@เรื่องใหญ่ที่อยู่ในความสนใจของ”คนไทย” ทั้งประเทศ ในวันนี้ คือเรื่องการตัดสินความ”ผิด- ถูก” ของพรรคก้าวไกล ซึ่ง “ศาลรัฐธรรมนูญ”นัดการอ่านคำตัดสินในวันที่ 7 สิงหาคม สำหรับ”พรรคก้าวไกล” จะถูกยุบหรือไม่ถูกยุบ” ไม่ใช่สาระที่สำคัญ เพราะถ้า”ถูกยุบ” เขาก็มีการตั้ง”พรรคใหม่” และ”หัวหน้าพรรค” คนใหม่ที่จะมาแทนที่”พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ไว้แล้ว และการที่”พรรคถูกยุบ” อาจจะ”ถูกใจ” ของ”แกนนำพรรค” เพราะอาจจะ”ส่งผล” ในทาง”บวก” ที่ทำให้”มวลชน” หันมา”สนับสนุนมากยิ่งขึ้น รวมทั้งอาจจะได้”คะแนนสงสาร” มากขึ้น เพราะความเห็นของคน”ส่วนหนึ่ง” เห็นว่า”ก้าวไกล” ถูก”รังแก” และเป็นการ”ตัดสิน” ที่ไม่”ชอบธรรม” ทั้งทางการเมือง และทาง”กฎหมาย” ส่วน”พรรคการเมือง”บางพรรค” ที่เห็น”วิกฤติ”ของ”พรรคก้าวไกล” เป็น”โอกาส” ที่จะได้”ซ้อนซื้อ” สส.ของ”ก้าวไกล” ที่มีข่าวว่าจะ”ตีจาก” ไปหาสังกัด”พรรคใหม่” หลังที่”ก้าวไกลถูกยุบ” ก็อาจจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้ หรือ อาจจะมี”สส. แตกแถว” ออกจาก”ก้าวไกล” แต่คาดว่าไม่กี่คน ไม่ได้ทำให้”ก้าวไกล”สะเทือน และหลังมีการตั้ง”พรรคใหม่” ก็ยังทำหน้าที่เป็น”พรรคฝ่ายค้าน” เหมือนเดิม……

@อีกเรื่องที่อยู่ในความ”สนใจ”ของ ประชาชน มากกว่าคือเรื่อง”ศาลรัฐธรรมนูญ” นัดอ่านคำ”ตัดสิน” อนาคตการเป็น”นายกรัฐมนตรี” ของ”เศรษฐา ทวีสิน” ในวันที่ 14 สิงหาคม ที่จะถึงนี้ จากกรณีที่ 40 สว. ซึ่งเป็น สว. ชุดเก่า ได้”ยื่นฟ้อง”ต่อ”ศาลรัฐธรรมนูญ” ในการแต่งตั้ง”พิชิต ชื่นบาน” ให้เป็น”รัฐมนตรี” ซึ่งยังไม่มีอะไรที่แน่ชัดว่า”เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน” จะ”รอดสันดอนปากน้ำ” ได้นั่งเก้าอีก “สร.1 “ ต่อไปหรือจะ”ร่วงละลิ่ว” จาก”ตำแหน่ง”นายกรัฐมนตรี” ประเด็นนี้คือการ”ลุ้นระทึก” ของ”รัฐบาล” และของ”พรรคเพื่อไทย” รวมทั้งของ”คนไทย” ทุกคน เพราะถ้าเกิด”เศรษฐา ทวีสิน”หรือ”เสี่ยนิด” เกิด”ไม่รอดสันดอนปากน้ำ” หมายถึง”พรรคเพื่อไทย” ต้องรับ”ศึกหนัก” ในการ”สรรหา” ผู้นำ”รัฐบาล” คนใหม่ ซึ่งขึ้นบัญชีรายชื่ออยู่ 2 คน คนแรก”ขายยาก” ใน”ตลาดการเมือง” ในยุคที่”ข้าวยากหมากแพง” ส่วนคนที่สองคือ”อุ๊งอิ๊ง”  แพทองธาร ชินวัตร แม้จะเป็น”ดีเอ็นเอ” โดยตรงของ” ทักษิณ ชินวัตร” เจ้าของพรรคเพื่อไทยที่เป็น”ตัวจริง-เสียงจริง” แต่” อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร  ยังไม่ถึงขั้นที่จะเป็น”นายกรัฐมนตรี” ที่เป็น”สตรีคนที่สอง” ที่จะได้ตำแหน่ง”นายกรัฐมนตรี” เพราะยังอยู่ใน”สะถานะ”ของ”ผลไม้จำบ่ม” ที่ ใกล้เคียง กับ”สถานะ”ของ”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกที่มีศักดิ์”เป็นอา” ซึ่ง ณ วันนี้ยังต้อง”นิราศจากแผ่นดินเกิด” ที่สาเหตุมาจาก”ผลไม้จำบ่ม” จนต้อง”แพ้ภัย”ของ”การเมือง”จากฝ่ายตรงข้าม…… ที่สำคัญ หาก “พรรคร่วมรัฐบาล” เกิดการ”ตีรวน”เกิดขึ้น เพื่อการ”เปลี่ยนขั้ว” การเป็น”ผู้นำรัฐบาล” “เพื่อไทย” ก็คงจะ”เหนื่อยหนัก” อีกครั้งในการที่จะต้องรักษาสถานการณ์เป็น”แกนนำ” เพื่อการเป็น”รัฐบาล” ต่อไป ซึ่งมีข่าวว่า “เพื่อไทย” ไม่ได้ประมาท มีการประชุมเพื่อ”หาทางอก” เอาไว้แล้ว หากเกิดกรณีที่”พลิกล๊อค” จากการ” ตัดสิน” ของ”ศาลรัฐธรรมนูญ”เกิดขึ้น เพราะ”การเมืองไทย” อะไรก็เกิดขึ้นได้…..

