การเมืองพลิกคว่ำพลิกหงาย เจอมรสุมนิติสงคราม จนล่าสุด เมืองไทยได้ “แพทองธาร ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรีหญิง คนที่31

หลังโดนมรสุมนิติสงคราม พัดมา 2 ลูก ทำเอาการเมืองไทยตอนนี้ไม่มีนายกรัฐมนตรี ไม่มีผู้นำฝ่ายค้าน ไม่มีรองประธานสภาผู้แทนคนที่หนึ่ง หลังศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 สั่ง ยุบพรรคก้าวไกล ข้อหามีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กรณีชูนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 พร้อมตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค 2 ชุด เป็นเวลา 10 ปี

จนทำให้สมาชิกพรรคต้องแปลงร่างไปเป็นพรรคประชาชน แต่ชัยธวัช ตุลาธน ต้องพ้นจากสส.รวมถึงเก้าอี้ผู้นำฝ่ายค้าน ขณะที่ “หมออ๋อง” ปดิพัทธ์ สันติภาดา ซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลในขณะนั้นต้องพ้นจากเก้าอี้รองประธานสภาคนที่หนึ่ง

และยังต้องรอลุ้นมรสุมนิติสงครามอีกลูกว่าจะพัดเป็นพายุหมุนถล่ม 44 สส.อดตีพรรคก้าวไกลลงชื่อเสนอร่างแก้ไข-เพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 235 ของรัฐธรรมนูญหรือไม่

แต่ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 5 ต่อ 4 เสียง สั่งให้ “นายเศรษฐา ทวีสิน” พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 ประกอบมาตรา 82 ตามคำร้องของ สว. 40 คน กรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

และชี้ว่า ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 160 (4) และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง ลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 (5) เมื่อความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯสิ้นสุดลงแล้ว รัฐมนตรีต้องพ้นตำแหน่งทั้งคณะ ตามรัฐธรรมนูญ 167 วรรคหนึ่ง (1)

ทำเอา “เศรษฐา” ต้องพ้นจากตำแหน่งและต้องเดินออกจากทำเนียบรัฐบาลทันทีหลังศาลธรรมนูญอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น

และก่อนที่จะออกจากทำเนียบฯก็ได้ แถลงเปิดใจต่อหน้าสื่อ หลังทราบผลวินิจฉัย ว่าเคารพในคำพิพากษา ยืนยันตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปีที่ดำรงตำแหน่งมา พยายามทำทุกอย่างให้ถูกต้อง มีความตั้งใจจริงในการทำงานยึดมั่นในอุดมการณ์ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย ไม่เป็นที่ขัดแย้งของทุกคน

“ผมเสียใจตรงที่ว่าถูกออกไป เพราะเป็นนายกฯที่ไม่มีจริยธรรม ยืนยันในตัวตนผมไม่ใช่คนอย่างนั้น แต่ท่านตัดสินมาแล้วผมก็น้อมรับ”

งานนี้ “เศรษฐา” เจอวิบากกรรมตามหลอนทันที นักร้องบ้านป่า “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” สมาชิกพรรค พปชร.ส่งหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งเรื่องต่อศาลฎีกาฟันซ้ำ เอาผิด “นายเศรษฐา” ข้อหาฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234(1) หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นนายกฯ สิ้นสุดลง มีพฤติการณ์ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง ต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันต่อ ป.ป.ช.ขอให้ ป.ป.ช.คัดสำเนาคำวินิจฉัยมาเป็นสำนวนการไต่สวนเสนอให้ศาลฎีกาเอาผิดต่อไป

ขณะที่ นิวัติไชย เกษมมงคล  เลขาป.ป.ช.ลั่นเดินหน้าสอบคดีจริยธรรม “เศรษฐา” จ่อคัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญประกอบ ขออย่ามองเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ลงสนามการเมืองต้องพร้อมถูกตรวจสอบ  

มรสุมลูกนี้อย่างเป็นพายุหมุนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลแบบเบิ้มๆอย่างแรง ทำเอานายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า “ทักษิณ ชินวัตร” ต้องเรียกพรรคร่วมรัฐบาลหารือเป็นการด่วน โดยวงหารือบ้านจันทร์ส่องหล้า “นายใหญ่ ทักษิณ ชินวัตร” ได้แจ้งกับพรรคร่วมรัฐบาล ว่า “ทักษิณ” ได้แจ้งว่าจะยกเลิกโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ที่เป็นนโยบายเรือธง พรรคเพื่อไทย เพราะว่า เศรษฐกิจยังไม่ดีต้องขอยุติไปก่อน โดยพรรคเพื่อไทยจะเป็นคนชี้แจงต่อไป

