เสียงตอบรับดีเกินคาด!! กับการเปิดลงทะเบียนดิจิทัล วอลเล็ต เรียกได้ว่า 5 วันยอดคนลงทะเบียนก็มากกว่าครึ่งทางจากที่กำหนดไว้ที่ 45 ล้านคนไปแล้ว โดยมีประชาชนคนไทยที่ต่างรอคอยมานานเกือบปีได้แห่แหนกันเข้ามาลงทะเบียนมากกว่า 21 ล้านคน แม้ในช่วง 2 วันแรกจะทะยานกันเข้ามาเป็นจำนวนมาก แล้วค่อย ๆ แผ่วลง ก็ตามแต่ก็ถือเป็นเรื่องดี
ขณะเดียวกันภาพรวมของการลงทะเบียน ก็ยังเงียบสงบเป็นไปด้วยดี ไม่มีระบบล่มกวนใจเหมือนโครงการอื่น ๆ ที่ผ่านมา อาจมีบ้างในชั่วโมงแรก แต่ไม่ได้หมายความว่าระบบล่มเพียงแค่ระบบไม่มีการรันคิวไว้ เลยทำให้หลายคนอาจรู้สึกขัดใจเพราะได้แต่หมุนติ้ว…หมุนติ้ว ต้องใช้เวลารอนานกว่าคนอื่น
แม้การลงทะเบียนจะเริ่มนับหนึ่งไปแล้ว!! แต่ภารกิจโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ยังไม่จบเท่านี้…ยังมีสิ่งที่รัฐบาล และประชาชน ต้องคอยติดตามตอนต่อไปอยู่อีกไม่น้อย
ลุ้นได้สิทธิ 22 ก.ย.นี้
เริ่มจากประชาชนก่อน หลังจากมีการเปิดลงทะเบียนทางสมาร์ตโฟน ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐไปแล้ว ก็มีคนมาลงทะเบียนไปกว่าครึ่ง แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน ซึ่งภาครัฐยังเปิดโอกาสให้ลงได้จนถึงวันที่ 15 ก.ย.นี้ ซึ่งเมื่อปิดลงทะเบียนแล้ว รัฐบาลยังยืนยันประกาศตามไทม์ไลน์เดิม ว่าจะประกาศผลการลงทะเบียนพร้อมกันว่าใครผ่านหรือไม่ผ่านในวันที่ 22 ก.ย.67 ไม่เปลี่ยนแปลงใด ๆ แน่นอน
เมื่อประกาศผลไปแล้ว คนที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ ก็เตรียมตัวรอใช้เงินได้ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้จ่ายประมาณเดือน ธ.ค. ส่วนคนที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ รัฐบาลจะแจ้งข้อความผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ว่าสาเหตุอะไรที่ไม่ผ่าน หากข้อมูลที่รัฐบอกมาไม่ตรง!! ประชาชนคนไทยที่ลงทะเบียนขอรับสิทธิไว้ก็มีสิทธิยื่นอุทธรณ์สิทธิตามช่องทางที่รัฐบาลกำหนดได้
ขณะที่ประชาชนอีกกลุ่ม คือ ผู้ไม่มีสมาร์ตโฟน กลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง รัฐบาลยังกำหนดการเปิดลงทะเบียน ตั้งแต่ 16 ก.ย.-15 ต.ค.67 ซึ่งรายละเอียดของวิธีการลงทะเบียนยังไม่ชัดเจน เพียงแต่รัฐบาลแจ้งว่าจะมีการเปิดแถลงข่าวรายละเอียดอีกครั้ง ช่วงก่อนกลางเดือน ก.ย.นี้ เพื่อระบุวิธีลงทะเบียน ซึ่งเบื้องต้นจะมีเจ้าหน้าที่คอยไปอำนวยความสะดวกในการลงทะเบียนให้ถึงที่กันทีเดียว