@สำหรับเรื่อง”เศรษฐกิจ-ปากท้อง”  ที่เป็น”ปัญหาใหญ่” ของ”คนทั้งประเทศ” ในขณะนี้ จะเห็นว่า” ครม.เศรษฐกิจ” ที่นำโดย”เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี  ยัง”คลำเป้า” ไม่เจอ เป็นการ”ชกลม” แบบ”วันต่อวัน” นอกจากข่าวความ”คืบหน้า” ของโครงการ”ดิจิตัลวอลเล็ต” ที่เป็น”ความหวัง” ของ”ประชาชน” ที่จะได้ใช้เงิน 10,000 บาท  เพื่อเป็นการ”กระตุ้นเศรษฐกิจ” แล้ว “ข่าวดี” ในเรื่องอื่นๆ แทบจะไม่มี”บนกระดานข่าว” แทบจะมองไม่เห็น   โดยเฉพาะในเรื่อง”หุ้น” ของ”ตลาดหลักทรัพย์” ที่กำลัง”ต่ำเตี้ยเรี่ยพื้น” สภาพเหมือนกับช่วงที่มีการ”ระบาด” ของ”โควิด 19” สมัยที่”ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น”นายกรัฐมนตรี” …. ข่าวร้าย รายวัน คือการปิดตัวของโรงงานอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้น ซึ่งมากที่สุดในพื้นที่ภาคตะวันออก  ซึ่งนอกจากมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศแล้ว ยังมีผลกระทบกับการ”ตกงาน” และ”ว่างงาน”  ซึ่งหมายถึง”ปากท้อง”และ”ความยากจน” ที่เพิ่มขึ้น กลายเป็นปัญหาของสังคม ที่ทุกกระทรวง ทุกหน่วยงาน ต้องมีการ”บูรณาการ” ด้วยกัน นี้เป็น”งานหนัก” ของ”พิพัฒน์ รัชกิจประการ” เสนาบดีกระทรวงแรงงาน ที่ต้อง”แบกรับ” จาก”ผลพวง”ของ”ครม.เศรษฐกิจ” ที่ยัง”คลำเป้า” การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ไม่พบ  ……

@ส่วนเรื่อง”การตลาดอื่นๆ” เช่นการ”ส่งออก, การท่องเที่ยว,การลงทุน,” และราคา”พืชผล”ทางการเกษตร มีแต่”ทรงกับทรุด” เช่นราคาของ”ปาล์มน้ำมัน” และ”ราคาของ”ยางพารา” เป็นต้น ในขณะที่”ราคาสินค้า” ขึ้นแล้วไม่ลง ซึ่งเป็นเรื่องที่”เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์” ที่มี”ภูมิธรรม เวชยชัย” ผู้นั่งควบกับตำแหน่ง “รองนายกรัฐมนตรี”อยู่ด้วย ต้องมีการ”พิจารณา”เพื่อ “ตรึงราคาสินค้า” อย่าให้มีการ”ขึ้นราคาตามใจชอบ”……ส่วน”พืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำ” ก็เป็นหน้าที่ของ” รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ผู้ทำหน้าที่”เสนาบดี” ในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะ”ราคายางพารา” กับราคา”ปาล์มน้ำมัน” ที่ต้องไปดูที่”ต้นตอ” ของ ปัญหา ซึ่ง”กลไก” ทั้งหมดยังอยู่ที่”พ่อค้าคนกลาง” และ”บอร์ดการยาง” ที่เคยแถลง”นโยบาย” เรื่องของ”ยางพารา” เอาไว้อย่าง”สวยหรู” ในการที่จะ”ดูดซับ” ยางจาก”ตลาด” เพื่อการใช้ในการ”ผลิตสินค้า” เพื่อ”จำหน่าย” ภายในประเทศ วันนี้ “นโยบาย”ที่”สวยหรู” เป็นเรื่องที่”ทำได้จริง” หรือเป็นเพียง”น้ำยาบ้วนปาก”  เท่านั้น ก็ต้องบอกกันตรงๆว่า “เกษตรกร” เขาเบื่อแล้วกับเรื่องการให้”ยาหอม,ยาลม,ยาดม,ยาหม่อง”…..

@เรื่องของ”ไฟใต้” ที่กลับมา”โหมเชื้อ” ให้”ลุกโชน” อย่างเต็มที่อีกครั้ง สิ่งที่ หายไปหลายปีคือการ”ฆ่าแล้วเผา” ที่หายไปจากพื้นที่เป็น 10 ปี ที่กลับมาเกิดขึ้นอีกแล้ว ในพื้นที่ของ”ต.พ่อมิ่ง” อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี  นี่เป็น”ศพแรก” และอาจะได้เห็น”ศพที่สอง และที่สาม เกิดขึ้น หาก “พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค” แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ยังไม่มีการการ”ปรับเปลี่ยน” วิธีการ” ในการ”รับมือ” กับ”กองกำลังติดอาวุธ” ของ”ขบวนการแบ่งแยกดินแดน”บีอาร์เอ็น” เพราะตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นมา ทุกคนจะเห็นถึงการ”เพลี่ยงพล้ำ” ของ” “เจ้าหน้าที่รัฐ” ที่การ”ปฏิบัติการ” ต่อ” กองกำลังติดอาวุธ” ในพื้นที่ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอ ของ จังหวัดสงขลามีแต่”เจ้าหน้าที่รัฐ” ที่”บาดเจ็บ” และ”ล้มตาย” เกิดขึ้นทุกครั้งที่ออก”ปฏิบัติการ” คำถามจาก”คนในพื้นที่”และ”คนในประเทศ”คือ”ความสูญเสีย” ที่เกิดขึ้นมาจากอะไร ในเมื่อ”กองกำลังติดอาวุธ” ของ”บีอาร์เอ็น” ก็ไม่ใช่”นักรบของพระเจ้า” ที่”เก่งกาจ” มาจากไหน ที่ฝึกอาวุธอย่าง”เปิดเผย” ก็ไม่มี”  อาวุธยุทโธปกรณ์ ก็ ด้อยกว่า แต่ทำไม่ดูเหมือนทุก”สนามการต่อสู้”  เจ้าหน้าที่รัฐ จึงมีแต่ความ”สูญเสีย” เหมือกับว่า “เจ้าหน้าที่รัฐ” เป็นผู้ที่”อ่อนหัด” ในการเข้า”ปฏิบัติการ” เช่น กรณีของการปิดล้อม”บ้านคลองช้าง” ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ที่เกิดการ”สูญเสีย” เจ้าหน้าที่ทหาร 1 นาย บาดเจ็บ 2 นาย การเข้า”พิสูจน์ทราบ” ความ”เคลื่อนไหว” ของ”กองกำลังติดอาวุธ” ที่”หลบซ่อน” อยู่ใน”ป่ายาง” มีการใช้เวลา 4 วัน ในการ”ปฏิบัติการ”การการ”รุกคืบ” และ”ปิดล้อม” ที่ไม่ประสบความสำเร็จ โดย”กองกำลังติดอาวุธ” หลบหนีไปได้  เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องมี”คำตอบ” ให้กับ”ประชาชน” เพราะ”ข่าวสาร” ที่ถูก”เผยแพร่” ออกไปโดย”สื่อมวลชน” เป็นการทำให้ความ”ไม่เชื่อมั่น” และความ”ศรัทธา” ต่อเจ้าหน้าที่รัฐ”เสื่อมถอย” เพราะในการ”ปฏิบัติการ” ต่อ” แนวร่วม” หรือ”กองกำลังติดอาวุธ”ของ”บีอาร์เอ็น” เหมือนกับว่า” เจ้าหน้าที่” สู้ไม่ได้ และ”สูญเสีย” มาโดยตลอด

