@ก็ เรียบร้อย”โรงเรียนศาลรัฐธรรมนูญ”ไปตามความคาดหมายไปแล้วคือการ”ยุบพรรคก้าวไกล” เพื่อให้เกิด”พรรคประชาชน” ที่เป็นไปตาม “เกมการเมือง” ของทั้ง”สองฝ่าย” โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล ที่มีการความพร้อมเพราะรู้”ชะตากรรมล่วงหน้า” คนไทยจึงได้เห็น”วันนี้ตาย” และ”พรุ่งนี้เกิด” จาก”ก้าวไกล”ที่ถูก”ลบชื่อทางการเมือง” เป็น”พรรคประชาชน” อย่างรวดเร็วเพียง”ข้ามวัน” และมีการ”จัดตั้ง” และส่งคนที่เตรียมลงสมัครเป็น” สส. จ.พิษณุโลก”แทน”หมออ๋อง” ที่ถูกพ้นจากการเป็น” สส.” ตามการตัดสินของ”ศาลรัฐธรรมนูญ” ซึ่งในการ”ยุบก้าวไกล” ก็เป็นไปตาม”คาด หมาย” และแน่นอน มีทั้งผู้”เห็นด้วย” และ”เห็นต่าง”ซึ่งเป็น”ธรรมชาติ”ของ”มนุษย์” ส่วน”ผลพวง” ที่จะติดตามมาที่เป็น”ดาบสอง” ในการ”บอนไซ” พรรคก้าวไกล คือการ”เอาผิด”กับ 44 สส. ที่ลงชื่อเพื่อแก้กฎหมาย มาตรา 112 ที่ ปปช. กำลังดำเนินการ ซึ่ง”คนส่วนใหญ่” ต่างเห็นไปใน”ทิศทาง” เดียวกันว่า” อนาคต”ของ” 44 สส.” น่าจะ”ไม่รอด” ซึ่งถ้าเป็นไปตามความเห็นของของคนส่วนใหญ่ สิ่งที่เกิดขึ้นคือการ”ตายหมู่” ซึ่งถือเป็น”โศกนาฏกรรทางการเมือง” ที่”สยดสยอง” เป็นอย่างยิ่ง…..

@ที่น่าติดตามสำหรับ”การเมืองไทย” และ”อนาคตของประเทศไทย” ในวันนี้คือการที่”พรรคประชาชน” ออกมาประกาศให้”ประชาชน” มีการ”เลือกข้าง” ที่ชัดเจนยิ่ง” ถ้าใครเห็นด้วยกับ”แนวทาง”ที่เป็น”การเมืองใหม่” แบบ”พรรคประชาชน” ก็มายืนข้าง”พรรคประชาชน” ส่วนใครที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทาง”พรรคประชาชน” ก็ไปยืนข้างพรรคการเมืองอื่นๆ เป็นการประกาศ”เจตนารมณ์” ที่เหมือนกับ”ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น” ใน “จังหวัดชายแดนภาคใต้” ที่มีการประกาศให้”คนมาลายู” ในพื้นที่”เลือกข้าง” ใครเห็นด้วยกับการ”แบ่งแยกดินแดน” ก็ยืนข้างเคียง”บีอาร์เอ็น” ส่วนใครที่ไม่เอา”บีอาร์เอ็น” ก็ไปยืนกับ”รัฐบาล” ดังนั้นจึง”ไม่พักสงสัย” เพราะนับแต่นี้ไป”ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม” ความ”แตกแยก” ความ”ร้าวลึก” จะเกิดขึ้นในทุก”พื้นที่” ถามว่า”ความมั่นคง” ของประเทศอยู่ที่ไหน เมื่อ”ประชาชน” แตกแยกเป็น”ฝักเป็นฝ่าย”ส่วนผลพวงที่มีการ”คาดการ” ว่าการถูก”ยุบพรรค”ของ”ก้าวไกล” ครั้งนี้ จะทำให้”เติบโต”กว่าเดิม ก็ต้องดูการ”เลือกตั้งท้องถิ่น” ในระดับ”องค์การบริหารส่วนจังหวัด” และระดับ”เทศบาล” ในต้นปี 2568 รวมทั้งการเลือกตั้ง”องค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี”ในวันที่ 1 กันยายน นี้  ที่”พรรคประชาชน” ส่ง”ผู้สมัคร”เป็น”นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี”  รวมทั้งการ”เลือกตั้งซ่อม สส.” ที่ จ.พิษณุโลก เขต 2  ว่า”พรรคประชาชน” ยังจะ”รักษาที่นั่งเดิม” ซึ่งเป็นของ”หมออ๋อง”ได้หรือไม่ ตรงนี้ต่างหากที่จะเป็น”เครื่องพิสูจน์” ที่สำคัญยิ่งกว่า”คำพูด” ของทุกฝ่าย…..

@ส่วนผลการตัดสิน”อนาคต”ของ”เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ในกรณีแต่งตั้ง” พิชิต ชื่นบาน” เป็น”รัฐมนตรี” ทั้งที่ไม่มี”คุณสมบัติ” ซึ่ง”ศาลรัฐธรรมนูญ” จะอ่านคำ”ตัดสิน”ว่า”ผิด”หรือ”ไม่ผิด” ในวันนี้ 14 นั้น เนื่องจาก” “คอลัมน์” นี้ เขียนล่วงหน้าก่อนวันที่จะมีการ”ตัดสิน 1 วัน” จึงยังไม่ทราบผลของการ”ตัดสิน” แต่ดูจาก”พยากรณ์อาการ” ดูจาก”ลมล่างลมบน” ดูจากการ”วิพากษ์วิจารณ์” ของ”เกจิทางการเมือง” และ”กูรูทางกฎหมาย” เชื่อว่า” เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน” จะรอดจาก”ร่างแห” ของ”กฎหมาย” ยังเดินต่อไปได้บนถนนการเมืองในตำแหน่ง”นายกรัฐมนตรี” เพื่อทำหน้าที่”เป็นกับตันเรือ” ที่ชื่อว่า”ประเทศไทย” ต่อไป ท่ามกลาง”มรสุมทางการเมือง” และ”มรสุมทางเศรษฐกิจ” ที่”รุมเร้า” เมื่อการ”เดินสาย”ไปเรียกนักลงทุนจาก”ต่างชาติ” ยังไม่เห็น”วี่แวว” เมื่อนโยบาย”ซอฟพาวเวอร์” ยังไม่”ออกดอกออกผล” เมื่อ”เม็ดเงิน” จากการ”ท่องเที่ยว” ยังไม่มากพอที่จะ”ฟื้นเศรษฐกิจ” เมื่อการ”ส่งออก” ยัง”พลาดเป้า” เรื่องเดียวที่”ครม.เศรษฐกิจ” ของ”เศรษฐา ทวีสิน” ฝากความหวังไว้คือ”โครงการดิจิตัลวอลเล็ต” ด้วยการ”แจกเงิน” ให้ประชาชนคนละ 10,000 บาท ซึ่งถือถือว่าเป็น”กระสุนนัดสุดท้ายในรังเพลิง” เพราะฟังว่า นอกจาก”ดิจิตัลวอลเล็ต” แล้ว “รัฐบาล” ไม่มี”แผนสำรอง”ในการฟื้นฟู”เศรษฐกิจ” แต่อย่างใด ดังนั้นถ้า”กระสุนนักสุดท้าย” ไม่”เข้าเป้า” นอกจากประเทศไทยจะเข้าสู่อาการ”ตรีทูต” แล้ว ประเทศนี้ก็จะไม่มีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ” เศรษฐา ทวีสิน” อีกด้วย…..

