ไปทาบทามกลุ่มเนวินให้ออกมาตั้งพรรคภูมิใจไทย ดันให้เพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน และล่าสุดก็เป็นแกนนำม็อบนกหวีดไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ อาของอิ๊งค์ ..แต่ถึงจะตั้งไปนางแบกก็แบกให้ เถียงแทนให้ นอกจากนั้นก็มีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย แต่คนนี้ เสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกูล ยืนยันว่ามีคุณสมบัติเพราะศาลยกฟ้องคดีจ้างวานฆ่า
ครม.คลีนก็ดี ซึ่งน่าสนใจว่าจะเป็น ครม.มหาสนุกหรือไม่ แบบว่าอย่าชี้แต่หน้าข้าว่าเลว คือใครอกหักก็อาจแฉอีพวกสมหวัง หรือพวกสมหวังเบื้องหลังแทงหลังเพื่อนก็ได้ รายชื่อของเพื่อไทยยังไม่ออกเป็นทางการอย่าเพิ่งนับศพทหาร และไม่แน่จะเล่นไปถึงนายกฯอิ๊งค์ เพราะความที่เป็นนักธุรกิจมาก่อน ทำให้ต้องระวังเรื่องการถือหุ้นอะไรต่างๆ ที่อาจขาดคุณสมบัติ เรื่องหุ้นนี่ระวังให้ดีเพราะสอยเอก ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจมาแล้ว กรณีถือหุ้นสื่อ
ส่วนของนายกฯอิ๊งค์ สิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามเริ่มปล่อยออกมาคือ “ต้องระวังเรื่องการถือหุ้น บ.อัลไพน์” เพราะศาลตัดสินใจเป็นที่ธรณีสงฆ์ แต่ปัญหายังเวนคืนไม่ได้เพราะชาวบ้านหมู่บ้านราชธานียังต่อสู้เรียกร้องกันอยู่ ..ยิ่งการต้องมาเป็นนายกฯ แบบสายฟ้าแล่บนี้ ยิ่งต้องระวังว่า “อาจมีอะไรหลงหูหลงตา” เดี๋ยวนี้นักร้องหาข้อมูลกันเก่ง อย่างนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรค พปชร.ทั้งหาข้อมูลทั้งได้เรื่องกฎหมาย
และนอกจากฝ่ายค้าน ฝ่ายหมั่นไส้แม้ว อาจมีฝ่ายอกหักที่อยู่เบื้องหลังการสอยนายกฯ ได้ สิ่งที่ต้องระวังให้มากคือการอยู่ในเงานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะถูกร้องว่า “ให้คนนอกครอบงำพรรค” เนื่องจากนายทักษิณเป็นสมาชิกพรรคไม่ได้จากการต้องโทษถึงที่สุดว่าทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ขัดต่อ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ม.24 ถ้าฟังคนนอกที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคก็ถูกร้องเรียนได้ ..แม้อาจมีประเด็นสู้ว่า เป็นการรับฟังความเห็นคนในครอบครัวตามปกติ แต่ใครจะรู้ว่าศาลคิดอย่างไร อย่างที่กล่าวแต่ต้น คือ เรื่องมาตรฐานทางจริยธรรม การตัดสินมันแล้วแต่วิธีมอง ไม่ตายตัวนัก
คือน่าสนใจว่า ก่อนนำชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ ( ซึ่งนายกฯ อิ๊งบอกว่าต้องใช้เวลาตรวจสอบนานกว่าปกติเพื่อความรัดกุม ) ไม่รู้จะมีใครแฉใครว่าคุณสมบัติไม่คู่ควรกับเก้าอี้หรือไม่ และต่อไปปรับ ครม.แต่ละครั้งจะเกิดปรากฏการณ์ “บัตรสนเท่ห์” หลุดใส่ร้ายใครหรือไม่ ดูเป็นการตรวจสอบกันเองดี ซึ่งก็ขอให้ที่สุดแล้วประชาชนได้ประโยชน์ ไม่ใช่แค่เล่นเกมเตะตัดขาทางการเมือง เพราะถ้าเล่นการเมืองกันเมื่อไร ก็มุ่งเอาชนะจนลืมประเทศชาติกันได้
ตอนนี้ก็รอดูว่า คนที่มาเป็นรัฐมนตรีจะมีภาพลักษณ์ดี ผลงานน่าสนใจแค่ไหน..ถ้าเกลี่ยเก้าอี้ตามโควตาการเมืองก็คงไม่มีอะไรน่าสนใจมากนัก นอกจากรอดูว่าใครจะโดนแฉเรื่องอะไร.
………………………………………………………
คอลัมน์ : ที่เห็นและเป็นอยู่
โดย “บุหงาตันหยง”