@ ถ้าสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป”ประชาชน” ที่ไหนจะกล้าให้ความ”ร่วมมือ” กับ”เจ้าหน้าที่รัฐ” ถามหน่อย……โดยเฉพาะการ”ฆ่าแล้วเผา” ประชาชน จาก อ.สะเดา จ.สงขลา ในพื้นที่  ต.พ่อมิ่ง อ.ปานาเระ จ.ปัตตานี  “พล.ต.ต.สันทัด เชื้อพุฒตาล” ผบก.ภ.จว.ปัตตานี ต้องเร่งให้ “พ.ต.อ.ชัยวัฒน์  ปานบุญทอง “ ผกก.สภ.ปะนาเระ เร่ง สืบสวนสอบ สอบสวน ข้อเท็จจริง ว่าเป็นการกระทำของ” กองกำลังติดอาวุธ” ของ”บีอาร์เอ็น” หรือเป็นการกระทำของ”คนร้าย” กลุ่มไหน เรื่องนี้เป็นความ”ความกังวล” ของคนในพื้นที่ต่อ”สถานการณ์ความไม่สงบของจังหวัดชายแดนภาคใต้” ที่สร้างความ”หวั่นไหว” และที่สำคัญไม่มีใครเชื่อ”น้ำมนต์” ของ” กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ที่ ประกาศว่า”เราเดินมาถูกทางแล้ว” ในนโยบายของการ”ดับไฟใต้” …… เคย บอกกล่าว มาแล้วร่วม 2 ปี ว่า สถานการณ์ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่าได้”วิเคราะห์” ว่า”การก่อเหตุที่ลดลง คือความ”สำเร็จ” ของการ”ดับไฟใต้” แต่การ”ดับไฟใต้” จะ ประสบความสำเร็จ และบอกว่า”เดินมาถูกทางแล้ว” ต้องดูจากงาน”การเมือง” และการ”บ่มเพาะ” ผู้คนเข้าสู่ขบวนการต้อง”ลดลง” การสร้าง”หมู่บ้านเข้มแข็ง” ต้องไม่เกิดขึ้น หรือ”ขยายตัว” จากเดิมที่มีอยู่ แต่โดยข้อเท็จจริง วันนี้”หมู่บ้านเข้มแข็ง” เพิ่มขึ้น  การ”บ่มเพาะ”การ”จัดตั้ง” การสร้าง”เครือข่าย” และการ”ขับเคลื่อน”ของ”ปีกทางการเมือง” ใน”ภาคประชาชน” มีความ “เข้มแข็ง” และ”ขยายตัว” งาน”มวลชน” ของ”บีอาร์เอ็น” ในพื้นที่ มีการตอบรับจาก”มวลชน” มากขึ้น นั่นคือความสำเร็จด้าน”การเมือง” หรือ”งานมวลชน” ของ”บีอาร์เอ็น” ที่” กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” มองข้าม และไม่ให้ความสำคัญ แต่ให้ความสำคัญ กับการ”ก่อเหตุ” จึงเป็นเหตุให้”หลงกล” ต้อง”ยุทธศาสตร์” ของ”บีอาร์เอ็น” มาโดยตลอด…..

