ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เปิดเผยข้อเสนอเมื่อช่วงปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ให้มีการปฏิรูปศาลฎีกาสหรัฐ ซึ่งมีผู้พิพากษา 9 คน และส่วนใหญ่เป็นสายอนุรักษนิยม เนื่องจากการเสนอชื่อผู้พิพากษา 3 คน ในสมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

อนึ่ง ศาลฎีกาสหรัฐในปัจจุบัน มีคำตัดสินที่สร้างความตกตะลึงในหลายคดี ไม่ว่าจะเป็น การเพิกถอนสิทธิในการทำแท้งทั่วประเทศ เมื่อปี 2565, การลดการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม, การลดอำนาจของรัฐบาลกลาง และการยอมรับคำกล่าวอ้างของทรัมป์ ที่ว่าอดีตประธานาธิบดีมีสิทธิได้รับความคุ้มครองจากการดำเนินคดี

นางเทรซี โทมัส ศาสตราจารย์คณะนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแอเคริน กล่าวว่า ประชาชนชาวอเมริกันจำนวนมาก สูญเสียความเชื่อมั่นที่มีต่อศาลฎีกาสหรัฐ ซึ่งสิ่งนี้สะท้อนให้เห็นในผลสำรวจความคิดเห็นเมื่อไม่นานมานี้ โดยชาวอเมริกันเกือบ 2 ใน 3 ไม่พอใจกับการทำงานของศาล

ขณะที่นายคีธ บายบี ศาสตราจารย์คณะนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยซีราคิวส์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้พิพากษาศาลฎีกาชุดปัจจุบัน ซึ่งได้รับการเสนอชื่อโดยพรรครีพับลิกัน 6 คน และพรรคเดโมแครตอีก 3 คน ทำให้การตัดสินคดี “ดูลำเอียงมากขึ้น” และ “ค่อนข้างท่วมท้น” ซึ่งสองปัจจัยข้างต้น กระตุ้นให้สมาชิกพรรคเดโมแครต มีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับอำนาจของศาล

ทั้งนี้ ข้อเสนอของไบเดน เรียกร้องให้มีการจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งของผู้พิพากษาศาลฎีกาไว้ที่ 18 ปี จากเดิมที่ได้รับการแต่งตั้งตลอดชีวิต และประมวลจรรยาบรรณที่บังคับใช้ได้ ตลอดจนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะพลิกคำพิพากษาของศาล เกี่ยวกับการคุ้มครองประธานาธิบดี

อย่างไรก็ตาม ผู้สันทัดกรณีด้านกฎหมายกล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็น “เรื่องยาก” ในบรรยากาศทางการเมืองในปัจจุบัน เนื่องจากข้อเสนอดังกล่าว ต้องได้รับความเห็นชอบอย่างน้อย 2 ใน 3 จากสภาคองเกรส ทั้งสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา รวมถึงอย่างน้อย 3 ใน 4 จากสภานิติบัญญัติของรัฐ

ด้วยเหตุนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญในสหรัฐจึงมี “อุปสรรคสูงมาก” เพราะพรรครีพับลิกัน ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ขณะที่พรรคเดโมแครต มีเสียงปริ่มน้ำในวุฒิสภา ซึ่งแน่นอนว่า บรรดาผู้นำพรรครีพับลิกันไม่เห็นเหตุผลใด ๆ ที่จะต้องยับยั้งศาล เนื่องจากศาลกำลังดำเนินการในสิ่งที่พวกเขาต้องการ

กระนั้น ประมวลจรรยาบรรณกลับมีโอกาสผ่านสภาคองเกรส “มากกว่าที่คิด” โดยนายคาร์ล โทเบียส ศาสตราจารย์คณะนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยริชมอนด์ ชี้ว่า ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์และศาลแขวงของรัฐบาลกลางทุกคน ต้องปฏิบัติตามประมวลจรรยาบรรณที่บังคับใช้ได้.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AFP