ที่มีการสะสมอยู่ที่หินปูนที่อยู่บนผิวฟันบริเวณขอบเหงือก หินปูนจะเริ่มจากแผ่นบาง ๆ บนผิวฟัน แล้วค่อย ๆ เริ่มพอกเป็นชั้นหนาขึ้น ๆ ในเวลาไม่นาน ซึ่งถ้าเป็นก้อนใหญ่ และหนามากแล้ว ก็ต้องให้สัตวแพทย์เป็นผู้จัดการเอาหินปูนออกให้
สุนัขพันธุ์เล็ก มีแนวโน้มมีปัญหาของหินปูนมากกว่าสุนัขพันธุ์ใหญ่ เนื่องจากมีฟันซี่เล็ก ๆ ที่มักจะมีเศษอาหารติดตามร่องฟันด้านในได้ง่ายกว่า หรือสุนัขที่มีขนยาว ๆ รอบปากเช่น พูเดิล ชเนาเซอร์ เวสตี้ ชิสุ ก็มักจะเป็นพันธุ์ที่พบว่ามีปัญหาในช่องปากมากกว่าพันธุ์อื่น ๆ ชนิดของอาหารก็มีผลกับปริมาณของหินปูน สุนัขหรือแมวที่ทานอาหารเม็ดเป็นส่วนใหญ่ ก็จะพบว่ามีหินปูนน้อยกว่าเพราะส่วนของอาหารที่เป็นแป้ง หรือคาร์โบ ไฮเดรต หรืออาหารเปียก อาหารกระป๋อง มักจะติดเป็นก้อนตามซอกฟันได้ง่ายกว่าอาหารเม็ด แต่ถ้าน้องหมาหรือน้องแมวของเราชอบทานอาหารเปียก แต่ไม่ยอมให้เราทำความสะอาดฟัน ก็แนะนำให้ทำให้อาหารนั้นเหลวลง โดยการเติมน้ำเปล่าหรือน้ำซุป ผลจากการที่สัตว์เลี้ยงมีปัญหาในช่องปาก นอกจากจะทำให้มีหินปูน เหงือกอักเสบ หรือมีกลิ่นปากแล้ว ยังส่งผลที่รุนแรงขึ้นไปอีกได้ เช่น ถ้าเหงือกมีการอักเสบมาก ก็จะพบเลือดออก เป็นแผล ที่ทำให้สุนัขหรือแมวเจ็บปากจนไม่อยากทานอาหารหรือน้ำ หรือเป็นปัญหากระทบไปถึงการทำงานของทางเดินอาหาร, ตับ ไต และหัวใจ จากภาวะการติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดก็เป็นได้ การดูแลช่องปากอย่างถูกวิธีนั้นจึงสามารถทำให้สุนัขมีอายุที่ยืนยาวและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
การดูแลช่องปากเป็นประจำนั้นมีความสำคัญมาก เพราะน้ำลายของสุนัขมี pH เป็นด่าง (7.5) เมื่อเทียบกับมนุษย์ (6.5) จึงมีปริมาณแร่ธาตุสะสมในน้ำลายมากกว่า ทำให้เกิดหินปูนในช่องปากมากกว่ามนุษย์ที่ส่วนใหญ่ฟันจะผุจากความเป็นกรด (dental caries) ดังนั้นการแปรงฟัน เพื่อหยุดยั้งการเกิดคราบพลัคก่อนที่จะกลายเป็นหินปูนนั้นจึงดีที่สุด โดยเริ่มต้นง่าย ๆ ดังนี้
ควรเริ่มแปรงฟันสุนัขตั้งแต่ยังเล็ก เริ่มได้ตั้งแต่สุนัขอายุ 6 เดือนเป็นต้นไปหากเริ่มฝึกแปรงฟันตอนสุนัขมีอายุมากควรฝึกอย่างค่อยเป็นค่อยไป เช่น เริ่มหัดจับบริเวณปาก แล้วค่อยเริ่มแปรงฟันโดยใช้ปลอกนิ้วก่อนจะใช้แปรงสีฟันสำหรับสุนัข เป็นต้นใช้ยาสีฟันสำหรับสุนัข เนื่องจากยาสีฟันของมนุษย์โดยทั่วไปมักผสมฟลูออไรด์และซอร์บิทอลที่เป็นพิษกับสุนัข โดยให้สุนัขลองลิ้มรสยาสีฟันก่อน โดยอาจป้ายไว้ที่จมูกให้สุนัขเลียก่อนให้คุ้นเคย เมื่อแปรงฟันด้วยยาสีฟันสำหรับสุนัขเสร็จไม่จำเป็นต้องบ้วนน้ำออกหลังจากแปรงฟันเสร็จควรชื่นชมหรือให้ขนมขัดฟันในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดี พาสุนัขไปรับการตรวจฟันกับสัตวแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือนหรือ 1 ปีตามที่สัตวแพทย์แนะนำ
นอกจากการทำความสะอาดช่องปากและฟันแล้วการให้อาหารที่เหมาะสมยังช่วยส่งเสริมให้สุนัขมีสุขภาพช่องปากที่ดี ซึ่งมีงานวิจัยพบว่าสุนัขที่ได้รับอาหารแห้งจะมีสุขภาพช่องปากที่ดีกว่าสุนัขที่ได้รับอาหารเปียก นอกจากนี้อาหารสำเร็จรูปในรูปแบบเม็ดที่มีขนาดใหญ่จะส่งเสริมให้เกิดการบดเคี้ยวได้ดีเมื่อเทียบกับอาหารเม็ดขนาดเล็ก ดังนั้นเมื่อสุนัขได้รับอาหารที่มีเม็ดขนาดใหญ่จะทำให้สุนัขมีสุขภาพช่องปากที่ดีกว่าเช่นกัน
และสิ่งที่ไม่ควรทำ คือไม่ควรใช้ยาสีฟันของคนกับสัตว์เลี้ยง เพราะยาสีฟันของคนมีปริมาณของฟลูออไรด์ที่เป็นอันตรายกับสัตว์ และอาจมีส่วนผสมอื่น ๆ ที่ไม่เหมาะสมกับสัตว์เช่นกัน ไม่ควรละเลยเมื่อเจอปัญหาของเหงือก หรือฟันที่ผิดปกติ ควรจะพาสัตว์เลี้ยงไปพบสัตวแพทย์ทันที หรืออาจจะให้สัตวแพทย์ช่วยตรวจช่องปากอย่างน้อยปีละครั้ง พร้อมกับการทำวัคซีนประจำปี อย่าเพิ่งยอมแพ้กับการทำความสะอาดฟันให้กับสัตว์ตัวน้อยของเรา อาจจะต้องใช้ความอดทน และเวลาซักหน่อย เพื่อให้น้องหมาน้องแมวเกิดความเคยชิน และเพิ่มความชำนาญของเจ้าของ.