@และในเดือน สิงหาคม นี้ ก็มีเรื่องที่ต้องติดตามอยู่ 2 เรื่อง กล่าวคืน วันที่ 3 สิงหาคม “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี จะมีการ”พบปะ” เพื่อ”หารือ” กับ” อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรี ประเทศมาเลเซีย  ซึ่ง”สาระ” ในการพบกัน ถ้ามีแต่เรื่อง” เศรษฐกิจ” และ”การค้าชายแดน” เรื่องการ”สร้างสะพานข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก” แห่งที่ 2  โดยไม่นำเอาเรื่องของ”การแบ่งแยกดินแดน” ที่ทั้ง”บีอาร์เอ็น” และ”พูโล” ต่างมี”ฐานที่มั่น” อยู่ในประเทศมาเลเซีย โดยมี”เป้าหมาย” ในการ”ก่อการร้าย” ใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ก็”ป่วยการ” และ”เสียเวลา” ในการ”พบปะหารือ” เพราะเรื่องใหญ่ที่สุด สำหรับ”จังหวัดชายแดนภาคใต้ “ ณ วันนี้ไม่ใช่เรื่อง”เศรษฐกิจ” และ”การค้าชายแดน” แต่เป็นเรื่อง” การก่อการร้าย” ที่หากยังไม่มีทาง”ยุติ” ต่อให้มีการ”สร้างสะพาน” เพื่อ”เชื่อมชายแดนไทย-มาเลเซีย” อีกกี่แห่ง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้”เศรษฐกิจ”ของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดีขึ้น……เอาง่ายๆคิดแบบไม่ต้องใช้”สมอง” ให้มาก แค่”บีอาร์เอ็น” สั่งการให้” กองกำลังในพื้นที่”  วางระเบิดแสวงเครื่อง ที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาสสัก 2 เดือน ครั้ง วางระเบิดแสวงเครื่อง ที่ อ.เบตง จ.ยะลา ปีละครั้ง  วางระบิด ใน อ.สะเดา หรือ หาดใหญ่ จ.สงขลา  “เศรษฐกิจ” และ”การค้า” ของ”เมืองชายแดน ก็จะ”เละตุ้มปะ” เมืองชายแดนที่”ฟื้นตัว” หลังการหมดไปของ”โควิด 19 ก็จะกลายเป็น”เมืองร้าง” ดังนั้น เรื่องที่”เศรษฐา ทวีสิน” ต้อง”ปรึกษาหารือ” กับ”อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซีย ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของ” บีอาร์เอ็น” ไม่ใช่เรื่อง”เศรษฐกิจ-การค้าชายแดน”……

@และมี ประเด็น ที่น่าสนใจคือ ก่อนที่จะถึง วันที่ 3 สิงหาคม ที่มีการ”นัดพบ” ระหว่าง”ผู้นำทั้งสองประเทศได้มีกลุ่มประชาชนผู้สนับสนุนสันติสุขในดินแดนดารุสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้  ได้ส่ง “จดหมายเปิดผนึก” ถึง“นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ผ่านทาง”กงสุลใหญ่ประเทศมาเลเซีย” เพื่อขอร้องให้มีการ “ปราบปราม” ขบวนการแบ่งแยกดินแดน “บีอาร์เอ็น” และ”พูโล” ซึ่งเป็นสองขบวนการแบ่งแยกดินแดน ที่มี”ฐานที่มั่น” ในประเทศมาเลเซีย” หากประเทศมาเลเซีย มีความ”จริงใจ” ในการช่วยเหลือประเทศไทยในเรื่องการแบ่งแยกดินแดน เพียงแค่มาเลเซีย สั่งการให้”บีอาร์เอ็น” และ”พูโล” หยุดการ”ปฏิบัติการ” ในพื้นที่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถ้าไม่”ทำตาม”  รัฐบาลมาเลเซีย จะไม่ให้ใช้ประเทศมาเลเซียเป็น”ฐานที่มั่น” ทั้ง”บีอาร์เอ็น “ และ”พูโล” ก็จะ”สิ้นฤทธิ์” ในการที่จะ”ขับเคลื่อน” ขบวนการแบ่งแยกดินแดน ในทันที และ เมื่อ”กองกำลังติดอาวุธ” และ”เครือข่าย” ในพื้นที่ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ถูก”ตัดหัว” ก็จะง่ายที่” กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” จะทำการ”กวาดล้าง” อย่าง”ถอนรากถอนโคน”……และอีกเรื่อง ที่ต้อง เฝ้าระวัง” ในเดือน สิงหาคม นี้ คือการ”ปล่อยข่าว” จาก” ขบวนการบีอาร์เอ็น” ว่าจะมีการก่อเหตุครั้งใหญ่ในวันครบรอบ 70 ปี การ”หายสาบสูญ” ของ”หะยีสุหลง โต๊ะมีนา” อดีตผู้นำทาง”จิตวิญญาณ” ของชาว”มุสลิม” ซึ่งเชื่อว่าในห้วงเวลาดังกล่าว ต้องเกิดเหตุ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างแน่นอน  และเป็นหน้าที่ของ”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ที่ต้องมีแผนในการ”รับ-รุก” กับ”กองกำลังติดอาวุธ” เพื่อป้องกันความสูญเสีย โดยเฉพาะกับ ชีวิต และ ทรัพย์สิน ของ”ประชาชน” ผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่…..

@เรื่องของ”ยาเสพติด” ยังเป็นเรื่องใหญ่ของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ที่หันไปทางไหนก็มีแต่เรื่องของ”ยาเสพติด” ทั้งการขายและการเสพ ทุกหน่วยงานมุ่งแต่เรื่อง”การบำบัด” แต่”ต้นตอ” ของ”ยาเสพติด” คือการ”จับกุม” ซึ่งเป็นหน้าที่ของ”ตำรวจ” กลับ”หย่อนยาน” แต่ละ”โรงพัก” ไม่มีการ”เอาจริง”กับผู้ค้า”รายย่อย” ที่เป็นต้นเหตุของการ”ระบาด” ที่ สำคัญ””เจ้าหน้าที่” มี”ผลประโยชน์” ในการเรียกเก็บเงินจาก””พ่อค้ายาเสพติด” ในพื้นที่ เรื่องนี้ “พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี” ผบช.ภ.9  ต้องเร่งดำเนินการ ให้ ตำรวจ ทุก สภ.”เอาจริง” กับการ จับกุม”พ่อค้ารายย่อย” ใน หมู่บ้าน ตำบล ให้หมด และต้องมีแผนในการ”ป้องกัน” หมู่บ้าน ตำบล” ให้เป็นพื้นที่”ปลอดยาเสพติด”…..ที่ สำคัญ คือการ”เอาชนะยาเสพติด” ฝ่ายปกครอง โดย”นายอำเภอ” ในทุกพื้นที่ต้อง”เอาจริง” ด้วยการนำ “ผู้นำท้องที่” หรือ” กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน” มาเป็น”กำลังสำคัญ” ในการ”ป้องกัน และปราบปราม ยาเสพติด ไม่ใช่การ”ปราบปราม ป้องกัน” เป็นหน้าที่ของ”ตำรวจ” เพียงอย่างเดียว เรื่องของ”ยาเสพติด” เป็นเรื่องการ”บูรณาการ”ของทุกภาคส่วน การ”เอาชนะยาเสพติด” ที่ได้ผลคือ”ชัยชนะต้องมาจากหมู่บ้าน” เท่านั้น  ดังนั้น “”อนุทิน ชาญวีรกุล” หรือ” เสี่ยหนู” เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ต้อง”เร่งมือ” ในการทำให้”ฝ่ายปกครอง”และ”ตำรวจ” เป็น”เนื้อเดียวกัน” ในการ”ป้องกันและปราบปราม” ไม่ใช่เป็น”เนื้อเดียวกัน” ในเรื่องของ”ผลประโยชน์” จาก”ขบวนการค้ายาเสพติดอย่างที่เป็นไปแล้วใน หลายพื้นที่…..

