อดีตอัยการสูงสุดผู้นี้คือผู้ที่ได้รับการคาดหมายว่า คืออนาคตผู้นำคนใหม่ของประเทศจากผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนของเกาหลีใต้ เมื่อเขาประกาศตัวลงสมัครการแข่งขันการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี สืบต่อจากประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ซึ่งอยู่ในตำแหน่งได้สมัยเดียว 5 ปี แต่ต้องเผชิญกับความสัมพันธ์ทางการทูตกับเกาหลีเหนือแบบที่เปลี่ยนไปมาอย่างรุนแรง แล้วยังความเห็นต่างในประเทศอย่างชัดเจน และปัญหาทางเศรษฐกิจอีกหลายหลาก

นายยุนวัย 60 ปี กล่าวว่า การโดดลงเล่นการเมืองครั้งนี้ก็เพื่อมุ่งมั่นที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ขอร่วมมือกับทุกคนที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงอำนาจ และบรรลุผลอย่างแน่นอน

เขาเพิ่งลาออกจากตำแหน่งอัยการสูงสุดเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา หลังเคยทำหน้าที่ผู้นำการขับเคลื่อนเพื่อตรวจสอบการทุจริตให้กับรัฐบาลของประธานาธิบดีมุน แต่ความสัมพันธ์กับผู้นำเกาหลีใต้กลับไม่สดใส เพราะพันธมิตรทางการเมืองหลายคนของผู้นำเกาหลีใต้ถูกสอบสวนเรื่องการคอร์รัปชั่นและอื่น ๆ

ฝ่ายผู้สนับสนุนประธานาธิบดีมุนกล่าวหาว่า นายยุนใช้การสอบสวนดังกล่าวเพื่อส่งเสริมจุดยืนทางการเมืองของตัวเขาเอง แล้วยังไปขัดขวางแนวทางการปฏิรูปการฟ้องร้องคดีอาญา แต่เขาโต้กลับว่า การสอบสวนของเขาเป็นไปตามหลักการ และกระบวนการปฏิบัติ

ขณะเดียวกัน การต่อสู้กับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ทำให้นโยบายปราบคอร์รัปชั่นของประธานาธิบดีมุนต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักเพราะคู่ต่อสู้ทางการเมือง แล้วยังช่วยฉายแววให้กับนายยุนให้เป็นผู้สมัครก้าวขึ้นมาชิงตำแหน่ง ในฐานะนักการเมืองแนวอนุรักษนิยมแต่ยังไม่มีจุดมุ่งหมายชัดเจนว่า จะต่อสู้กับพรรครัฐบาลพรรคประชาธิปไตยของประธานาธิบดีมุน ในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในเดือนมี.ค.ปีหน้า

Arirang News

แต่ระหว่างแถลงข่าวเปิดตัว เขากล่าวหารัฐบาลของประธานาธิบดีมุนว่าเป็นรัฐบาลทุจริต ไร้ประสิทธิภาพและหยิ่งยโส เขาต้องการที่จะรื้อฟื้นรัฐธรรมนูญนิยม และหลักการความยุติธรรมที่เขาถูกขัดขวางในสมัยรัฐบาลประธานาธิบดีมุน

นายยุนยังไม่ได้เข้าร่วมกับพรรคฝ่ายค้านแนวอนุรักษนิยมพรรคพลังประชาชน แม้เขาจะแสดงหลักปรัชญาทางการเมืองในแบบเดียวกัน นักวิเคราะห์บางคนจึงตั้งข้อสังเกตว่า เขาอาจจะตั้งพรรคการเมืองของตัวเองขึ้นมา หากคะแนนนิยมยังรักษาคะแนนนิยมได้สูงเช่นนี้

สำหรับพรรคพลังประชาชนเคยประสบปัญหาครั้งใหญ่ หลังกรณีอื้อฉาวของการทุจริตเมื่อปี 2559 จนนำไปสู่การลงมติถอดถอนออกจากตำแหน่งและพ้นจากอำนาจของประธานาธิบดีปาร์ค กึน-เฮ แต่คะแนนนิยมของพรรคได้ดีขึ้นในเวลาต่อมา เมื่อเลือกสมาชิกพรรควัย 36 ปี นายลี จุน-ซก ขึ้นมาเป็นประธานพรรคคนใหม่ ด้วยความหวังการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

คู่แข่งของนายยุนก็คือ สมาชิกพรรครัฐบาลพรรคประชาธิปไตย นายลี แจ-เมียง ปัจจุบันเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดคยองกี เขตปริมณฑลของกรุงโซล เพราะสองสัปดาห์ก่อนหน้านี้มีการสำรวจความคิดเห็นประชาชน โดยสถาบันมติมหาชนเกาหลีในกรุงโซล ระบุว่าร้อยละ 32.4 ของผู้ตอบแบบสอบถามขอเลือกนายยุนเป็นผู้เหมาะสมที่สุด ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ ส่วนนายลี แจ-เมียง ได้ร้อยละ 28.4

ความแตกต่างกันอีกประการด้านนโยบายของเขากับนายลี ซึ่งจะดำเนินนโยบายพันธกิจกับเกาหลีเหนือ ดำเนินการปรับเปลี่ยนนโยบายธุรกิจครอบครัวของกลุ่มองค์กรบริษัทและสถาบัน แต่สำหรับของนายยูนนั้นยังไม่ทราบแต่เรื่องเกาหลีเหนือนั้นเขาบอกว่า จำเป็นต้องร่วมมือกัน และรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับญี่ปุ่น.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AP