@และก่อนที่”ดิจิตัลวอลเล็ต” จะมีการ”ขับเคลื่อน” ก่อนที่เงิน 10,000 บาท จะถึงมือ”ประชาชน” ผู้ที่”มีสิทธิ์” การปรับ”ครม. น่าจะเกิดขึ้นก่อน เพื่อให้การ บริหารประเทศมี”ประสิทธิภาพ” และ”ประสิทธิผล” มากกว่านี้ เพราะ สภาพของประเทศไทย ณ วันนี้ ยังอยู่ใน”วังวน” ของ”จนทั้งแผ่นดิน” ตลาดทุกตลาด ในทุกพื้นที่” แห้งเหี่ยว” คนขาย”นั่งหาว” นั่งไล่”แมลงวัน” เพราะ”คนซื้อไม่มี” ห้างร้าน ทยอยปิด เอสเอ็มอี เลิกกิจการ เพราะ”สถาบันการเงิน” ไม่”ปล่อยเงินกู้กลุ่มเสี่ยง” แรงงานไทย”ตกงาน” เพราะถูก”แรงงานเมียนมาร์” ที่ “ค่าแรงถูกกว่า” แย่งงาน……โจทย์ใหญ่ของรัฐบาล วันนี้ “เศรษฐกิจ”การค้าขาย การลงทุน ถูก” กลุ่มทุน”ของ”คนจีน” รุกล้ำเข้าชิงพื้นที่ ชิงตลาด โดยอาศัย”ทุนใหญ่” เข้า”ทำลายทุนเล็ก” ที่เป็นคนไทย พืชผลการค้าทางการเกษตร ตกอยู่ในมือทุนจีน ตลาด”ค้าปลีก ค้าส่ง” กลายเป็นของ”คนจีน” การค้าขายทาง”ออนไลน์” กลายเป็น”สินค้าจีน” ที่ขายถูกกว่า เพราะการผลิตในจีน”ล้นตลาด” แม้แต่”กิจการขนส่ง” ก็ได้รับ”ผลกระทบ”จากการ”กลุ่มทุนจีน” ที่เข้ามา”ประกอบการ”เพื่อ”แข่งขัน”กับ”คนไทย และอีกหลายธุรกิจ ตั้งแต่เรื่องของ”ยานยนต์” เรื่องของ”เครื่องปรับอากาศ”  และ “อุตสาหกรรมเหล็ก” ล้วนถูก ผลกระทบจากการ”ระบายสินค้า”จากประเทศจีน

@และจากการที่”รัฐบาลจีน” มีการ”ส่งเสริม” ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ที่”เปิดกว้าง” เพราะคิดเพียงการได้”เม็ดเงิน” มา”ฟื้นฟูเศรษฐ์กิจ”ของประเทศที่”ย่ำแย่” ซึ่งการ”ลงทุน”ของ”กลุ่มทุนจีน”มีทั้งที่เป็น”กลุ่มทุนที่เข้ามาถูกต้องตามกฎหมาย” แต่ใช้วิธีการ”ทุนใหญ่ถล่มทุนเล็ก” และที่เข้ามาทำ”ธุรกิจ”ที่”ผิดกฎหมาย” และ”หมิ่นเหม่ต่อกฎหมาย” โดยไม่ได้มีเพียงเรื่อง”แก็งค์คอลเซ็นเตอร์” และ”บ่อนการพนันออนไลน์” หรือ”การค้ามนุษย์” แต่ยังหมายถึง”การลงทุน”และการ”ค้าขาย” ด้านอื่นๆ ซึ่งเกิดขึ้นมากมายในรอบ 5-6 ปีที่ผ่านมา…… จับ”ชีพจร” เพื่อ”เช็คความรู้สึก”ของ”คนไทยเชื้อสายจีน”ณ วันนี้ จะได้พบกับ”ความจริง” ว่า การ”รุกเข้ามาโจมตี” ด้าน”เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน” แบบ”ทะลักทะลาย”ของ”กลุ่มทุนจีน” สร้างความไม่”แฮบปี้” ให้เกิดขึ้นกับ”คนไทยเชื้อสายจีน” ณ ปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง ถ้า สถานการณ์ “เศรษฐกิจ-การค้า-การลงทุน”ยังถูก”กลุ่มทุนจีน” เข้ามา”แย่งฐานที่มั่น” อย่างที่เป็นอยู่” เชื่อเถอะใน”อนาคต” คำว่า”จีน-ไทย พี่น้องกัน “ อาจจะเป็นเพียง”ตำนาน” ในรุ่นของ”อากง อาม่า อาเจ๊ก อาแปะ” เท่านั้น……