@เรื่องของ”ราษฎรไทย” ที่เข้าไปในประเทศมาเลเซีย และถูก”เจ้าหน้าที่”ของ”มาเลเซีย” ยิงเสียชีวิต และจับกุมได้ 2 รายใน แนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่ “รัฐเคดาห์”  ซึ่ง “เจ้าหน้าที่”ของ”มาเลเซีย” อ้างว่า “ราษฎรไทย” ที่เป็นคน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา อยู่ใน”ขบวนการธุรกิจผิดกฎหมาย” ในเรื่องของการ”โจรกรรมรถยนต์” และ”เรื่องของ”ยาเสพติด” เรื่องการทำ”ธุรกิจผิดกฎหมาย” ของคนใน”แนวชายแดน” ทั้งที่เป็น”คนไทย” และ”คนมาเลเซีย” เป็นเรื่อง”ปกติ” สำหรับผู้คนในเมืองชายแดน  แต่เรื่องที่ไม่”ปกติ” คือเรื่องที่หลังการเกิดเหตุ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่าง”สำนักงานคณะกรรมการส่วนภูมิภาค” หรือ” สน.กชภ.” ที่ขึ้นกับ”กองทัพภาคที่ 4” ไม่มีการ”แถลงข้อเท็จจริง” ที่เกิดขึ้น ให้กับประชาชนได้รับทราบ เช่น”คนตาย” และ”ผู้ถูกจับกุม” ทำผิดตามที่”ตำรวจมาเลเซีย” มีการ”กล่าวหาหรือไม่ มี”พยาน หลักฐาน” ในการ”ทำผิด”มี หรือไม่ และการ”จับตาย” ที่เกิดขึ้นกับ”ราษฎรไทย” เป็นเรื่องที่”สมเหตุสมผล” หรือไม่ รวมทั้งผู้ที่ถูกจับกุมที่เป็น”คนไทย” มีการเข้าไป”ช่วยเหลือ” ทางด้าน”กฎหมาย” หรือไม่ และ อย่างไร เรื่องนี้เป็นเรื่อง สำคัญ…….นี้ถ้า”ชาวมาเลเซีย” เข้ามายังพื้นที่ของ”อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา” ที่เป็นพื้นที่”อำเภอชายแดน” และถูก” ตำรวจไทย”ทำการ”วิสามัญ” และ”จับกุม” ป่านนี้คงกลายเป็น”เรื่องใหญ่” ของฝ่าย”มาเลเซีย” ที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ”นั่งไม่ติด” ต้องทำการ”ชี้แจงข้อเท็จจริง” ที่เกิดขึ้น โดยต้องมี”พยานหลักฐาน”ในการ ยืนยัน นี่คือความ”แตกต่าง” ซึ่ง”สาระสำคัญ” คือ”ไม่ว่าจะ”ผิด”หรือ”ถูก” ชีวิตของ”คนไทย” ต้องมีค่า และมีความ”สำคัญ” ไม่ใช่เรื่องทั้งหมดถูก”ปิดเงียบ” โดย”สน.กชภ.” ทำได้เพียง “นำศพคนตาย”กลับมาแล้วจบ ที่สำคัญเรื่องนี้”ฝ่ายปกครอง” อย่าง”มงคล สินยัง” คนเป็นนายอำเภอสะบ้าย้อย จ.สงขลา ต้องมีความพร้อม ในเรื่องการ”ประสานงาน” กับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรายงานให้”สมนึก พรหมเขียว” ผวจ.สงขลา ได้ทราบในรายละเอียด…..