ไทม์ไลน์การเมืองหลังจากเลือก “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 แล้วในวันที่ 16 สิงหาคม จากนั้นก็ต้องมีการฟอร์มทีมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ใหม่ ซึ่งต้องจับตาดู ว่า จะมีแรงกระเพื่อมเขย่ากระดานอำนาจขนาดไหน อีกทั้งจำนวนพรรคร่วมรัฐบาลก็เพิ่มขึ้นเป็น 9 พรรค และประกาศจุดยืนชัดโดยเฉพาะ“ภท.- รทสช.” ย้ำไม่แก้มาตรา112

แต่ดูแล้วพรรคที่นิ่งที่สุด คือ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ยังคงโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีตามเดิม 4 เก้าอี้ แต่มีการสับเปลี่ยนตัวบุคคลโดยส่ง “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รทสช. ขึ้นนั่งรมว.อุตสาหกรรมแทน “พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล” และโยกไปนั่งรมช.คลัง แทน “กฤษฎา จีนะวิจารณะ” ที่ลาออกไป

ขณะที่พรรคอื่นยังต้องจับตาว่าใครจะไปใครจะมา โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่มีคนบ้านป่า “ลุงป้อง” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่งหัวหน้าพรรค พปชร. แล้วมีเหตุปีนเกียวกับ “นายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า” จนอาจมีการเขย่าเก้าอี้รัฐมนตรี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ของ “บิ๊กป๊อด”พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องเลิฟ “บิ๊กป้อม”

เสียงในวันโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ จะเป็นตัวชี้วัดผลการดำรงอยู่ของเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่าจะเปลี่ยนคนหรือไม่ พร้อมกับยังมีแรงเหวี่ยงของคนที่ต้องการขยับเก้าอี้ไปอยู่ในที่ ที่ใหญ่กว่า

ขณะเดียวกันของพรรคเพื่อไทยต้องดูว่า “นายใหญ่ ทักษิณ” จะใช้สูตรพิสดารในการปรับขยับเก้าอี้รัฐมนตรีหรือไม่หรือจะยังคงโควตาเดิม รัฐมนตรีเดิมตามที่เคยบอกไว้กับพรรคร่วมรัฐบาลว่า โคตายังเหมือนเดิม

ไทม์ไลน์ต่อไปคือการเดินเกมเร็ว โดยกำหนดวันแถลงนโยบายไว้ในวันที่ 28 สิงหาคม จากนั้นก็จะเริ่มนับหนึ่งของรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” ในการเดินหน้าลุยงานโดยไม่มีโครงการเงินหมื่นดิจิทัลวอล์เล็ต ให้ต้องวิตกอีกต่อไป 

งานนี้ “อุ๊งอิ๊ง” ต้องพิสูจน์ว่าจะทำหน้าที่ นำทัพสู้ศึกครั้งนี้ต่อไปได้ขนาดไหน  โดยมี “คุณพ่อทักษิณ” เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงคอยโอบอุ้ม คอยเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก จะนำพาประเทศให้หลุดพ้นวิกฤติเศรษฐกิจ ได้อย่างที่พูดหรือไม่ ถือเป็นการเดิมพันอนาคตพรรคเพื่อไทยและคนใน“ตระกูลชินวัตร”จะต้องพิสูจน์ตัวเอง ประวัติศาสตร์จะเดินซ้ำรอยเดิมหรือไม่ ทั้ง “พ่อทักษิณ”และ “อาปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ  ต้องเจอวิบากกรรม อยู่ประเทศไทยไม่ได้

และต้องอย่าลืมว่าสงครามครั้งใหญ่ปี 70 จะมีพรรคประชาชน รอเป็นคู่แข่งอยู่ในสนาม ใครมีผลงานโกยใจเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้มากกว่ากันคนนั้นก็จะกวาดแต้มไปแต่หันมาดูคะแนนในตะกร้ายังคงเป็นสองกลุ่มชัดเจน ระหว่าง “กลุ่มคนรุ่นใหม่” กับ “กลุ่มอนุรักษ์นิยม” ซึ่งพรรคตอนนี้ตัวคนรุ่นใหม่ คือ ด้อมส้ม

จึงต้องดูว่า “อุ๊งอิ๊ง” อยู่กับพวกกลุ่มอนุรักษ์นิยม จะมีวิธีไหนมากำราบส้มทั้งแผ่นดินในสนามเลือกตั้งปี70.