@ในขณะที่”สหรัฐอเมริกา”และ”สหภาพยุโรป” และ”พันธมิตร” ใน”โลกเสรี” ก็เปิด”เกมรุกไล่ไทยทางการเมือง” มีการใช้”องค์กรต่างๆ” เข้ามา”แทรกแซง” ทั้ง “เหนือ ใต้ ตก ออก” ล่าสุดคือการ”แสดงออก” ที่ไม่เห็นด้วยกับ”ศาลรัฐธรรมนูญ” ในการ”ยุบพรรคก้าวไกล” ดังนั้น วันนี้”ประเทศไทย” ตกอยู่ในสภาพที่”ระส่ำระสาย” ทั้งในเรื่อง”เศรษฐกิจ” และ”การเมือง” ที่”มหาอำนาจ” เข้ามา”แทรกแซง” ซึ่ง “รัฐบาลยังไม่เคยบอกกับ”ประชาชน” ว่าจะ แก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร ทั้งหมดนี่คือ”มหันตภัย” ที่ แท้จริงของประเทศไทย ส่วน”สภาความมั่นคงแห่งชาติ” ( สมช.) มองเห็น”ภัยอันตราย” นี้หรือไม่  ไม่ทราบ เพราะแค่เรื่อง”ไฟใต้” เรื่องเดียว “สมช. ในยุคที่”เสื่อมถอย” ยังมองไม่เห็น”ทางออก” ที่ สำคัญ”แนวทาง”ของ”สมช.”วันนี้คือการ”ชื่นชมนโยบายของตะวันตก” เสียด้วย…..สังคมไทย ทั้งในเมือง นอกเมือง เต็มไปด้วย”คนติดยา” และอาชีพที่”เฟื่องฟู” คือ”คนเดินยา” คดี”ลักทรัพย์” ระบาดจาก”เมืองใหญ่”สู่”ชนบท” เกษตรกร เจ้าของ สวนยาง สวนผลไม้ ต้อง “นั่งยาม” เฝ้าผลผลิต” เผลอเมื่อไหร่ถูก”ขโมย”ไปเกลี้ยง นี่คือ สภาพของ ประเทศไทย ที่ “ผู้แทนราษฎร” ไม่เคยนำไป”อภิปราย” ในสภาผู้แทนราษฎร และ “นายกรัฐมนตรี” ก็ได้เคยได้”สัมผัส” ของ”สภาพความเป็นจริง” เพราะ”นายกฯ” เลือกที่จะลงพื้นที่อย่าง” จ.ภูเก็ต” ที่เป็นเมือง”ท่องเที่ยว” เมืองของ”เศรษฐีต่างชาติ” ซึ่งมีผู้ตั้งข้อสงสัยว่า การลงพื้นที่”ภูเก็ต” ถี่ๆ เป็นการลงไปเพื่อ”แก้ปัญหา” โดยมี”ผลประโยชน์แอบแฝง” หรือไม่ เพราะ”บนเกาะภูเก็ต” มี”อาณาจักรของแสนศิริ” ที่มีการลงทุนโครงการ”อสังหาริมทรัพย์” ที่มีมูลค่ามหาศาล” ดังนั้น “นายกรัฐมนตรี” และ”เสนาบดีทุกกระทรวง” จึงไม่ได้”สัมผัส” กับความ”ทุกข์ยาก” ของ”ประชาชน” ที่แท้จริง ……

@ปัญหา ”ยาเสพติด” ที่”กัดกร่อนสังคมไทย” ที่ นโยบายในการ”ปราบปรามยาเสพติด” ของ”รัฐบาล” โดยเฉพาะ”คำสั่ง” ของ”นายกรัฐมนตรี ที่ให้ นโยบายกับ”หน่วยงานที่รับผิดชอบ” เป็นเหมือนการ”สั่งขี้มูก” เพราะไม่มีหน่วยงานไหน”กระตือรือร้น” ที่จะ”เอาจริงเอาจัง” กับการจับกุม”คนขายยา” และ”คนติดยา” ในพื้นที่ แต่ละหน่วยงานไมว่าจะเป็น”ตำรวจ” หรือ”ฝ่ายปกครอง” มีการ”จับตามเป้า” เพื่อให้มี”ผลงาน” ตามที่ตั้งเป้าไว้” เช่นจับ”ผู้เสพ” เดือนละ 50 คน แต่ในพื้นที่รับผิดชอบมี”ผู้เสพ 5,000 คน และจำนวน”ผู้เสพ” และ”ผู้ขาย” เพิ่มขึ้นทุกเดือน อย่างนี้จะแก้ปัญหา”ยาเสพติด” ที่เป็น”ปัญหาสังคม” อย่างไร…..เรื่องของการ”ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด” ทั้ง” อนุทิน ชาญวีรกุล “ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย และ”พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” ผบ.ตร. ต้องมี “มาตรการ” ที่”เข้มข้น” มากกว่าที่ทำอยู่ เพราะหากการ”ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด” ยังอยู่แบบเดิมๆ นอกจากจะ”แก้ปัญหาไม่ได้”แล้วยังเป็นการเพิ่มจำนวน”ผู้ค้า ผู้เสพ” ให้มากขึ้นในทุกพื้นที่…..ก็ไม่เถียงว่า ทุกวันนี้มี ปปส. มีการ”บูรณาการ”กับหน่วยงานอื่นๆ จับกุมผู้ค้ารายใหญ่ๆ ได้เป็นจำนวนมาก แต่ก็ต้องถามว่า”จับแล้ว” จำนวน”ยาเสพติด” หมดไปจาก”ประเทศไทย” หรือไม่ “ก็เปล่า” เพราะจับเท่าไหร่ ก็มีการ”ลำเลียง” ยาเสพตอดเข้าสู่”ประเทศไทย” มากยิ่งขึ้น นั่นแสดงว่าการ”จับกุมผู้ค้ารายใหญ่” ก็ไม่ได้ทำให้”ยาเสพติด”ใน พื้นที่ของประเทศไทยหมดไปแต่อย่างใด และยังไม่”กระทบกระเทือน” กับ”ขบวนการค้ายานรก”อีกต่างหาก เพราะถ้าการ”จับกุมรายใหญ่” ทำให้เกิดการ”ขาดแคลน” หรือ”สินค้าขาดตลาด” ต้องทำให้”ราคาขายยาเสพติด” ในประเทศต้อง”ปรับราคา” ตามกลไกของ”ดีมานด์ ซัพพลาย” แต่นี้ ราคาขาย”ยาเสพติด” มีแต่”ถูกลง” ตาม”เศรษฐกิจ” ที่ตกต่ำ”ของประเทศไทย…..