อย่างไรก็ตาม…ในเรื่องนี้รัฐบาลยังอยู่ระหว่างตัดสินใจว่าจะใช้บริการจากเจ้าหน้าที่หน่วยงานใด เพื่อเข้าไปช่วยเหลือบรรดากลุ่มเปราะบาง เพราะปัจจุบันเจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรืออสม.ก็มีอยู่ทั่วประเทศและสามารถเข้าถึงทุกครัวเรือนทั่วประเทศได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ซึ่งตรงนี้ต้องมีการอบรมให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้บรรดากลุ่มเปราะบางอาจต้องเสียสิทธิไปโดยไม่ได้ตั้งใจก็เป็นไปได้ ตรงนี้จึงได้แค่เตรียมการ ยังไม่ได้มีผลสรุปที่ชัดเจน แต่ก็เชื่อได้ว่าไม่น่าจะหนีไปจากนี้
เปิดลงทะเบียนร้านค้า
อีกกลุ่มที่ต้องติดตามใกล้ชิด คือ ฝั่งของการเปิดลงทะเบียนให้กับบรรดาร้านค้าต่าง ๆ ร้านค้ารายเล็กรายย่อย รายกลาง หรือแม้กระทั่งรายใหญ่ ตามเงื่อนไขที่รัฐบาลกำหนดไว้ ซึ่งตรงนี้ถือว่า…เป็นอีกหนึ่งโจทย์สำคัญไม่น้อยเช่นกัน รวมทั้งยังมีเรื่องของตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการ ว่า…เปิดแล้วจะได้รับความสนใจมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตามในเรื่องของการลงทะเบียนร้านค้ากระทรวงพาณิชย์ จะนำทีมแถลงรายละเอียดการลงทะเบียน รูปแบบ วิธีการ คุณสมบัติต่าง ๆ ของร้านค้า ในเร็ว ๆ นี้ ก่อนที่เริ่มเปิดลงทะเบียนอย่างเป็นทางการเริ่มวันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป
เบื้องต้น รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ชัดเจนว่า ต้องการดึงร้านค้าทั่วประเทศ เข้าร่วมโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ให้ได้มากกว่า 2 ล้านแห่ง ซึ่งมากกว่าทุกโครงการที่รัฐบาลเคยทำมา อย่างสมัยทำโครงการคนละครึ่งก็เพิ่งมีร้านเข้าร่วม 1.2 ล้านแห่งเท่านั้น โดยกำหนดเป้าหมายไว้ เช่น ร้านค้านิติบุคคล 910,000 ราย ร้านค้าธงฟ้า 198,000 ราย ร้านค้าโชห่วย 400,000 ราย ร้านค้าเกษตรและวิสาหกิจชุมชน 93,000 ราย ร้านค้าส่ง-ค้าปลีก 50,000 ราย และร้านค้าปลีกที่กระจายอยู่ในห้างสรรพสินค้าอีก 500,000 ราย รวมถึงร้านค้าที่อยู่นอกระบบ ที่จะมาลงทะเบียนเข้าร่วมได้อีก
“ในส่วนร้านค้าถือเป็นโจทย์โหดหินไม่น้อย เนื่องจากฟีดแบ็กปัจจุบัน ไม่ค่อยสู้ดี เพราะร้านค้าส่วนใหญ่กลัวโดนรีดเก็บภาษี แถมร้านค้าเล็ก ก็ไม่สามารถนำเงินสดออกไปใช้ได้ จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องประชาสัมพันธ์ ทำความเข้าใจให้ดี”
ต้องเร่งนำส่งเข้า ครม.
