หลังจากมติสภาผู้แทนราษฎรโหวตเลือกให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ของประเทศไทย โดยในที่ประชุมมีมติเกินครึ่ง ด้วยคะแนนเสียง เห็นชอบ 319 ไม่เห็นชอบ 145 งดออกเสียง 27
สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับวงการเมืองไทยในหลาย ๆ ด้าน ไล่ตั้งแต่ นายกฯ อายุน้อยที่สุด ของไทย อายุ 37 ปี 11 เดือน เป็น ผู้นำหญิง คนที่ 2 (ต่อจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ หญิงไทยคนแรก) เป็น คนที่ 3 ของ “ตระกูลชินวัตร” ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี (นายทักษิณ ชินวัตร นายกฯคนที่ 23, น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกฯคนที่ 28)
นับจากนี้อาจจะเป็นการก้าวผ่านสู่การเมืองของคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่กระโดดเข้าสู่สนามการเมืองไทย เพราะนอกจาก อิ๊งค์–แพทองธาร จะก้าวขึ้นเป็นนายกฯอายุน้อยสุดแล้ว ผู้นำพรรคฝ่ายค้านปัจจุบัน เท้ง–ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน มีอายุเพียง 37 ปี จบจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เช่นเดียวกัน
กำลังจะกลายเป็น สนามการเมืองของหนุ่มสาวไฟแรง เปิดมิติใหม่ ๆ กล้าคิด กล้าทำ กล้าจะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เหลือเพียงแค่บ่มเพาะประสบการณ์ให้แก่กล้ามากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ดูตัวอย่างจากในวันประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ เมื่อวันศุกร์ที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น
ผู้นำฝ่ายค้าน ถือโอาสใช้จังหวะอภิปรายตอกย้ำเอาไว้ในที่ประชุมสภาได้อย่างน่าสนใจว่า จะเป็นบันทึกทางประวัติ ศาสตร์ชิ้นสำคัญ ที่อยู่ในรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 26 ’พวกเราไม่เห็นด้วยกับกระบวนการนิติสงคราม ที่ได้ทุบทำลายอำนาจที่มาจากพี่น้องประชาชน วันนี้ไม่ว่าเพื่อนสมาชิกจะลงมติอย่างไร เชื่อว่าภารกิจของพวกเราในฐานะ สส. รวมถึงภารกิจของนายกรัฐมนตรีคนถัดไป คือการกลับไปแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ ที่ทำให้พวกเราต้องมานั่งอยู่ในสภาวันนี้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของผม ของ สส. คนใดคนหนึ่ง หรือของพรรคการเมืองใด แต่เป็นเรื่องของทุกคน“
กระบวนการนิติสงคราม ยุบพรรค–ตัดสิทธิ นับแต่ พ.ศ. 2541 ที่มีการจัดตั้ง ศาลรัฐธรรมนูญ มีการยุบพรรค การเมืองไปแล้ว อาทิ ยุบพรรคไทยรักไทย, พลังประชาชน, ชาติไทย, มัชฌิมาธิปไตย, ไทยรักษาชาติ, อนาคตใหม่ จนถึง ก้าวไกล นอกจากยุบพรรคยังมีกรณี นายกรัฐมนตรี ผู้นำฝ่ายบริหาร ถูกถอดถอน อาทิ นายสมัคร สุนทรเวช, น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ล่าสุด นายเศรษฐา ทวีสิน
ภารกิจที่สำคัญของทุกคนในสภาชุดนี้มี 3 ข้อนี้ด้วยกัน ผ่านการ “ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ“ รวมถึงปรับ ปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา หรือ พ.ร.ป. ฉบับใดก็ตามที่เกี่ยวข้อง เหลือเวลาอีกไม่ถึง 3 ปีในรัฐสภาชุดนี้ สามารถผลักดันให้เกิดขึ้นได้ ในการเลือกตั้งปี 2570 ไม่ว่าพรรคใดชนะการเลือกตั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างที่นำเสนอ จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญให้กับระบอบประชาธิปไตย พรรคการเมือง นักการเมืองผู้ได้รับฉันทามติจากการเลือกตั้งจากอำนาจสูงสุดของพี่น้องประชาชน ให้พวกเราสามารถดำเนินนโยบาย แก้ไขกฎหมาย บริหารประเทศ เพื่อตอบสนองประชาชนที่เลือกเรามา
สถานการณ์การเมืองไทยตอนนี้ ได้ “ผู้นำรัฐนาวาหญิง” และ “ผู้นำฝ่ายค้าน” อายุ 37 ปีเท่ากัน มาจาก 2 พรรคที่ได้รับการเลือกตั้ง มีคะแนนอันดับ 1 และ 2 แต่ต้องมาเจอมรสุมทั้งเรื่องเก้าอี้นายกฯ และยุบพรรค จะร่วมกันปรับแก้ “รัฐธรรมนูญ 2560” มรดกบาป คสช. ได้สำเร็จหรือไม่? คงต้องเกาะติดกันแบบใกล้ชิด ยุคนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ ชนิดเหนือความคาดหมาย!!.
………………………………………
เชิงผา