@การแก้ปัญหายาเสพติดต้องเน้นการแก้ปัญหา”ระดับหมู่บ้าน ตำบล” ด้วยการ”จับผู้ค้ารายย่อย” และจับกุมผู้”ติดยา” ให้หมดจาก”หมู่บ้าน ตำบล” แล้วทำฟื้นที่เหล่านั้นให้”ปลอดยาเสพติด” ส่วนคน”ติดยา” เมื่อเข้าสู่”ขบวนการฟื้นฟู”หรือเข้าสู่”เรือนจำ” หลังออกจาก”สถานฟื้นฟู” หรือ”เรือนจำ” คนเหล่านั้นต้องมี”งานทำ” ต้องมี”อาชีพ” มิฉะนั้นคนที่เคย”ติดยา” ก็จะกลับไปเป็นคน”เดินยา” และ”ติดยา” อีก ถ้าทำ”หมู่บ้าน ตำบล” ให้เป็นพื้นที่”ปลอดยาเสพติด”ได้ เมื่อนั่น ข่าวการ”ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่า ปู่ย่า ตายาย “ และคนใน”ครอบครัว” จึงจะ”ยุติ” ได้ ถ้าทุกหน่วยงานยังทำการ”ป้องกันปราบปรามยาเสพติด” แบบที่ทำอยู่ และทำแบบ”ผักชีโรยหน้า” ก็ อย่าหวังว่า “รัฐบาล” ชุดนี้จะ แก้ปัญหาการ”ระบาดของยาเสพติด” ได้ผล และ”อนาคต” ของ”ประเทศไทย ก็จะก้าวสู่ความ”ตกต่ำ” สู้ประเทศไหนๆไม่ได้ และ”คนไทย” ก็จะกลายเป็นคนที่”ไม่มีคุณภาพ” แล้วจะเป็นกำลังของชาติอย่างไร……

@เรื่องของ”ไฟใต้” ทั้ง”คาร์บอมบ์” และ”ระเบิดแสวงเครื่อง” ที่เกิดขึ้นแบบ”ถี่ยิบ” ในพื้นที่ของ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอ ของ จังหวัดชายแดนภาคใต้ในปี 2567 เป็นต้นมา คงจะเป็นคำตอบที่”ชัดเจน” ให้กับ”รัฐบาล, กองทัพ “ และ”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” รวมทั้ง”สภาความมั่นคงแห่งชาติ” หรือ” สมช,” ได้ “ตาแจ้ง” แล้วว่า ที่ผ่านมา นโยบาย ที่ใช้ในการ”ดับไฟใต้” ไม่ได้ผล คำแถลงการณ์ ของ” กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ที่ พร่ำบอกกับประชาชนว่า”เราเดินมาถูกทางแล้ว” คือการถูก”บีอาร์เอ็น” หลอกให้เดินเข้าสู่”ทางปืน”ที่”บีอาร์เอ็น” ขีดเส้นให้เดินเท่านั้น  รวมทั้งการ”พูดคุยสันติภาพ” ที่ใช้เวลามาถึง 13 ปี ใน 3 รัฐบาล ตั้งแต่”ยิ่งลักษณ์-ประยุทธ์-เศรษฐา” ก็เป็น”พูดคุย” ที่ เป็นการ”สิ้นเปลืองงบประมาณ” โดยใช่เหตุ เพราะจนถึง ณ วันนี้ การ”พูดคุย” ยังไม่มี”สารัตถะ” แต่อย่างใด เป็นการ”พายเรือในอ่าง” ที่ทั้งผู้ทำหน้าที่”พูดคุย” และ คนที่รอฟัง”ข่าวดี” มีแต่อาการ”เวียนหัว” เกิดขึ้น ก็ไม่ได้ที่จะไม่”สนับสนุน”ให้เลิกมีการ”พูดคุย” แต่สิ่งที่”คณะพูดคุย” ที่มี”ฉัตรชัย บางชวด” รอง เลขาธิการสภาความมั่นคง ( สมช.) ต้องไปจัดทำแผนการ”พูดคุย” เสียใหม่” เพื่อให้การ”พูดคุย” บรรลุ”เป้าหมาย” ไม่ใช่”พูดคุย” แล้วมีแต่การ”แถลงข่าว” ว่า”บรรยากาศดี” แต่ไม่มีความ”สำเร็จ” หรือ”ก้าวหน้า” อย่างที่เป็นมาแล้ว 13 ปี…..

@สถานการณ์ความรุนแรงใน”ยุทธการคลองช้าง” ที่ ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ที่ “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ใช้เวลา 5 วัน กว่าจะสามารถ”วิสามัญฯ” กองกำลังติดอาวุธของบีอาร์เอ็นได้ เหมือนกับ”สงครามย่อยๆ” เพราะต้องใช้ทั้ง”เฮลิคอปเตอร์.,โดรน” และรถ”แทรกเตอร์”ของ”ทหารช่าง” เข้า”กรุยทาง” ในการใช้”ทหารราบ “ ถึง 300 นาย ในการ”ปฏิบัติการ” เหมือนกับ”สงครามช่องช้าง” ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ที่”กองทัพ”ทำ”สงคราม”กับ”พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย” หรือ” ผกค.”ในอดีตที่ “พล.อ.หาญ ลีนานนท์” เป็นแม่ทัพภาคที่ 4  คงจะ “ปฏิเสธ” ไม่ได้ถึงความ”เข้มแข็ง” ของ”บีอาร์เอ็น” และ”ปฏิบัติการ”ของ “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” เป็น”ยุทธวิธี” ที่เรียกว่า”ขี่ช้างจับตั๊กแตน” ซึ่งเป็นสิ่งที่”บีอาร์เอ็น” ต้องการให้เกิด และ”องค์กรต่างชาติ” ต้องการที่จะเห็น เพราะทั้งหมด”เข้าข่าย” การ”ขัดกันด้วยอาวุธ” และเป็นความ”รุนแรง” ที่มีการ”เจ็บ-ตาย” ของทั้ง สองฝ่าย และสุดท้าย”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต้อง”จ่ายค่าเยียวยา” สำหรับ”ประชาชน” ในพื้นที่ ซึ่งได้รับ”ผลกระทบ” จาก”ยุทธการคลองช้าง” จำนวน 14 ราย เป็นการ”ได้ที่ไม่คุ้มเสีย” จริงๆ แต่ที่ได้ก็คือ” เจ้าหน้าที่ทุกคนได้”ความดีความชอบ” และได้”เบี้ยลี้ยง”ในการ”ปฏิบัติการ” ในครั้งนี้  และ “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ได้”เบิกเงินงบประมาณ” ที่มากขึ้น…..