@นี่ก็เป็นเรื่องใหญ่ กรณีที่”พ่อค้าเจ้าของล้งทุเรียน”จาก จ.ชุมพร” ที่ไปตั้ง”จุดรับซื้อทุเรียน” ใน อ.บันนังสตา จ.ยะลา ถูก คนร้ายบุกเข้า”ปลิดชีพ” ในขณะที่อยู่ใน”จุดรับซื้อ” เรื่องนี้ แยกแยะ เป็น 2 ประเด็น ประเด็นแรก “พล.ต.ต. เสกสันต์ ชูรังสฤษฎ์  ผบก.ภ.จว.ยะลา ต้องดำเนินการ “สืบสวนสอบสวน” ว่าสาเหตุในการ”สังหารโหด” เป็นเรื่อง”ความขัดแย้ง” ในการทำ”ธุรกิจการค้าทุเรียน” หรือมาจากฝีมือของ”กองกำลังติดอาวุธ” ของ”บีอาร์เอ็น”ที่ต้องการ”สร้างสถานการณ์” หรือไม่ เพื่อเป็นการ”คลี่คลายคดี”ที่เป็น”ข้อเท็จจริง” และ หลังจากนี้ต้องมีการจัด”เจ้าหน้าที่” เพื่อ”รักษาความปลอดภัย” ให้กับ”พ่อค้าล้งทุเรียน” ทั้งที่มาจาก”ต่างถิ่น” และใน”พื้นที่” เพราะถ้าการ”สังหารโหด” ครั้งนี้มาจากเรื่อง”ธุรกิจการค้าทุเรียน”  ก็อาจจะมีการ”สังหารโหด” เกิดขึ้นเป็นรายที่ 2 ที่ 3 ตามมา เพราะ ณ วันนี้ เป็นห้วงเวลาของเกษตรกรชาวสวนทุเรียน ที่มีผลผลิตออกสู่ตลาด เป็นการ”สร้างรายได้” อย่าให้การ”สังหารโหด” ผู้เป็น”พ่อค้าเจ้าของล้ง” ครั้งนี้เป็นสาเหตุของความ”หวาดกลัว” ของ”พ่อค้า” รวมทั้ง”ฉวยโอกาส” ในการ”กดราคารับซื้อ” ผลผลิตจากชาวสวน อย่าลืมว่า”ทุเรียนจังหวัดยะลา” มี”มูลค่าการส่งออก” หลายพันล้าน ในแต่ละปี…..และ “อำพล พงษ์สุวรรณ” ผวจ. ยะลา ก็ต้องไม่” ละเลย” กับเรื่องที่เกิดขึ้น  ต้องส่ง”เจ้าหน้าที่” ลงพื้นที่เพื่อ”สร้างความมั่นใจ” ให้กับทั้ง”เจ้าของสวน” และ”ล้งทุเรียน” กับเรื่องที่เกิดขึ้น รวมทั้งเรื่อง”ทุเรียนเป็นหนอน” ที่เป็น”ข่าวใหญ่” ว่า ถูกพ่อค้าจีน” ทำการ”ตีกลับ” หรือ”ส่งคืนสินค้า”ซึ่งใน”ข่าว” อ้างว่าเป็น”ทุเรียน” จอง จ.ยะลา เรื่องนี้เป็นความ”เสียหาย” ที่ จังหวัดต้องเข้าไปดำเนินการ และป้องกันอย่าให้มีการ”ใช้ประเด็น” ของ”ทุเรียนยะลาเป็นหนอน” เพื่อเป็นช่องทางให้”พ่อค้า” ฉวยโอกาส” กดราคา”หน้าสวน” เพราะมีการ”ร้องเรียน”จาก”เจ้าของสวน” ว่า หลังมีข่าว”ทุเรียนเป็นหนอน” และถูก”จีนตีคืน” ทำให้”ราคารับซื้อ” ใน พื้นที่ลดลงเป็นอย่างมาก…..

@เรื่องการ”ตัดไม่ทำลายป่า” ในพื้นที่ของ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังเป็นเรื่องที่”ป้องกันไม่ได้” ทั้งที่ในพื้นที่ มีทั้ง”ทหาร-ตำรวจ” และ”กองกำลังท้องถิ่น” เป็น จำนวนมาก และในแต่ละ หมู่บ้าน ตำบล ต่างมี หน่วยงานของรัฐที่ขึ้นต้อนด้วยคำว่า” อาสาฯ” อยู่ทุกพื้นที่ ล่าสุดมีการพบการ”ตัดไม้ทำลายป่า” ที่ ต.บาละ อ.กาบัง จ.ยะลา โดย”นายทุน” ให้เครื่องจักร อย่างรถ”แบคโฮ” ร่วมกับ”เลื่อยยนต์” เข้าไป “ตัดไม้ และไถทำลายป่า  ที่สำคัญ ในรอบเดือน  กรกฎาคม นี้ มีการ”พบการ”ทำลายป่าสงวนแห่งชาติ” แนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ทั้งใน  อ.บันนังสตา-ธารโต –กาบัง จ.ยัลา และใน อ.เทพา-สะบ้าย้อย จ.สงขลา  ติดๆกัน และในบางแห่งพบว่า มีการ นำไม้ป่า ออกมา”ส่งขาย” ให้กับ” โรงงานไฟฟ้าชีวภาพ” ในพื้นที่เพื่อใช้เป็น”เชื้อเพลิง” ในการ”ผลิตไฟฟ้า” การทำไม้ในป่าสงวนแห่งชาติ อาจจะเกินกำลังของ หน่วยอนุรักษ์ป่า” ดังนั้นหน้าที่”ป้องกันป่าสงวนแห่งชาติ” ต้องเป็นหน้าที่ของ” ตำรวจตระเวนชายแดน” ที่มี”ขีดความสามารถ”ซึ่ง”พล.ต.ต.พิชญ์วุฒิ สงวนสมบัติศิริ” รักษาการ ผบก. ตชด.ภาค 4  ต้อง เข้าไป ดำเนินการ ก่อนที่”ป่าสงวนแห่งชาติ” ใน แนวชายแดนไทย-มาเลเซีย จะถูก”บุกรุก”จนหมดสิ้น…., เช่นเดียวกับที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ที่”แหล่งข่าว” แจ้งมาว่า ป่าสงวนแห่งชาติ ในแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย มี”นายทุน” สั่งการให้”มอดไม้” เข้าไป”กรานต้นไม้ใหญ่” จำนวนหลายร้อยต้น เพื่อการ เตรียมการ เข้าไป”ตัดไม้ทำลายป่า” เรื่องนี้ฝากให้” ว่าที่ ร.ต.ตระกูล โทธรรม ผวจ.นราธิวาส สั่งการให้”นายอำเภอศรีสาคร” เจ้าของพื้นที่”ตรวจสอบ” และ”ดำเนินการด้วย” เรื่องการ”ตัดไม้ทำลายป่า” การ”บุกรุกป่าสงวน” เพื่อขายไม้และใช้เป็นที่”ทำกิน”

