แต่ก็ยังไม่ว้าวุ่นเท่ากับเหตุการณ์ทางการเมืองของไทยที่บรรดาขุนพล พรรคก้าวไกล ออกมาเรียงหน้าสับกลางสภาในวาระร้อนที่รัฐบาลเข็นร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 พ.ศ. … วงเงิน 1.22 แสนล้าน วาระแรกที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอ เพื่อใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแจกเงิน1หมื่นบาท 

นำโดย “ศิริกัญญา ตันสกุล” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ฟาดรัฐบาลกำลังพาประเทศไป เสี่ยงวิกฤติ เพื่อรักษาหน้าที่เคยหาเสียงเอาไว้ แต่สุ่มเสี่ยงที่จะทำผิดกฎหมายวินัยการเงินการคลังของรัฐหลายมาตรา เช่น มาตรา 21 ที่กำหนดว่าการจัดทำงบรายจ่ายเพิ่มเติม เพื่อใช้ในระหว่างปีงบประมาณ ไม่ใช่ใช้ข้ามปีและไม่สามารถรอใช้ในปีต่อไปได้ 

แต่การเสนอของบเพิ่มเติม จะทำให้มีเงินออกไปใช้หลังจากที่ พ.ร.บ.งบประมาณปี67 สิ้นสุดลงในวันที่ 30 ก.ย. รัฐบาลกำลังเดินหน้าลุยไฟทำผิดกฎหมาย คนที่เดือดร้อน คือ ข้าราชการประจำที่ลงนามเรื่องต่างๆ โดยฝ่ายการเมือง ไม่มีความรับผิดชอบใดๆ ในการตัดสินใจที่เสี่ยงผิดกฎหมาย

ขณะที่ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) รุมสับการกู้เงินชดเชย 1.12 แสนล้านบาท มาแจกจะเป็นการโยนภาระให้ลูกหลานในอนาคต

แต่ในที่สุดพรรคร่วมรัฐบาลก็จับมือกันลงคะแนนผ่านร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ไปในที่สุด พร้อมเตรียมปักหมุดเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนในโครงการเติมเงิน1หมื่นบาทดิจิทัลวอลเลตในวันที่ 1 สิงหาคม หวังสร้างพายุหมุนดึงเศรษฐกิจขาขึ้น

ท่ามกลางสื่อนอกตีข่าว เศรษฐกิจไทย กำลังเผชิญวิกฤต โรงงานปิดตัวเกือบ 2,000 แห่ง แรงงานถูกเลิกจ้างหลายหมื่นคน ธุรกิจขนาดเล็กเดือดร้อน 

คงต้องจับตาดูเงินหมื่นดิจิทัล จะกลายเป็นพายุหมุนที่เติมเงินในกระเป๋าหรือจะกลายเป็นพายุร้ายพัดพาทำลายทุกสิ่งจนประเทศไม่เหลืออะไร

ขณะเดียวกันบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องรอรับวิบากกรรมกับคำตัดสินศาลปกครองที่ “ไหม”ศิริกัญญา จะยื่นให้ศาลปกครองพิจารณาว่า โครงการเงินดิจิทัล ผิดกฎหมายหรือไม่

แม้ความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาลจะมีการโชว์ภาพ ชื่นมื่น ในงานเลี้ยงมื้อค่ำวันที่ 15 กรกฎาคม ที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เป็นเจ้าภาพ แต่ไร้เงา “พี่น้อง 2 ป” “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร์ วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค และ“บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ปรึกษาพรรค มีเพียง เลขาธิการพรรคพปชร.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์

ท่ามกลางรอยร้าวปีนเกลียว มีความระหองระแหงกัน ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เช่น กรณีที่ “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำเอากัญชาเข้าสู่บัญชียาเสพติด จน“เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ต้องออกแอคชั่นให้“นายฯเศรษฐา”และ “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชชัย รองนายกฯ ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย เห็นว่า พรรคภูมิใจไทยไม่สบายใจที่เอา “กัญชา” คืนบัญชี “ยาเสพติด” ขอโหวตสวนในบอร์ด คณะกรรมการและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)

ตอนนี้พรรคภูมิใจไทย ถือได้ว่า ฟูลพาวเวอร์ หลังมีสว.สายสีน้ำเงินอยู่ในมือเกินครึ่ง ต้องจับตาดูการโหวตประธานวุฒิสภาในวันที่ 23 กรกฎาคม จะเป็นศึกแรกแห่งการชิงประมุขและรองประมุขสภาสูง 

สำหรับตัวเต็งประธานวุฒิสภา เป็นคนจากค่ายสีน้ำเงินที่ต้องมาชิงกัน ได้แก่ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์” เพื่อนร่วมรุ่น วปอ. “อนุทิน” และ “มงคล สุระสัจจะ” คนสนิทบ้านใหญ่บุรีรัมย์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นสองตัวเต็งผู้ท้าชิง