@ล่าสุด”คาร์บอมบ์” และ “ระเบิดแสวงเครื่อง” ที่เกิดขึ้น “หลังกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี” และ”แฟลตตำรวจ” เป็นการ”ปฏิบัติการ” ด้วยความ”รุนแรง” แม้จะไม่มี”คนตาย” มีเพียง”คนเจ็บ” แต่ก็ทำให้เห็นว่า” กลุ่มก่อวินาศกรรม”ของ”บีอาร์เอ็น” ยังมีความ”สามารถ” ในการ”ก่อวินาศกรรม”ได้ในทุกพื้นที่ เพียงแต่ “กองบังคับการตำรวจ” และ”แฟลตตำรวจ” มีการ”ป้องกัน”การ”เข้า-ออก” ดีขึ้น ทำให้”คาร์บอมบ์” เข้าไปไม่ถึงตัวอาคาร จึงต้อง”ก่อวินาศกรรม” ด้านหลังอาคาร  ถ้า วันไหนการ”ป้องกัน”มี”รูรั่ว” และมี”ช่องโหว่” ความ”สูญเสีย” ก็จะเกิดขึ้นกับ”ตำรวจ” และ”ครอบครัว” ดังนั้นเป็นหน้าที่ของ” พล.ต.ต.สันทัด เชื้อพุฒตาล” ผบก.ภ.จว. ปัตตานี ต้อง”เน้นย้ำ” ในการ”รักษาความปลอดภัย” ของ”โรงพัก” และ”แฟลตตำรวจ” ทุกแห่งในพื้นที่ เพราะ”แฟลตตำรวจ” กลายเป็น”เป้าหมาย” ของการ”ก่อวินาศกรรม” ของ”บีอาร์เอ็น” ไปแล้ว ซึ่งเชื่อว่า” บีอาร์เอ็น” หวังผลในการที่จะ”ทำร้าย” และ”หมายเอา”ชีวิต” ของ “ลูก –เมีย” ของ “ตำรวจ “ นั่นเอง…..และหลังการ”ก่อวินาศกรรม” ที่หลัง”กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี” และ”แฟลตตำรวจ” แล้ว “เป้าหมาย”ต่อไปของ”บีอาร์เอ็น” ต้อง”หมุนเวียน” ไปยัง”เป้าหมาย” ของ”ตำรวจ” ใน จ.นราธิวาส อีกครั้ง เพราะเป็นการ”ก่อการร้าย”ตาม”วงรอบ” ที่มีการ”วางแผน”ไว้แล้ว ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการ”แก้แค้น” การที่”อาร์เคเค” ของ”บีอาร์เอ็น” ถูก”วิสามัญฯ” จำนวน 3 ศพ ที่ “คลองช้าง” และการ”วิสามัญฯ” มือปฏิบัติการระดับ”หัวหน้า” ในพื้นที่ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส แต่อย่างใด…..

@ทำไม”เป้าหมาย”ของ” อาร์เคเค” จึงมุ่งไปที่”ตำรวจ” อาจจะเป็นเพราะการเข้าถึง”เป้าหมาย” ง่ายกว่าที่ตั้งของ”ทหาร” และ อาจจะเป็นเพราะในระยะหลัง”ตำรวจ” มีการ”สืบสวนสอบสวน” ที่มี”ประสิทธิภาพ” มีการ “รวบรวมหลักฐาน” และเข้าทำการ”จับกุม” ทั้ง”กองกำลังติดอาวุธ” และ”แนวร่วม” ได้มากขึ้น ทำให้”ตำรวจ” กลายเป็น”เป้าใหญ่” ของ”บีอาร์เอ็น” ในขณะที่ ที่ตั้งของ”ฝ่ายปกครอง” ซึ่งเป็น”เป้าหมาย” ที่”ง่ายกว่า” ไม่ได้ตกเป็น”เป้าหมาย” เป็นเพราะ”ฝ่ายปกครอง” ยังรักษา”ระยะห่าง” กับ”บีอาร์เอ็น” ไม่ได้ทำให้”บีอาร์เอ็น” สูญเสีย เหมือนกับ”ตำรวจ-ทหาร” รวมทั้ง “ผู้นำท้องที่” ซึ่งเป็น”มือ ไม้” ของ”ฝ่ายปกครอง” ยังทำตัว”นิ่งเงียบ” ซึ่งแม้จะไม่เป็นฝ่ายของ”บีอาร์เอ็น” ทั้งหมด แต่ก็ไม่ทำตัวเป็นคนของ”ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ”  เป้าหมายของ”บีอาร์เอ็น” ที่เป็นของ”ฝ่ายปกครอง” จึงมีเพียง”ชุดป้องกันตำบล” หรือ”ชคต.” ที่”เข้มแข็ง” เท่านั้นที่ยังตกเป็น”เป้าหมาย” ของการถูก”โจมตี” ทั้งหมดคือ “สถานการณ์” ของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ที่เพิ่มความ”รุนแรง” ทุกขณะ ในขณะที่ นายกรัฐมนตรี ให้ความ”สนใจ” กับเรื่องของ”เศรษฐกิจ” มากกว่าเรื่องของ”ความมั่นคง”ใน”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ….. และ ขณะเดียวกับ”พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์” ผบ.ทบ. และ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ก็กำลังเดินทางสู่การ”เกษียณอายุราชการ” ทั้ง สองคน ดังนั้นการ”สั่งการ”ของคนที่”เป็นนาย” ที่ใกล้”เกษียณ” จึงเป็นการ ”สั่งได้” แต่ไม่”ศักดิ์สิทธิ์”…..

