เรื่องราวของชีวิตจริงยิ่งกว่านิยายของ “นาตาเลีย เกรซ” เด็กหญิงกำพร้าจากยูเครน มักมีคนเข้าใจว่าเป็นที่มาของภาพยนตร์ระทึกขวัญจากปี 2552 เรื่อง “The Orphan” ทั้งที่กรณีของเธอเกิดขึ้นหลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวออกฉาย และมีผู้แย้งว่า ภาพยนตร์เรื่องนั้นมีที่มาจากคดีของหญิงสาวชาวเชกวัย 33 ปีที่ปลอมตัวเป็นวัยรุ่นชายและหนีคดีทำร้ายร่างกายผู้เยาว์ไปเข้าโรงเรียนที่นอร์เวย์
ในชีวิตจริง เกรซต้องใช้เวลาเกินทศวรรษ กว่าจะทำให้ความจริงปรากฏออกมาว่าเธอไม่ได้โกหกหลอกลวงใครแบบที่อดีตพ่อแม่บุญธรรมของเธอกล่าวหา
เมื่อปี 2553 ไมเคิล และ คริสทีน บาร์เนตต์ สามีภรรยาจากสหรัฐ รับบุตรสาวบุญธรรมจากประเทศยูเครนชื่อว่า นาตาเลีย เกรซ โดยเชื่อว่าเธอเป็นเด็กที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรมที่หาได้ยาก ทำให้รูปร่างแคระแกร็นแบบคนแคระ
แต่ในเวลาต่อมา สามีภรรยาคู่นี้กลับกล่าวหาเกรซว่าแท้ที่จริงแล้ว เธอเป็น “ผู้ใหญ่เต็มตัว” ที่ปลอมตัวเป็นเด็กหญิง หนำซ้ำยังมีอาการผิดปกติทางจิตและพยายามจะฆาตกรรมคนในครอบครัวของพวกเขา เหมือนในภาพยนตร์เรื่อง The Orphan
ในปี 2555 สองสามีภรรยาร้องเรียนทางกฎหมายได้สำเร็จและทำให้มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลปีเกิดในสูติบัตรของเกรซ จากปี 2546 เป็นปี 2532 ซึ่งส่งผลให้เกรซกลายเป็น “ผู้ใหญ่” วัย 23 ปีตามกฎหมาย พวกเขาจึงสามารถทิ้งเธอไว้ตามลำพังในอพาร์ตเมนท์ที่อินดีแอนา ขณะที่พวกเขาย้ายไปอยู่ที่แคนาดาทั้งครอบครัว
หลังจากที่เกรซมีครอบครัวใหม่รับอุปถัมภ์เลี้ยงดู เธอก็มีโอกาสได้เล่าเรื่องราวจากมุมของเธอในภาพยนตร์สารคดีเรื่อง The Curious Case of Natalia Grace ซึ่งเธอปฏิเสธทุกอย่างที่คริสทีนและไมเคิล บาร์เนตต์เคยกล่าวหาเธอไว้ นอกจากนี้เธอยังยินยอมเข้ารับการทดสอบและตรวจสอบทางการแพทย์เพื่อค้นหาอายุที่แท้จริงของเธอ
ในปี 2566 เธอเข้ารับการตรวจสอบทางพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอกับบริษัททรูไดแอกนอสติค เพื่อหาความกระจ่างว่าเธออายุเท่าไหร่กันแน่
ปรากฏว่าผลลัพธ์ที่ออกมาระบุว่า เกรซมีอายุราว 22 ปีในตอนที่เข้ารับการตรวจ ขณะที่เมื่อ 12 ปีก่อน อดีตพ่อแม่บุญธรรมของเธออ้างว่าเธอเป็นหญิงสาวอายุ 22 ปีปลอมเป็นเด็กหญิง เท่ากับในตอนที่พวกเขาทิ้งเธอไป ปล่อยให้เธอหาทางใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง เกรซมีอายุเพียง 9 ปีเท่านั้น
นอกจากนี้ ทีมงานภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวยังสามารถติดตามจนเจอแม่ผู้ให้กำเนิดนาตาเลีย ซึ่งยืนยันว่าเธอเกิดในปี 2546 จริง ๆ
เบธ คารัส ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายกล่าวถึงกรณีการแก้ไขปีเกิดและอายุของเกรซให้เป็นผู้ใหญ่อายุ 20 ปีเศษจากการยื่นคำร้องของครอบครัวบาร์เนตต์ว่า เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุผลโดยสิ้นเชิง
เธออธิบายว่าผู้พิพากษาที่อนุมัติคำขอได้รับเอกสารที่เตรียมการไว้แล้วจากทีมอัยการซึ่งให้เหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงไม่เชื่อว่าเธอเป็นเด็ก และคิดว่าเธอเป็นผู้ใหญ่
พวกเขามองว่าเกรซไม่ได้เติบโตตามวัยที่เพิ่มขึ้นในระยะเวลา 4 ปีที่เธออยู่กับครอบครัวบาร์เนตต์ ผู้พิพากษาซึ่งสรุปจากข้อสันนิษฐานว่า คนทั่วไปจะหยุดการเจริญเติบโตที่อายุ 18 ปี ในเมื่อเธอดูไม่ “โต” ขึ้นเลยตลอดเวลา 4 ปี ก็นำตัวเลขไปรวมกับ 18 กลายเป็น 22 ปี ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นอายุตามกฎหมายของเกรซในเวลานั้น
หลังจากที่ได้รับผลของการตรวจสอบด้วยดีเอ็นเอ เกรซถึงกับหลั่งน้ำตา เพราะเธอต้องอดทนต่อผลกระทบที่มาจากคำโกหกของคนสองคนที่เคยเป็นพ่อแม่บุญธรรมมาตลอดเวลา 13 ปี
แม้ว่าจะมีการตั้งข้อหาละเลยผู้เยาว์ในความดูแลแก่สองสามีภรรยาสกุลบาร์เนตต์ซึ่งหย่าขาดจากกันตั้งแต่ปี 2561 แต่ในปี 2565 คณะลูกขุนก็ตัดสินให้ไมเคิล บาร์เนตต์พ้นผิด และในปี 2566 คดีของคริสทีนก็โดนยกฟ้องไปในที่สุด โดยผู้พิพากษาให้เหตุผลว่า ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าจำเลยมีความผิดจริงตามข้อกล่าวหา จึงยกประโยชน์ให้จำเลยเสีย
ในระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีของนาตาเลีย เกรซ เธอเคยเผชิญหน้ากับไมเคิล บาร์เนตต์ถึง 2 ครั้ง ซึ่งเขาอ้างว่าในตอนนั้น ทั้งเขาและเกรซต่าง “ตกเป็นเหยื่อ” โดยอ้างว่าผู้บงการเขาและชักใยเรื่องราวต่าง ๆ อยู่เบื้องหลังคือ คริสทีน อดีตภรรยาของเขาและอดีตแม่บุญธรรมของเธอ
ที่มา : ladbible.com
เครดิตภาพ : YouTube / Inside Edition