เป็นปรากฏการณ์ที่พิสูจน์ได้ชัดว่า สว. สายสีน้ำเงินเสียงแน่นปึก ขณะที่ สว.สายอิสระ30 กว่าคนยังร่วมกลุ่มกันไม่ได้แตกออกเป็นกลุ่มๆ จะเห็นได้จากผลของคะแนนที่ออกมา น.ส.นันทนา นันทวโรภาส  ได้เพียง 19 คะแนน และนพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ได้แค่ 13 คะแนน  มีบัตรเสีย 5 คะแนน งดออกเสียง 4 คะแนนเท่านั้น “บิ๊กหมง”ลอยลำเข้าป้ายทิ้งคู่ท้าชิงแบบไม่เห็นฝุ่น

รวมถึงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ ได้ 150 คะแนน และคนที่ 2 นายบุญส่ง น้อยโสภณ ได้167 คะแนน ถือได้ว่าค่ายสีน้ำเงินเก็บเรียบ

ปรากฏการณ์นี้ก็ทำให้ราศีพรรคภูมิใจไทยพุ่งพรวดๆ ตอกย้ำด้วยดีลลับเขาใหญ่ ที่ “นายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า” ทักษิณ ชินวัตร หอบลูกหลานไปพักผ่อน สุดสัปดาห์ เมื่อวันที่ 20-21 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท แอนด์ คันทรีคลับ เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นรีสอร์ตหรูของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย โดยมี “สารัชถ์ รัตนาวะดี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัทผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ของไทยไปร่วมแจมด้วย

เล่นเอาเวทีการเมืองไทยสะเทือน เพราะหลังจากวันนั้น “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เรียก “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สาธารณสุข และ “อนุทิน ชาญวีรกูล”เข้าพบก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จากนั้นที่ประชุมครม.มีมติ ไฟเขียว ออกพ.ร.บ.ควบคุมกัญชาแทน ดึงไปเป็นยาเสพติด ซึ่งเข้าทางที่พรรคภูมิใจไทยเรียกร้องมาโดยตลอด

จนล่าสุด “อนุทิน”ออกมาประกาศว่านี่ คือ ชัยชนะของประชาชน พร้อมเชื่อว่าการออกพ.ร.บ.ควบคุมกัญชาจะผ่านได้อย่างฉลุย มั่นใจใน “นายกฯเศรษฐา”และเสียงพรรคร่วม 314 เสียง

ถือเป็นบทถนัดของพรรคภูมิใจไทย ที่มีครูใหญ่ “เนวิน ชิดชอบ” ที่เป็นผู้นำจิตวิญญาณของพรรคภูมิใจไทย คอยวางหมากในการเดินเกมลึก ขยับดีลลับจนขึ้นมาขี่คอ แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลได้

ที่สำคัญการคุมเกมในสภาสูงได้ จึงเป็นเกมต่อยอดระยะยาวไปถึง 5 ปีตามวาระสว. หมายความ ว่า รัฐบาลชุดนี้ถ้าอยู่ 4 ปี ก็ยังเป็นแต้มต่อของพรรคภูมิใจไทยที่นำไปใช้ในการต่อรองกับพรรคร่วมรัฐบาลได้ระหว่างอยู่ด้วยกัน

เพราะอย่าลืมว่า นอกจากสว. จะมีอำนาจในการสรรหาและเสนอแต่งตั้งบุคคลเข้ามาทำหน้าที่ในองค์กรอิสระ ซึ่งมีอำนาจให้คุณให้โทษนักการเมืองได้แล้ว ยังต้องพิจารณาการออกกฎหมายต่างๆ ที่รัฐบาลเสนอมา โดยเฉพาะเรื่องกัญชา หรือแม้กระทั่งการแก้รัฐธรรมนูญในอนาคต

เข้าตำราคุมเกมยาวมองข้ามช็อต สร้างฐานในการต่อสู้กับการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่ต้องไปต่อสู้กับพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะฐานเสียงภาคอีสาน

ต้องจับตาการเดินเกมของ “ครูใหญ่เนวิน” ว่า จะโกยแต้มต่อทางการเมืองเพิ่มได้อีกหรือไม่ เพราะจากคำพูดของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ออกมาแหย่ “อนุทิน” ว่า ดูแลพรรคเล็กๆหลายพรรค ดังนั้นหลายๆคนมองว่า หากพรรคก้าวไกลถูกยุบ โอกาสมีงูเห่าเลื้อย ย้ายซบพรรคภูมิใจไทยก็มีสูง

จึงต้องจับตาดูวาระร้อนวันที่ 7 สิงหาคม ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล ที่ถูกกกต.ร้องว่า มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ 

ถ้าต้องถูกยุบจะมีงูเห่าเลื้อยเข้าพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ แต่ที่แน่ๆพรรคภูมิใจไทยเปิดบ้านรอไว้แล้ว