@ที่สำคัญ เดือนกันยายน เป็นเดือนที่มีการ”พิจารณา” ในการ”โยกย้าย”และ”สับเปลี่ยนตำแหน่ง”  เป็นเดือนแห่งการ”วิ่งเต้น” ทั้ง”ตำรวจ.ทหาร.ปกครอง” และ อื่นๆ จึงเป็น เดือนที่มี”ช่องว่าง” ในการ”ปฏิบัติหน้าที่ “และในการ”ป้องกันเหตุ” โดยเฉพาะ” แม่ทัพภาคที่ 4   พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค” จะพ้นจากตำแหน่ง เพื่อไปเป็น”พลเอก” รวมทั้ง” รองแม่ทัพ เสนาธิการ และ ผบ.พล. ผบ.พัน”  ต่างก็มีการ”วิ่งเต้น” ในการ”โยกย้าย”และใน ฝ่ายของ”ตำรวจ” ก็มีการ”พิจารณา” โยกย้าย สับเปลี่ยน ตำแหน่ง “ผบช. รอง ผบช. ผบก. และอื่นๆ เช่นเดียวกับ”สายปกครอง” ที่ต้องมีการ”โยกย้าย สับเปลี่ยน” ตำแหน่ง “ผวจ.รอง ผวจ. จนถึง “นายอำเภอ” ซึ่ง”บีอาร์เอ็น” รู้ดีว่า การ”วิ่งเต้น” ของ”ข้าราชการ” ในเดือนนี้ จะเป็นเดือนที่”หละหลวม” ในการ”ป้องกัน” และเหมาะที่จะ”ก่อการร้าย” ก็แค่เตือนให้”ประชาชน” อย่าง”เราๆ ท่านๆ” ได้ ระวังตัว ในการป้องกัน”ชีวิต” และ”ทรัพย์สิน” ให้รอบคอบรัดกุม” เพราะวันนี้”ตำรวจ,ทหาร” ยังป้องกัน”ที่ตั้ง” และ”ป้องกันตนเอง”ไม่ได้ เราจะ”หวังพึ่ง” พวกเขาได้อย่างไร……

@การจัดงาน”สัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ” และ”งานวันเกษตรแห่งชาติ” ที่จัดขึ้นที่ “มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ “ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นเวลา 10  วัน บรรยากาศการ”จราจร” ใน เขตเทศบาล อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เต็มไปด้วยความ”โกลาหล อลหม่าน” มีแต่เสียง”ก่น ด่า” เจ้าหน้าที่”ตำรวจจราจร” สภ.คอหงส์ และ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่ไม่มีการ”ความพร้อม” ในการ”รับมือ” กับการ”จัดงานใหญ่ๆ” ที่เกิดขึ้น ที่สำคัญ มองไปทางไหน ไม่เห็น”ตำรวจจราจร” มาทำหน้าที่”อำนวยความสะดวก” ปล่อยให้การ”จราจร” เป็นไปตาม”ยะถากรรม” เรื่องนี้ต้องแจ้งไปยัง” พล.ต.ต.เชาวลิตร เลี้ยงสุพงศ์” ผบก. ภ.จว. สงขลา ให้มีการ”กำชับ”หรือ”สั่งการ” ให้ “ทั้งสองโรงพัก มีการ”เตรียมแผน” ในการ”รองรับ” การ”จราจร”กับการ”จัดงาน” ทุกครั้งที่มีขึ้นในพื้นที่ของ” อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา…..ซึ่งประชาชนต่าง”วิพากษ์วิจารณ์” ถึงการ ทำหน้าที่ของ”ตำรวจจราจร” ทั้งของ สภ.หาดใหญ่ และ สภ.คอหงส์” ว่า ขาดการ”ใส่ใจ”กับงานด้าน”อำนวยความสะดวก” แก่ผู้”ใช้รถใช้ถนน” ผิดกับการ” จับผู้ทำผิด พรบ.จราจร” ที่ “ขยันตั้งด่าน” จับผู้ไม่”ใส่หมวกกันน๊อก” ขนาดที่อยู่คนละฝั่งถนน ยังรีบวิ่งมา”จับกุม” เท็จจริง อย่างไร ก็ให้มีการ”ตรวจสอบ” และ”ปรับปรุง” การทำหน้าที่”จราจร” ด้วย……

@อีกเรื่อง สำหรับ”ความเดือดร้อน” ของคนใน จ.สงขลา คือเรื่องของ “สนามบินนานาชาติคลองหอยโข่ง” อ.หาดใหญ่  จ.สงขลา ที่มี”ไฟล์บิน” น้อยมาก ทั้งที่มี”ผู้โดยสาร” มากขึ้น ที่สำคัญราคา”ตั๋วเครื่องบิน” ที่”โครตแพง” สัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่  7 -10 สิงหาหาคม ราคา”ตั๋วเครื่องจาก”หาดใหญ่-ดอนเมือง “ขาเดียว” 5,000-7,000 บาท เท่ากับเดินทางๆไป “จีน “และ”ญี่ปุ่น” ผู้โดยสารจำนวนหนึ่ง ต้องเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่ จ.ตรัง และ” นครศรีธรรมราช เพราะ “สนามบินหาดใหญ่”ตั๋วเต็ม” และ”โครตแพง”อย่าว่าแต่”ชาวบ้านทั่วไปที่”รับไม่ได้” แม้แต่”นักธุรกิจพ่อค้า” ก็”เดือดร้อน” ก็ไหน “รัฐบาล” บอกว่าจะ”ส่งเสริมการท่องเที่ยว” และการ”ลงทุน” ในเมื่อเรื่อง”ง่ายๆ” แค่เรื่อง”บริหารจัดการ” ให้มี”เที่ยวบินเพิ่ม” ใน”เมืองหลัก” และ”เมืองเศรษฐกิจ” ยังทำไม่ได้ และจะไปทำอะไรที่เป็น”แรงจูงใจ” ให้”เศรษฐกิจ” และการ”ท่องเที่ยว” เติบโต…..จำได้ว่า ในการ “เลือกตั้งครั้งล่าสุด” ผู้สมัคร สส.” ทุก”พรรคการเมือง” ต่าง”หาเสียง”ว่าจะทำให้”หาดใหญ่” เป็น”ฮับนั่นฮับนี่” สุดท้ายเมื่อไปเป็น” สส.ผู้ทรงเกียรติ” ในสภาผู้แทนราษฎร เรื่องที่”หาเสียง”ไว้เป็นเพียงการ”พ่นน้ำลาย” ให้ไว้กับคน จ.สงขลา เท่านั้นเอง เพราะ วันนี้ “หาดใหญ่” ยังไม่มีอะไรที่”เปลี่ยนแปลง” ที่”เศรษฐกิจการท่องเที่ยว” ของ”หาดใหญ่” ยังอยู่ได้ยังอาศัย” ชาวมาเลเซีย” ที่เข้ามา”ท่องเที่ยว” เป็น” ลมหายใจที่สำคัญ” ถ้า”มาเลเซีย” ทำการ”ปิดก๊อก” หรือ”เศรษฐกิจ” ของเขา”ย่ำแย่” กว่าที่เป็นอยู่เมื่อไหร่”ลมหายใจ”ของ”หาดใหญ่” ก็จะ”ขาดห้วง” ในทันที…..