จึงต้องดูว่าค่ายสีน้ำเงินจะโยน ตำแหน่งนี้ให้ใคร แต่ก็ยังมีคู่ชิงมาจากสว. พันธุ์ใหม่และยังมีการตั้งกลุ่มสว.กระจัดกระจาย ทั้ง สว.สายสีขาว  สีแดง สีส้มและสีเขียว ซึ่งจะกลายเป็นกีฬาสีให้ชมกันเรื่อยๆ

ถึงอย่างไรก็อย่าลืมว่า ยังมีสว.สันหลังหวะที่กกต.รอตามสอยอยู่อีก 47 เรื่อง ล่าสุด กกต.รับ 2 คำร้อง กรณีปัญหาวุฒิการศึกษาของ “หมอเกศ” เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว.กลุ่ม19 (กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ)ที่ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 1  ใช้วุฒิการศึกษาลวงให้ลงคะแนนเลือกเป็นสว. หรือไม่ นอกจากนี้ “หมอเกศ”เจอดาบ 2 แพทยสภาฯ ร่อนหนังสือถึง “สว.เกศกมล”เรียกเอกสารแจงปมอ้างเชี่ยวชาญความงาม พร้อมขอ กกต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบการพิจารณาเพิ่ม ยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ถึงแม้สว.ชุดนี้ใครจะวิจารณ์ว่าเป็นสว.สันหลังวะ หรือจะมีฉายาใดๆ ก็ขอให้รับฟังแล้วเป็นแรงผลักรีบทำผลงานให้ออกมา เพื่อจะได้ลบข้อครหาได้ ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ต้องพิสูจน์ตัวเองต่อสังคม

แต่เมื่อหันมาดูสภาพ “พรรคเพื่อไทย” เรียกได้ว่าว้าวุ่นหนักมาก ที่ล่าสุด “วัน อยู่บำรุง” ได้ยื่นหนังสือลาออกจากความเป็นสมาชิกพรรคด้วยน้ำตา เป็นเหตุการณ์วัดบารมีของ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีภารกิจต้องนำพาพรรคเพื่อไทยลงชิงชัยในสนามเลือกตั้งครั้งหน้า

ท่ามกลางกระแสรัฐบาลหล่นวูบและจากผลโพลที่ออกมาย้ำซ้ำหลายๆรอบคนไทยไม่ปลื้มผลงานรัฐบาล แถมยังออกอาการหมั่นไส้กับความเหิมเกริมของนายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ตระเวนลงพื้นที่ปลุกบ้านใหญ่ระหว่างพักโทษ และอีกไม่นานก็จะได้ใบบริสุทธิ์ เพราะวันที่ 22 สิงหาคมก็จะครบกำหนด “ทักษิณ พ้นโทษแล้ว

ขณะเดียวกันยังมีภารกิจพา“อาปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับบ้านตามคำที่ “นายใหญ่ ทักษิณ”ได้เคยประกาศไว้ ว่า ตุลาคมนี้จะได้กลับมา และจะได้ไปสาดน้ำเล่นสงกรานต์ที่เชียงใหม่ด้วยกัน ท่ามกลางกระแสข่าวลือเรื่องการยื่นขออภัยโทษ ของ “อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์” ซึ่งพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ออกมาปฏิเสธว่ายังไม่มีเรื่องยื่นเข้ามา ขณะที่ “นายกฯเศรษฐา” ปิดปากเงียบ

เรื่องนี้จะกลายเป็นโจทย์ยากที่ต้องจับตาดูว่า “อุ๊งอิ๊ง” ฝ่าโจทย์ร้อนและนำพาพรรคเพื่อไทยไปได้ตลอดรอดฝั่งได้อย่างไร เพราะศึกข้างหน้าจะกลายเป็นศึกชิงสนามเลือกตั้ง ระหว่างสองขั้ว คือ ขั้ว “อนุรักษ์นิยม” ที่มี “พรรคเพื่อไทย” ยืนหนึ่ง กับขั้ว “เด็กเฮี้ยวค่ายสีส้ม” ที่ตอนนี้กำลังเจอมรสุมนิติสงครามรุมกระหน่ำ จากที่ศาลรัฐธรรมนูญ ปิดเกมนัดอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกลมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ ในวันที่ 7 สิงหาคม

แม้ “เดอะต๋อม” ชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะออกมาบอกว่า “เขาบอกว่าน่าจะไม่ยุบแล้วมั้ง” คงเป็นอาการปากกล้าขาสั่น เพราะดูชะตากรรมแล้วรอดยาก แต่การยุบพรรคก้าวไกล ก็ไม่สามารถตัดตอนพันธุ์ส้มได้ และงานนี้พรรคก้าวไกลก็เตรียมยุทธศาสตร์ดันแกนนำรุ่นที่ 3 ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ต้องจับตาดูว่ากองทัพใหม่ของ “พรรคก้าวไกล” จะ“เฮี้ยว” ขนาดไหนและต้องจับตาดูว่าจะมีงูเห่าเลื้อยไปที่ไหนบ้าง และต้องมาดูว่าตอนนั้นเกมอำนาจจะเปลี่ยนไปอย่างไร.

คลิกอ่านบทความทั้งหมดที่นี่