พล.ต.อ.โต เลิม ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองของเวียดนาม หลังนายเหวียน ฝู จ่อง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์คนก่อนหน้า และผู้นำที่ทรงอิทธิพลที่สุดของประเทศ ในรอบหลายทศวรรษ ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบ เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่ผ่านมา
ในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรกในฐานะเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ พล.ต.อ.โต เลิม กล่าวว่า การเลื่อนตำแหน่งของเขา เป็นผลมาจาก “ความจำเป็นเร่งด่วน” ในการมีผู้นำพรรคคนใหม่
ก่อนการขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองในเวียดนาม พล.ต.อ.โต เลิม วัย 67 ปี ดำรงตำแหน่งรมว.ความมั่นคงสาธารณะ และพยายามสร้างอิทธิพลมาสักระยะหนึ่งแล้ว โดยในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา เขากลายเป็นประธานาธิบดีของเวียดนาม หลังนายหวอ วัน เถื่อง ลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว เนื่องจาก “ละเมิดกฎระเบียบของพรรค” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการปราบปราบการทุจริตครั้งใหญ่ของประเทศ
แม้นักวิเคราะห์หลายคนไม่ค่อยแปลกใจกับการเลื่อนตำแหน่งของ พล.ต.อ.โต เลิม และคาดว่าเขาจะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายที่มีอยู่ขนานใหญ่ แต่การแต่งตั้งครั้งนี้ถือเป็น “ชัยชนะโดยสมบูรณ์” สำหรับ พล.ต.อ.โต เลิม
“เขาเป็นรัฐบุรุษที่เข้มแข็งมาก และได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงที่เป็นศูนย์กลางของโครงการทางการเมืองของเวียดนาม” นายเบอนัวต์ เดอ เตรโกลเด ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยจากสถาบันวิจัยเชิงกลยุทธ์แห่งสถาบันการศึกษาทางทหารฝรั่งเศส (ไออาร์เอสอีเอ็ม) กล่าว “เราจะได้เห็นการทำให้อำนาจเป็นของตนเอง ซึ่งมันจะนำไปสู่เสถียรภาพทางการเมือง และแนวโน้มสู่ความต่อเนื่อง ไม่ใช่ความแตกแยก”
อนึ่ง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เป็นตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองในเวียดนาม และมีฐานะเสมือนเป็นประมุขของประเทศ รองลงมาคือประธานาธิบดี ที่มีบทบาทในพิธีการเป็นส่วนใหญ่ ตามด้วยนายกรัฐมนตรี และประธานสภาแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า พล.ต.อ.โต เลิม จะยังคงควบตำแหน่งประธานาธิบดี หรือสละตำแหน่งดังกล่าว
“เราไม่ควรคาดหวังการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในนโยบายเศรษฐกิจ และนโยบายต่างประเทศของเวียดนาม เพราะท้ายที่สุดแล้ว การรักษาอำนาจของพรรค จะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้นำคนใหม่ เช่นเดียวกับกรณีที่เกิดขึ้นกับจ่อง” นักวิเคราะห์จากสถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษา ยูซุฟ อิสฮัค ในสิงคโปร์ ระบุในการวิเคราะห์เมื่อเดือนที่แล้ว
ทั้งนี้ แคมเปญปราบปรามและต่อต้านการคอร์รัปชัน ได้รับความนิยมจากประชาชน อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์กล่าวเตือนว่า ความวุ่นวายข้างต้นอาจคุกคามชื่อเสียงในด้านเสถียรภาพของเวียดนาม อีกทั้งการเลื่อนตำแหน่งของ พล.ต.อ.โต เลิม ยังสร้างความไม่แน่นอนให้กับกลุ่มนักเคลื่อนไหวในประเทศด้วย เนื่องจาก พล.ต.อ.โต เลิม พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขาเป็นผู้กดขี่ขบวนการประชาธิปไตย.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : AFP