@จากการ”ปราบปราม”อย่างจริงจังของ”จำแลง บัวสงค์”สรรพสามิตพื้นที่สงขลา และ”สัมพันธ์ ศรีรัตน์” ผู้อำนวยการส่วนตรวจสอบป้องกันและปราบปราม สำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 9 ทำให้”บุหรี่หนีภาษี”ใน จ.สงขลา”ขาดตลาด” ทำเอา”สิงห์อมควัน” ต้องหาซื้อ”บุหรี่” ในราคาแพงขึ้น และทำให้”รัฐได้ภาษี” มากขึ้น ก็ขอ”ชื่นชม” และให้ทำอย่าง”ต่อเนื่อง”…..ส่วนที่ จ.ยะลา “พล.ต.ต.”เสกสันต์ ชูรังสฤษฎ์” ผบก.ภ.จว.ยะลา  ยังคง”เต็มที่” กับการ”ประชุม” เพื่อ “กำชับ” ให้ “ตำรวจ” ทุก”โรงพัก” ทุก”จุดตรวจ” ระวัง ป้องกันเหตุ และงาน”การข่าว” แม้แต่”เสาร์-อาทิตย์” และ”วันหยุด” ก็ยังต้อง”แต่งเครื่องแบบชุดสนาม” เพราะ”เหตุร้าย” ในพื้นที่ยังเกิดได้ทุกขณะ และพื้นที่ซึ่งยังเป็น”อันตราย” ที่สุด ยังเป็นพื้นที่” อ.บันนังสตา” ที่ต้อง”เฝ้าระวัง” การ”ก่อเหตุ” อย่างเต็มที่…..

@การศึกษาคือการ”สร้างคน” และ”สร้างชาติ” ก็แสดงความยินดีกับ “วิทยาลัยชุมชนยะลา” ที่ในปีการศึกษานี้ มี”นักศึกษา” มาสมัครเรียนในคณะต่างๆ “เกินเป้า” และเป็น”อันดับหนึ่ง” ของประเทศ เรื่องนี้ต้องมอบให้เป็น”ความชอบ”ของ” วิชาพร  ชินประพัทธิ์” ผู้อำนวยการวิทยาชุมชนยะลา และ “คณาจารย์” รวมทั้ง” กิตติ กิตติโชควัฒนา” ผู้ที่เป็น” ประธานสภาวิทยาลัยชุมชน” และ”คณะกรรมการ” ที่”ขยันขันแข็ง” เป็นอย่างยิ่งในการ”ร่วมคิดร่วมทำ” เพื่อนำ”วิทยาลัยชุมชนยะลา”ไปสู่”ความเป็นเลิศ” และเป็นการให้”โอกาส” ของคน”ชายขอบ” ได้รับการศึกษาเพื่อนไป”พัฒนาคุณภาพชีวิต” …..

@บรรทัดสุดท้าย” เฉลิมชัย ครุอำโพธิ์ “ หรือ” เถ้าแก่หลี” คหบดีผู้ที่แต่ให้กับ”สังคม” ฝาก”ขอบพระคุณ” นายอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา “เอก ยังอภัย ณ สงขลา ที่เป็นผู้นำที่”มีเหตุ มีผล” ให้ความ”เป็นธรรม” ในกรณีที่มีผู้”อ้างความเดือดร้อน” จากการดำเนินการ”กิจการเหมืองหิน” ในพื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา…..แล้วพบกันใหม่วันศุกร์หน้า สวัสดีครับ

———————————————————–

ไชยยงค์ มณีพิลึก

พระราชทาน. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ ว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม ผวจ.นราธิวาส อัญเชิญดอกไม้ และตะกร้าสิ่งของพระราชทาน มอบให้เจ้าหน้าที่ และ ประชาชน ที่ได้รับบาดเจ็บจากที่ ขบวนการแบ่งแยกดินแเดน ขว้างระบิดใส่จุดตรวจป้อมยามในพื้นที่ ต.ปลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ณ รพ.นราธิวาสราชนครินทร์

เฉลิมพระเกียรติ.   ปราเมศ เห้งสวัสดิ์  นายอำเภอสทิงพระ จ.สงขลา เป็นประธานกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2567 ณ วันจะทิ้งพระ อ.สทิงพระ จ.สงขลา

เปิดนิทรรศการ.  พล.ต. เฉลิมพร ขำเขียว ผบ.พล.ร.15 / ผอ.ศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  เป็นผู้แทน พลโท ศานติ  ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดงานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 92 พรรษา 12 สิงหาคม 2567 ณ โรงเรียนนาทวีวิทยาคม ตำบลคลองทราย อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา

วันกำนันผู้ใหญ่บ้าน   อำพล พงศ์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานในพิธี และมอบเหรียญพระราชทานฯ แก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประจำปี 2567 โดยมี โอฬาร บินสัน ปลัดจังหวัดยะลา , นพพร หนูเพชร นายอำเภอเมืองยะลา , ศุภกร สุวรรณ์ ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองยะลา , หัวหน้าส่วนราชการระดับอำเภอเมืองยะลา, ปลัดอำเภอ, เจ้าหน้าที่ปกครอง ที่ว่าการอำเภอเมืองยะลา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยฝ่ายรักษาความสงบเข้าร่วมกิจกรรมอย่างอบอุ่น  ณ หอประชุมพัฒนรัฐ (สุขเจริญ) ชั้น 2 อ.เมืองยะลา จ.ยะลา

แม่ตัวอย่างดีเด่น.  สมนึก พรหมเขียว ผวจ.สงขลา มอบโล่ประกาศเกียรติคุณ “แม่ตัวอย่างดีเด่น” ในงานวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2567 พร้อมนำพลังสตรีร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2567ณโรงแรมบีพีสมิหลาบีช  อ.เมือง  จ.สงขลา