จากนั้นเป็นการบ้านในฟากฝั่งของรัฐบาลเอง ที่แม้จะเปิดลงทะเบียนไปแล้ว แต่ก็ยังเหลือขั้นตอนอีกมากทีเดียวที่ต้องปั้นแต่งให้โครงการเรือธงของรัฐบาลสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ปราศจากปัญหาทุจริต เรียกได้ว่า ทุกอย่างต้องให้ประชาชนคนไทยเห็นว่าโครงการที่ใช้เงินงบประมาณจำนวนมหาศาลครั้งนี้ ต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอนกันทีเดียว โดยเริ่มตั้งแต่กระบวนการทางกฎหมาย ที่ถึงวันนี้ โครงการดิจิทัล วอลเล็ต ยังไม่ผ่านการพิจารณาของ ครม.เลย หลังจากมีการเลื่อนพิจารณามาจากสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้สถานะของโครงการล่าสุด แม้จะมีการนำเสนอจากกระทรวงการคลังเข้าไปแล้ว แต่ก็ต้องมีการนำเสนอรับฟังความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้านอีกก่อนที่จะส่งเข้า ครม. ขอมติได้ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังที่ต้องรีบเข็นนำเข้า ครม.ให้ได้เร็วที่สุด เพื่อเป็นการตีตราสร้างความถูกต้องให้กับโครงการแจกเงินดิจิทัล วอตเล็ต และความเชื่อมั่นต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจกับผู้เกี่ยวข้องให้ได้โดยไว
ขีดเส้นเชื่อมระบบชำระเงิน
ถัดมาเป็นเรื่องการจัดทำระบบหลังบ้าน โดยเฉพาะระบบการชำระเงิน ที่ขณะนี้ยังมะรุมมะตุ้มกันอยู่ว่า หน้าตาที่แท้จริงเป็นแบบไหน โดยกระทรวงการคลัง ชี้แจงล่าสุดว่าอยู่ในกระบวนการโค้ดดิ้ง และขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างผู้เข้ามาทำระบบ ซึ่งยังอยู่ในกรอบเวลาอยู่และยืนยันสามารถเสร็จทันตามกำหนด ขณะเดียวกัน ก็ต้องรอธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ เข้ามาร่วมทดสอบระบบด้วย ซึ่งอยู่ในกรอบเวลาที่กำหนด และมั่นใจจะเริ่มใช้จ่ายได้ปลายไตรมาสสี่แน่นอน หรือเอาชัด ๆ ก็เริ่มใช้จ่ายได้ภายในเดือนธ.ค.นี้นั่นแหล่ะ ส่วนจะเป็นวันไหนก็รอกันอีกที
หลักการเบื้องต้น ประชาชนจะสามารถใช้จ่ายเงินดิจิทัลฯ ได้ผ่านแอปธนาคาร หรือแอปวอลเล็ต ของตัวเองที่มี และมีการลงทะเบียนเชื่อมกับแอปทางรัฐไว้ โดยในแอปนั้นจะมีการเพิ่มช่องสำหรับเงินดิจิทัล วอลเล็ตเป็นช่องเพิ่มเติมสำหรับการใช้จ่าย จากนั้นข้อมูลการใช้จ่ายจะมีการเชื่อมถึงกันระหว่างหลังบ้านของธนาคารและแอปทางรัฐ ซึ่งล่าสุดในการประชุมระหว่างสถาบันการเงิน นอนแบงก์ กับกระทรวงการคลัง มีการพูดคุยถึงแนวทางการเชื่อมระบบเข้าด้วยกัน (โอเพน ลูพ) ไปแล้ว มีผู้สนใจตอบรับเข้าร่วม 14 ราย แต่สถาบันการเงินต่าง ๆ ยังมีเวลาพิจาณาเชื่อมระบบใช้จ่ายกับดิจิทัล วอลเล็ต ไปจนถึง 15 ส.ค.นี้ เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าได้โดยไม่ติดขัด
โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย ที่บรรดาภาคการเงิน หรือสถาบันการเงินเองต่างแสดงความเป็นห่วง เพราะเกรงว่าอาจไปกระทบหรือทำให้ระบบเพย์เมนต์ หรือระบบการชำระเงินโดยรวมอาจมีปัญหาได้ โดยเฉพาะหากถูกฉกข้อมูล หรือถูกล้วงข้อมูลไปได้ ก็จะทำให้ประชาชนคนไทยมีปัญหาในวงกว้างก็เป็นไปได้ แม้รัฐบาลได้ยืนยันหนักแน่นว่าระบบความปลอดภัยของแอปทางรัฐนั้นอยู่ในระดับขั้นสูงสุด หรือมีความปลอดภัยสูงสุดก็ตาม แต่เชื่อเถอะ เรื่องนี้หลายคนต่างกังวล เพราะไม่ว่าอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ ต่อให้ผู้ควบคุมระบบจะเป็นผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบมากเพียงใด แต่ก็อย่าลืมว่าปัญหาเรื่องภัยไซเบอร์ หรือโจรออนไลน์ก็เกิดขึ้นทุกวี่ทุกวัน หลายคนต้องหมดเนื้อหมดตัว หลายคนต้องไปกู้หนี้ยืมสิน แถมภัยออนไลน์ที่เกิดขึ้นก็มาในสารพัดรูปแบบ แม้กระทั่งเรื่องของเงินดิจิทัล วอลเล็ตเอง ยังเกิดแอปทางรัฐ “ปลอม” เป็นจำนวนไม่น้อยเช่นกัน จนนายกฯเองต้องย้ำนักย้ำหนาจัดการให้หมด