แต่งานนี้พรรคก้าวไกลก็ประเมินสถานการณ์เตรียมเดินหน้าต่อ และวางเส้นทางการถูกยุบพรรคไว้แล้ว โดยเบื้องต้นจะยกกันไปอยู่บ้านใหม่ภายใต้ชื่อพรรคก้าวใหม่ โดยพร้อมดันแกนนำพรรคแถว 3 ขึ้นมา โดยมี “ไหม”ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ  ดร.ชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร และ วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร เป็นแคนดิเดต หัวหน้าคนใหม่

ต้องดูว่าเมื่อถึงเวลาคนที่ไปด้วยจะไปครบหรือไม่หรือจะกระฉอกเลื้อยไปเติมเสียงให้พรรคอื่นขนาดไหน ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะเป็นการเติมพลังอำนาจที่ลือกันว่าพรรคภูมิใจไทยเปิดบ้านรอช้อนไว้แล้ว

นอกจากนี้ยังมีวาระร้อนที่ตามมาติดๆ คือ ศาลรัฐธรรมนูญ นัดชี้ชะตา“นายกฯเศรษฐา” ตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติ ในวันที่ 14 สิงหาคม ต้องมาลุ้นว่าศาลรัฐธรรมนูญจะให้ “นายกฯเศรษฐา” ได้ไปต่อหรือไม่

ถ้าร่วงจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี โมเมนตัมทางการเมืองก็คงต้องเปลี่ยน ถ้าสแกนตามรายชื่อที่เห็นๆ ก็จะมี “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค”หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ตอนนี้ดูฟูลออฟชั่นที่สุด หรืออาจจะกลายเป็นนายใหญ่ทักษิณ ก็ได้ เพราะการเมืองตอนนี้มีแต่เรื่องพิสดาร และเกิดเหตุ “บิ๊กดีล”ได้เสมอ

เพราะดูงานเบิร์ดเดย์ครบรอบ 75 ปีของ นายใหญ่ทักษิณ มีการเดินสายจัดงานอลังเว่อร์ กับกลุ่มก๊วนนักธุรกิจใหญ่ทั้ง ไฮโซต๊อบ อัยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา บิ๊กบอสคิงพาวเวอร์ ที่โรงแรมคิงพาวเวอร์ ซอยรางน้ำและเมื่อวันที่ 24 ก.ค. ก็เดินสายจัดที่โรงแรมยูสาทร ของ คีรี กาญจนพาสน์ “บิ๊กบอส”แห่งบีทีเอส กลายเป็นอีเวนท์โชว์ ให้เห็นว่ารู้ไหมใครใหญ่ ปูทางต้อนรับวันที่ 22 ส.ค. วันดีเดย์แห่งการพ้นโทษสลัดบ่วงพันธนาการ

แต่วาระร้อนอีกหนึ่ง คือ วันที่ 22 สิงหาคม ที่ นายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า “ทักษิณ ชินวัตร” พ้นโทษจะได้รับไปบริสุทธิ์ คงเป็นการเปิดประตูให้ “ทักษิณ” เข้ามาบัญชาการพรรคการเมืองอย่างเต็มตัว ตามที่ เนติบริกร “วิษณุ เครืองาม” ชี้ว่า หาก “ทักษิณ” พ้นโทษจะเข้ามาช่วยงานราชการสามารถทำได้ยกเว้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีนอกนั้นเป็นได้หมด

ดูวังวนของพรรคเพื่อไทยที่มีการเปิดศึกระหว่าง “ตระกูลชินวัตร”และ “อยู่บำรุง” แบบไม่มีใครยอมใคร ทำเอา “วัน อยู่บำรุง”ต้องเดินเข้าบ้านป่าหันไปซบ “ลุงป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ชุบตัว แถม “พ่อเหลิม” “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” ออกมาเล่นใหญ่ท้าให้ขับออกจากพรรค

 แต่ดันเจอ “อุ๊งอิ๊ง”เด็ดกว่าดีด “เฉลิม”ออกจากกลุ่มไลน์พรรคเพื่อไทยทันที ศึกนี้ต้องจับตาดูว่า “นางพญา” จะคุมบังเหียนนำพาพรรคต่อสู้เกมนี้ต่ออย่างไร และยังต้องรอดูผลงานที่รัฐบาลกำลังทำเรือธงให้เดินหน้าเพื่อเรียกศรัทธา

 ถึงแม้จะออกมาตั้งโต๊ะแถลงนโยบายเรือธงเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต แต่เมื่อหลายคนฟังดูแล้วยังไม่มีอะไรคืบหน้า นอกจากวันลงทะเบียน รายละเอียดๆอื่นยังไม่มีความชัดเจน อีกทั้งบริษัทที่รับทำระบบแอพเคชั่นของธนาคารก็ยังมีปัญหาและพร้อมที่จะมีการปรับเปลี่ยนอย่างอื่นได้ตลอดเวลา

จึงต้องจับตาดูว่า โครงการแจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต จะถือเป็นโครงการหมุดหมายหนึ่งที่จะฟื้นความนิยมของพรรคเพื่อไทยให้กระเตื้องขึ้นได้หรือเปล่าหรือจะกลายเป็นหลุมฝังกลบ“รัฐบาลเศรษฐา”และ “พรรคเพื่อไทย”.

คลิกอ่านบทความทั้งหมดที่นี่