แม่ดีเด่น.  กัลยา บุญญามณี มารดา สรรเพชญ บุญญามณี สส.เขต 1สงขลา เข้ารับรางแม่ดีเด่น เนื่องในวันแม่แห่งชาติประจำปี 2567  ตามโครงการจัดงานพัฒนาศักยภาพกลุ่มองค์กรภาคประชาชน และเครือข่ายด้ามความเข้มแข็งของชุนชน ประจำปี 2567  ซึ่งจัดโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา

วางศิลากฤษ์.  เฉลิมชัย ครุอำโพธิ์(เถ้าแก่หลี)บริษัทโรงโม่หินเขาบันไดนางศิลาจำกัด อ.บางกล่ำ จ. สงขลา เป็นประธานวางศิลากฤษ์วิหารหลวงพ่อพลับ  ณ วัดระโนด  อ.ระโนด จ. สงขลา

แสดงผลงาน.  วิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์  รองผวจ.ตรัง  เป็นประธานพิธีเปิดงานการประเมินและแสดงผลงานของศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการอาชีวศึกษาระดับภาค ภาคใต้  ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดแนวคิดของนักศึกษาในสังกัดวิทยาลัยในสังกัดอาชีวศึกษา 14 จังหวัดภาคใต้ในการดำเนินการจัดทำและพัฒนาผลิตภัณฑ์ นำนวัตกรรมมาใช้ในการผลิตสินค้าเพื่อสู่ตลาดและสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างแท้จริง ณ ลานจอดรถห้างโรบินสันไลฟ์สไตล์ตรัง อำเภอเมืองตรัง

แถลงข่าว.    พล.ต.ท ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ. 9 ,พล.ต.กรกฎ ภู่โชติ รองแม่ทัพภาคที่ 4  โอราฬ บิลสัน ปลัดจังหวัดยะลา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าคดีคาร์บอมบ์และคดีอื่นๆในพื้นที่ ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพื่อการจับกุม ณ   ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจส่วนหน้า อ.เมือง จ.ยะลา

ติดตามความคืบหน้า.  กมลศักดิ์ ลีวาเม๊าะ โฆษกพรรคประชาชาติ และ กูเฮง ยาวอฮาซัน เลขานุการรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยคณะทำงานกระทรวงยุติธรรม และเจตนา หีมมุน ผู้อำนวยการสำนักงานคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าพบพนักงานสอบสวน ติดตามความคืบหน้าคดีที่เกิดขึ้นกับเยาวชนหญิงในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และ ลงพื้นที่เพื่อรับฟังข้อเท็จจริงจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ เพื่อทำความเข้าใจประเด็นปัญหาข้อกฎหมายและกระบวนการทางคดีที่กำลังดำเนินการอยู่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

สานสัมพันธ์.  มุขตาร์ มะทา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา มอบหมายให้ ดร.ระเด่น สะมะแอ รอง นายก อบจ.ยะลา และ เจ้าหน้าที่ในสังกัดฯ ร่วมกิจกรรมโครงการ อบจ.ยะลา ร่วมใจสานสัมพันธ์ เสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เพื่อคืนความสุขสู่ชุมชน ประจำปี พ.ศ. 2567 ณ วัดรังสิตาวาส หมู่ที่ 4 ตำบลท่าธง อำเภอรามัน จังหวัดยะลา

ยาบ้าฝังดิน.   เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แว้ง จ.นราธิวาส  จับกุม อาดือนี เจ๊ะมะมิง นักค้ายาเสพติดในพื้นที่ พร้อมขยายผลการสืบสวน พบมีการฝังยาบ้าอีก 90,000 เม็ดที่ถูกฝังไว้ในสวนข้างบ้าน นำส่ง สภ.แว้ง จ.นราธิวาส เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

มอบเงิน.   เกษร บุญถนอม ผอ.กองส่งเสริม และสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต.และคณะ เยี่ยมครอบครัว อส.ทพ. อานัส มะยาอิง ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุปะทะกับขบวนการแบ่งแยกดินแดน ณ บ้านพัก หมู่ 8 ต.กายูคละ อ.แว้ง จ.นราธิวาส พร้อมมอบเงินเยียวยา 500,000 บาทให้กับครอบครัวผู้สูญเสีย

ป้องกันการทุจริต.  บัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง พร้อมด้วย หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันการทุจริต ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าและรับฟังปัญหาเกี่ยวกับการก่อสร้างโครงการจัตุรัสเมืองตรังบริเวณ หอนาฬิกา อ.เมืองตรัง จ.ตรัง โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดตรัง , ผู้ควบคุมงาน , ผู้แทนจากบริษัทผู้รับเหมา , ผู้แทนสำนักกองช่างเทศบาลนครตรัง และเครือข่ายชมรมตรังต้านโกง ให้ข้อมูลและชี้แจงประเด็นต่างๆ

ตรวจราชการ.  รื่นวดี สุวรรณมงคล ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย กิตติ อินทรกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  สิทธิชัย เสรีส่งแสง ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทรงกลด สว่างวงศ์ ผวจ.ตรัง ประชุมการตรวจราชการแบบบูรณาการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการเขตตรวจราชการที่ 6 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 รอบที่ 2 โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าประชุม ณ ห้องพระยารัษฎา ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดตรัง

แสดงความยินดี.   วิชัย เรืองเริงกุลฤทธิ์นายกสมาคมนกเขาชวาเสียงภาคใต้และสมาชิก มอบกระเช้าของขวัญแสดงความยินดีกับไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของสมาคมฯ เนื่องในโอกาสได้รับเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิก โดยมี เฉลิมพล เรืองเริงกุลฤทธิ์ รองนายก อบจ.ยะลา ร่วมด้วย ณ ห้องอาหารยัสมินส์ อ.เมือง จ.ยะลา

แสดงความยินดี.  อะหมัด รามันห์สิริวงศ์ กรรมการบริหารสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย / ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ประจำจังหวัดยะลา และเพื่อนสนิท เข้าแสดงความยินดี นางสาวสุมัยย๊ะ ดะมะยะ นิติกรชำนาญการ เทศบาลเมืองตะลุบัน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี กับ นายมูฮำหมัด เลาะมะอะ ผู้จัดการแผนก Data&ERP ที่ฉลองมงคลสมรส (นิกะห์) ณ ร้านอาหาร ยัสมีนซีฟู้ด สวนขวัญเมือง (พรุบาโกย) เขตเทศบาลนครยะลา อ.เมืองยะลา จ.ยะลา