“ช.พ.๑ สมรภูมิคืนชีพ” คือภาพยนตร์ไทยที่ได้รับการจับตามองเป็นอย่างมาก เพราะนี่คือหนังไทยแนวซอมบี้ ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 จากฝีมือของสุดยอดผู้กำกับ “โขม-ก้องเกียรติ โขมศิริ” นำแสดงโดย “นนกุล” ชานน สันตินธรกุล รับบทเป็น “เมฆ” พี่ชายผู้ถูกสงครามบังคับให้เขาต้องเลือกระหว่าง “น้องชาย” และ “ประเทศชาติ”, “อัด” อวัช รัตนะปิณฑะ รับบทเป็น “หมอก” น้องชายผู้ถูกสงครามพรากความฝัน และกัดกินเขาจนไม่เหลือความเป็นมนุษย์ และ “ซิดนีย์” สุพิชชา สังขจินดา รับบทเป็น “เพ็ญ” คนรักของเมฆ ผู้ซึ่งสงครามเข้ามาทำลาย “ทุกสิ่งทุกอย่าง” ในชีวิตของเธอ

เรื่องย่อของ “ช.พ.๑ สมรภูมิคืนชีพ” เล่าถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่จังหวัดชุมพร ได้มีกองทัพญี่ปุ่นยกพลขึ้นบก จึงเกิดการปะทะกับทหารไทย เมฆ (นนกุล) นายสิบใหม่ และ หมอก (อัด อวัช) น้องชายประจำหน่วยยุวชนทหาร ช.พ.๑ จึงถูกเกณฑ์ไปร่วมรบในสงคราม และต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามลึกลับ เมื่อ “มนุษย์ทดลองที่เปรียบเสมือนซอมบี้” ของญี่ปุ่นหลุดหายระหว่างการยกพลขึ้นบก ทำให้หมอกและเพื่อนยุวชนเจอสิ่งที่โหดร้ายยิ่งกว่าภัยสงคราม เพราะนั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ “หายนะ”

นี่คือหนังไทยที่กล้า ๆ พูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเป็นแนว “ซอมบี้” จริง ๆ จัง ๆ แต่เป็นซอมบี้ในอีกแง่มุมตามการตีความของผู้กำกับโขม เป็นซอมบี้ที่ยังคงมีความเป็นมนุษย์อยู่ค่อนข้างสูง และเป็นหนังที่ โขม-ก้องเกียรติ ใส่ท่ายากเข้าไปมากมาย รวมทั้งความกล้าหาญในการใส่ฉากที่หนังสมัยก่อนไม่มีทางใส่ฉากแบบนี้เข้าไปได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น ฉากพระโดนยิง ฉากซอมบี้ไล่กินเด็กผู้หญิง ฉากผู้หญิงท้องถูกยิง (และโหดพอที่จะให้โดนยิงที่ท้องด้วย) ฉากพี่ฆ่าน้องตัวเอง ฯลฯ เรียกว่าผู้กำกับโขมจัดหนักจัดเต็มแบบไม่เกรงใจใคร ดิบ เถื่อน โหดขั้นสุด

ในส่วนของการเดินเรื่อง ตอนแรก “หมีเช” นึกว่าจะไปไม่รอด เพราะหนังสร้างสถานการณ์ที่เหมือนมืดแปดด้าน ไม่รู้จะไปต่อสวย ๆ ได้ยังไงแล้ว เหมือนวิ่งไปชนกำแพงถึง 2 ครั้ง แต่ต้องปรบมือให้กับผู้กำกับโขม ที่สามารถหาทางไปต่อได้อย่างยอดเยี่ยมชนิดคาดไม่ถึงทั้ง 2 ครั้ง สุดท้ายหนังก็จบลงอย่างสวยงาม ไม่เสียฟอร์มผู้กำกับฝีมืออันดับต้น ๆ ของไทยในยุคนี้

จุดเด่นของ ช.พ.๑ สมรภูมิคืนชีพ

การตีความซอมบี้ที่ยังคงมีความเป็นมนุษย์อยู่สูง ซึ่งทำให้หนังมีมิติมากขึ้น ฉีกกฎซอมบี้เดิม ๆ ทำให้มีความสดใหม่ในระดับหนึ่ง

เนื้อเรื่องที่คาดไม่ถึง และคาดเดาได้ยาก ทำให้หนังมีความสนุก และมีตอนจบที่สมบูรณ์ ไม่มีอะไรติดค้างในใจผู้ชม

การแสดงที่น่าประทับใจของ “นนกุล” และ “อัด” แต่ที่ต้องยกให้เป็น MVP ของหนังเรื่องนี้ก็คือนักแสดงญี่ปุ่น “เซงิ โอเซกิ” ที่เคยมีผลงานหนังไทยมาแล้วหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น คู่แรด, ซามูไร อโยธยา, รักฝังเขี้ยว ทุกฉากที่ เซงิ โผล่ออกมา แย่งซีนทุกคนไปจนหมด แสดงได้อย่างโดดเด่นเหลือเกิน ส่วนอีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือ “หลิน” มชณต สุวรรณมาศ แม้จะออกมาแค่ฉากเดียวแป๊บเดียว แต่ช่างตราตรึงใจเหลือเกิน

งานโปรดักชั่นยอดเยี่ยม เสื้อผ้า หน้าผม บ้านเมือง ยานพาหนะ ทำถึง เหมือนย้อนกลับไปในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 จริง ๆ และที่ต้องชมมาก ๆ คือการแต่งหน้าซอมบี้ แต่ละตัวออกมาดูถึงมาก ๆ ดูแล้วสมจริง ดูแล้วอิน มีความเรียลขั้นสุด

การกัดแซะสงคราม ซึ่งที่ไม่เคยมีอะไรดีเลย มีแต่สร้างความสูญเสียให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้อง

จุดอ่อนของ ช.พ.๑ สมรภูมิคืนชีพ

ฉากความรุนแรงต่าง ๆ ที่หนักหน่วงมาก ๆ ความโหดขั้นสุด เลือดสาดกระเซ็น แทะหัวกินกันจะ ๆ ยิงเจาะกะโหลกกันเห็น ๆ แม้แต่พระก็ยังยิง คนท้องก็ไม่เว้น เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ก็ไม่รอด ซึ่งมันอาจจะรุนแรงเกินไปสำหรับบางคน โดยเฉพาะเด็กเล็ก ๆ ไม่ควรดูเด็ดขาด

ยังขาดการเล่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะทำให้เราเข้าถึงตัวละครแก๊งซอมบี้ได้มากยิ่งขึ้น ทำให้เราแทบจะไม่ผูกพันกับตัวละครซอมบี้สมทบทั้งหลาย มีแค่ เมฆ หมอก เพ็ญ และแม่เท่านั้น ที่เรารู้สึกเอาใจช่วย แต่ที่เหลือแทบจำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร

4/5
เป็นหนังซอมบี้ไทยที่เอาไปอวดชาวโลกได้แบบไม่อายใคร มีความสดใหม่ คาดไม่ถึง หนังมีความโหดขั้นสุด ไม่เหมาะกับเด็ก ถือเป็นหนังโชว์วิสัยทัศน์และฝีมือของผู้กำกับโขม แต่ก็ยังขาดรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะทำให้หนังมีสมบูรณ์มากกว่านี้

หมีเช