@วิธีการ”ป้องกัน” ง่ายนิดเดียว ถ้าฝ่ายปกครองมีความ”จริงใจ” แค่สั่งการให้”ผู้ใหญ่บ้าน” และ”ผู้ช่วย” เป็นผู้”รับผิดชอบ” ถ้า หมู่บ้านไหน มีการ”บุกรุกป่าสงวน” และมีการ”ตัดไม้” ก็ต้อง”เอาผิด” กับ” ผู้ใหญ่บ้าน” และ”ผรส.” หรือ”ผู้ช่วย” รวมทั้ง”เอาผิด”กับ”กำนัน” ที่เป็นผู้รับผิดชอบในตำบลนั้นๆ เช่นการ”คาดโทษ” และการ”ปลดออก” จากตำแหน่ง ส่วนการ”เอาผิด”กับ”นายอำเภอ” ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน  ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องมีการ”เอาผิด” ในด้านการ”บกพร่อง” ด้วยการ”ตัดแต้ม” หากแก้ไขไม่ได้ผล ก็ต้อง”เอาผิด” ตาม ระเบียบวินัยของการ”ปกครอง” ไม่เชื่อ “ผู้ว่าราชการจังหวัด” ในพื้นที่ของ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้นำไป”นำร่อง” ปฏิบัติดูสัก 1-2 ตำบล เชื่อว่าการ”ตัดไม่ทำลายป่า” จะต้อง”ลดลง” เชื่อเถอะเรื่องการ”ตัดไม่ทำลายป่า” ถ้า”ผู้นำท้องถิ่น” ไม่ร่วมด้วย หรือไม่”รับผลประโยชน์” เกิดขึ้นไม่ได้ และเชื่อเถอะ” ไม่มีเรื่อง”ผิดกฎหมาย” อะไรที่ “ผู้ใหญ่บ้าน” และ” ผรส.” จะไม่รับรู้…..

@เรื่องนี้ก็สำคัญ ที่ต้อง เรียนไปถึง “ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอ.บต. ) และ ผอ. ปปช. ปัตตานี เรื่องการที่”กลุ่มผู้เลี้ยงวัว” จำนวน 2 กลุ่ม ในโครงการ”โคบาลชายแดนใต้” ที่ จ.ปัตตานี ไป ซื้อวัวพันธุ์พื้นบ้าน” ที่ไม่”ตรงปก” หรือผิด”เงื่อนไข” ในข้อตกลง จาก””พ่อค้าวัว”  เพราะมี”ราคาถูก” และ”ตัวโต” แต่ใน ระยะยาว จะเกิดปัญหาขึ้น  วันก่อนที่เป็นโครงการ”ส่งมอบโค” เฟสแรก ที่มีการร้องเรียนเรื่อง”โคไม่ตรงปก”  ปปช. ก็ได้มีการ”ตรวจสอบ” ไปแล้ว และไม่พบการ”ทุจริต” แต่ วันนี้มี”เคสใหม่เกิดขึ้น” ต้องการให้มีการตรวจสอบจาก” ปปช. เพื่อให้เกิดความ”เป็นธรรม” และที่สำคัญ เป็นการ”ช่วยเกษตรกร” ให้ได้”วัว” ที่เป็นไปตาม”เงื่อนไข” เพื่อสร้างรายได้ให้กับ”กลุ่มเกษตรกรในโครงการโคบาลแดนใต้” ตามที่ “ ศอ.บต.” และ”กระทรวงเกษตรต้องการ ถ้า “ปปช. ไม่ทำ ก็ฝากถึง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เสนาบดีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “สั่งการ” ให้”อธิบดีกรมปศุสัตว์” ลงพื้นที่ เพื่อทำการ”ตรวจสอบข้อเท็จจริง.” เพราะชาวบ้านไม่กล้า”คาดหวัง” กับการ ทำหน้าที่ของ”ปศุสัตว์” ในพื้นที่……แล้วพบกันใหม่ วันศุกร์หน้า สวัสดีครับ

————————————————————-

ไชยยงค์ มณีพิลึก

เทิดพระเกียรติ.  พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว ผบ.พล.ร.15 / ผอ.ศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  เป็นผู้แทน พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมเทิดพระเกียรติเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา โดยมี ข้าราชการและพสกนิกรทุกหมู่เหล่า เข้าร่วมพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้ปัตตานี

สโมสรสันนิบาต.   พ.ต.ท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. มอบหมายให้  นพ.สมหมาย บุญเกลี้ยง ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ร่วมงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ในวันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม 2567 เวลา 19.00 น. ณ อาคารหอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา

ผู้พลีชีพ.   พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผอ. กอ.รมน.ภาค 4 เป็นประธานในการรดน้ำศพ จสอ.ธนศักดิ์ บัวขาว ที่เสียชีวิตจากการ ปฏิบัติหน้าที่ ณ  วัดหงษ์ประดิษฐาราม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

มอบเงิน.   เกษร บุญถนอม  ผอ.กองส่งเสริมแบะสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. เป็นตัวแทน พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต.  เข้าเยี่ยม และมอบเงินเยียวยา ร.ต.อ.ณัฐปคัลภ์ นิลกาฬ ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบบัติหน้าที่ ณ ร.พ.สงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

เปิดบ้านวิชาการ.  วิชาพร ชินประพัทธ์ ผอ.วิทยาลัยชุมชนยะลา เป็นประธานเปิดงาน “เปิดบ้านวิชาการ” 20 ปี วชช.ยะลา ณ วิทยาลัยชุมชนยะลา โดยมี จิรวิทย์ แซ่งเจ็ง และ คณาจารย์ วชช.ยะลา ร่วมในพิธี

ระดมความคิด.   นอ.จักรพงษ์ อภิมหาธรรม ผอ.กองส่งเสริม และสนับสนุนงานพัฒนาฝ่ายพลเรือน ศอ.บต. นำทีมวิทยากรในพื้นที่ ระดมความคิดเห็นในการประชุมเชิงปฏิบัติการ การเขียนโครงการให้กับกลุ่มเป้าหมาย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน บัณฑิตอาสา ของ จ.สตูล ณ ห้องประชุมโรงแรมสยามออเรียนทัล อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