ปัญหานี้ต้องยอมรับว่าเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ และทุกวันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่สามารถจัดการปัญหาแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้ คงทำได้แค่การไล่จับ ไล่ปิดเว็บ แต่ในเรื่องของการล้อมคอก ไม่ให้เกิดปัญหายังเป็นเรื่องยาก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายฝ่ายหลายคนจะเกิดความกังวล
หาแหล่งเงินงบประมาณ
อีกด่านโหดหินของรัฐบาล คือ การจัดทำงบประมาณ ซึ่งล่าสุดได้สรุปความเห็นปรับลดวงเงินโครงการจาก 5 แสนล้านบาท เหลือ 4.5 แสนล้านบาทไปแล้ว เนื่องจากประเมินว่าผู้มีสิทธิจะมาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการไม่ครบทุกคน อาจจะมาแค่ 45 ล้านคน พร้อมกับปรับเปลี่ยนแหล่งใช้งบประมาณใหม่ จากเดิมที่จะใช้เงินจาก 3 แหล่ง ได้แก่ 1.การบริหารงบฯ ปี 67 จำนวน 175,000 ล้านบาท 2.การดำเนินการผ่านหน่วยงานภาครัฐ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 172,300 ล้านบาท และในส่วนที่ 3. คือ งบประมาณรายจ่ายประจำปี 68 อีกจำนวน 152,700 ล้านบาท
สุดท้าย!!ก็เหลือเพียง…เป็นใช้เงินจากงบประมาณประจำปี 67 และปี 68 เท่านั้น โดยจะไม่ใช้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งกรอบวงเงินใหม่ 4.5 แสนล้านบาท รัฐบาลนำมาจากการใช้งบจากงบประมาณปี 67 จำนวน 160,000 ล้านบาท แบ่งเป็น งบประมาณเพิ่มเติม 122,000 ล้านบาท และบริหารจัดการเพิ่มเติมอีก 40,000 ล้านบาท อีกส่วนเป็นการใช้งบจากงบประมาณปี 68 จำนวน 2.85 แสนล้านบาท แบ่งเป็นงบประจำ 152,700 ล้านบาท และงบบริหารจัดการเพิ่มเติมอีก 132,300 ล้านบาท เช่น การใช้งบกลาง งบผูกพันที่ใช้ไม่ทัน หรือทำงบเพิ่มเติม เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องรายละเอียดปลีกย่อย เช่น การตอบคำถามสังคม ที่เริ่มมีการปลุกกระแสว่า โครงการมีการปิดกั้น และไม่เปิดโอกาสให้คนที่จ่ายภาษีตัวจริง 4 ล้านคนได้รับประโยชน์อะไรเลย รวมถึงประเด็นความแน่นอนทางการเมือง โดยเฉพาะการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 14 ส.ค.นี้ หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา จะกระทบต่อการเดินหน้าของโครงการดิจิทัล วอลเล็ต หรือไม่ อีกทั้งยังมีเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลการเงิน ข้อมูลส่วนบุคคลภายในแอปพลิเคชันทางรัฐอีกด้วย ที่ทั้งหลายทั้งปวงต้องจับตารอความชัดเจน
สารพัดสารพันปัญหาเหล่านี้…ถือเป็นการบ้านของรัฐบาลที่ต้องสะสางให้ได้ เพราะกว่าจะผลักดันโครงการดิจิทัล วอลเล็ตให้ออกมาใช้งานได้จริง ซึ่งนับว่าเป็นด่านหินไม่น้อย แต่อย่างไรก็ดี ในการเปิดลงทะเบียน และได้รับการตอบรับที่ดีไปแล้วกว่า 21 ล้านคนเช่นนี้ ก็ถือเป็นหลังพิงให้รัฐบาลเดินหน้าต่อไปได้ เพราะพิสูจน์แล้วว่า วันนี้คนไทยมีความต้องการโครงการดิจิทัล วอลเล็ต และเศรษฐกิจไทยก็จำเป็นต้องการกระตุ้น ครั้งใหญ่อย่างจริง ๆ จัง ๆ รอไปนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว!!.