ค่ายคุณธรรม.   ณ ห้องประชุมโรงเรียนบ้านยวนโป๊ะ ต.บางด้วน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ยงยุทธ แซ่เตียว  นายกองค์การบริหารส่วนำ.บางด้วน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง  ได้เป็นประธาน ในพิธีเปิดโครงการค่ายคุณธรรม โดยมีนักเรียนระดับประถมศึกษา ชั้น ป.4-6 จำนวน 130 คน จากโรงเรียนบ้านบางด้วน โรงเรียนบ้านยวนโป๊ะ โรงเรียนบ้านป่าแก่ และโรงเรียนวัดควนวิไล โดยมี อาคม บริสุทธิ์ ผอ.รร.บ้านบางด้วน  ผศ.ดร.ชารินี ใจเอื้อ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ศูนย์การศึกษานอกที่ตั้งตรัง  ร่วมเป็นวิทยากรในการอบรม

ปลูกต้นไม้.  ณ บริเวณเกาะกลางถนนสายตรัง – สตูล จังหวัดตรัง นายพิสิทธิ์  สุขสง  ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงตรัง พร้อมด้วยหัวหน้าสำนักงานขนส่งจังหวัดตรัง, หัวหน้าสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ตรัง  และเจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงคมนาคม จังหวัดตรัง พร้อมใจกันปลูกต้นไม้ เกาะกลางถนน สายตรัง – สตูล  เพื่อเฉลิมพระเกียรติพรับาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนพรรษา 6 รอบ

ส่งเสริม.  มุขตาร์ มะทา นายก อบจ.ยะลา เปิดโครงการส่งเสริมการทำ “ผ้าปะลางิง” ผ้าพื้นถิ่นจังหวัดยะลา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 พร้อมด้วย รองปลัด รักษาราชการแทนปลัด อบจ.ยะลา สมาชิกสภา อบจ.ยะลา หัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วม โครงการดังกล่าว ส่งเสริมอาชีพให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพเพิ่มรายได้แก่ครัวเรือน ส่งเสริมการรวมกลุ่มอาชีพ สร้างรายได้ และสร้างชุมชนให้แข็ง สืบสานอนุรักษ์ภูมิปัญญาการทำผ้าปะลางให้คงอยู่คู่ จ.ยะลา ณ ห้องประชุมศรียาลอ อบจ.ยะลา

มอบเตียง.  แวหะมะกูซี อีปง ประธานสภาเทศบาลตำบลรือเสาะ นำผู้บริหารและสมาชิกสภาเทศบาลตำบลรือเสาะ อ.รือเสาะ  จ.นราธิวาส ผู้สนับสนุนใช้เงินส่วนตัว จัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ พร้อมด้วย ผู้อำนวยการกองสวัสดิการ เจ้าหน้าที่กองสวัสดิการฯ และคณะกรรมการชุมชน ลงพื้นที่มอบเตียงคนไข้ ให้แก่ผู้ป่วยติดเตียง ณ ชุมชนยือแรตีงีหมู่ที่ 5 ต.รือเสาะ อ. รือเสาะ จ.นราธิวาส

บรรยายภาพ a11ทำบุญตักบาตร.  ปราเมศ เห้งสวัสดิ์ นายอำเภอสทิงพระพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการประชาชนร่วมกันตักบาตรเนื่องในวันเฉลิมพระชนษ์พรรษาพระบาทสมเด็จพระวชิราชเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ วัดจะทิ้งพระ อำเภอสทิงพระจังหวัดสงขลา

ของดีสะบ้าย้อย.  เศวต เพชรนุ้ย รอง ผวจ.สงขลา เป็นประธานเปิดงาน พหุวัฒนธรรมและของดีสะบ้าย้อย ประจำปี 2567  ณ สนามที่ว่าการ อ.สะบ้าย้อย โดยมี มงคล สินยัง นายอำเภอสะบ้าย้อย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิธีเปิด

ตรวจพื้นที่.  พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า นันทพงษ์ สุวรรณรัตน์ รองเลขาธิการ ศอ.บต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจความเรียบร้อย บริเวณด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส  เพื่อเตรียมความพร้อมในการต้อนรับนายกรัฐมนตรี ที่จะลงพื้นที่พร้อมกับนายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย

นพพร หนูเพชร นายอำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา ลงพื้นที่ เป็นประธานในพิธีปิดโครงการขับเคลื่อนการดำเนินงานแก้ไขปัญหาผู้มีอาการทางจิตจากยาเสพติด ตามนโยบายเร่งด่วนรัฐบาล (Quick Win) ในพื้นที่จังหวัดยะลา  ณ กองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอเมืองยะลาที่ 2 (กองร้อยเขาใหญ่) ตำบลสะเตงนอก อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา

รางวัลคุณธรรม.  ว่าที่ รต.ตระกูล โทธรรม ผวจ.นราธิวาส และคณะร่วมงานประกาศผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสหน่วยงานภาครัฐประจำปี 2567 ณ ห้องนนทบุรี สำนักงาน ปปช. สนามบินน้ำ โดย จ.นราธิวาส ได้รับทั้งหมด 3 รางวัล

แถลงข่าว.  อำพล พงศ์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา มอบหมายให้ โอฬาร บิลสัน ปลัดจังหวัดยะลา ร่วมแถลงข่าวการแข่งขัน เดิน วิ่ง สี่ภาค มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ มินิ มาราธอน (TNSU walk Jog Run) ในหัวข้อ “การสนับสนุนการจัดงานในส่วนของจังหวัดยะลา” ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตยะลา อ.เมืองยะลา จ.ยะลา

ให้กำลังใจ.  พ.อ.ชาญฤทธิ์  ฮันสราช รอง ผบ.หน่วยเฉพาะกิจ ทหารพรานที่ 49 เป็นผู้แทนผู้บังคับหน่วย เข้าเยี่ยมให้กำลังใจ จสอ.เจริญ เพชรภิมล รอง ผบ.กองร้อยทหารพรานที่ 4903 ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการถูกซุ่มโจมตีจาก แนวร่วม ขบวนการแบ่งแยกดินแดน  ณ  รพ.สงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา