แม้จะเกิดเหตุในต่างแดน แต่ก็เป็นไวรัลอื้ออึงในประเทศไทยด้วย กรณียูทูบเบอร์ชาวฟิลิปปินส์สายกิน ตายหลังโชว์การกินเนื่องจากหัวใจหยุดเต้น!! โดยแพทย์ระบุสาเหตุว่า เกิดจากหลอดเลือดในสมองแตก!!… หลังความดันโลหิตพุ่งสูงและมีภาวะลิ่มเลือดร่วมด้วย ส่วนการ “กินปริมาณมากผิดปกติ” นั้นก็ “อาจเป็นปัจจัยส่วนหนึ่ง” ที่ส่งผลได้เช่นกัน?? ซึ่งจากกรณี “กินจนตาย!!“ ที่เกิดขึ้น ก็ไม่เพียงทำให้คนฟิลิปปินส์งงงวยและเกิดคำถาม แต่ในไทยก็มี “ปุจฉา“ ไม่น้อยเช่นกัน??…

“กินจนตาย-อิ่มตาย“ มีจริงหรือ??
ถ้ามี ปัจจัยอะไรกันที่ทำให้เกิด??“
ปุจฉานี้ มีมุมการแพทย์วิสัชนาไว้“

ทั้งนี้ กับข้อมูลมุมแพทย์นี่ “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” จะสะท้อนต่อข้อมูลวันนี้… ซึ่ง “กรณีอิ่มตาย” นั้น กรณีนี้ทาง นพ.พินิจ ลิ้มสุคนธ์ ได้เคยวิสัชนาถึงปุจฉานี้ไว้ผ่านบทความ คอลัมน์คุยกับหมอ 3 บาท นิตยสารหมอชาวบ้าน ฉบับเดือน ก.พ. 2562 โดยระบุถึงภาวะนี้ไว้ หลักใหญ่ใจความมีว่า… “อดตาย” ดูจะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายมากกว่า “อิ่มตาย” ที่ประเด็นหลังนี้ชวนให้คนสงสัยได้มากกว่า และนอกจากนั้น ในทางการแพทย์ก็คงไม่มีกรณีเหมือนกับเรื่องราวของ “ชูชก” ในนิทานชาดกพระเวสสันดรด้วย เพราะ ไม่เคยมีหลักฐานใด ๆ ที่จะนำมาแสดงว่ามนุษย์เคยท้องแตกเพราะกินมากเกินไป!!! หากแต่มีที่มาจาก“สาเหตุอื่น“ มีที่มาจาก “ปัจจัยอื่น“ มากกว่า ที่อาจจะ“เพิ่มความเสี่ยงจนทำให้เสียชีวิต“ จากการที่…

“กินมากไป“ หรือ กินอิ่มไป“

ทางคุณหมอท่านดังกล่าวได้ระบุถึง “สาเหตุ-ปัจจัย” ที่อาจจะ “ทำให้อิ่มตายได้มากที่สุด” ไว้ว่า… เรื่องนี้ถ้าเกิดขึ้นน่าจะมีปัจจัยหลัก ๆ มาจาก“โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน’และก็ได้มีการขยายความถึงสาเหตุเรื่องนี้เอาไว้ว่า… เมื่อใดที่คนกินอาหารอิ่ม เลือดจะส่งไปเลี้ยงหัวใจน้อยลง เพราะถูกดึงไปเลี้ยงกระเพาะและลำไส้มากขึ้น เนื่องจากเลือดเป็นระบบขนส่งที่จะนำอาหารและก๊าซออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ และนำของเสียกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมากำจัด ซึ่งเป็นระบบของร่างกาย ที่เมื่ออวัยวะใดอวัยวะหนึ่งต้องทำงานมากขึ้น อวัยวะนั้นก็จะมีเลือดไปหล่อเลี้ยงอวัยวะเพิ่มขึ้นนั่นเอง…

เมื่อคนเรากินอาหาร เลือดจะไหลเข้ามาในช่องท้องเพื่อเลี้ยงทางเดินอาหารมากขึ้น ส่งผลให้อวัยวะอื่นจะได้รับเลือดน้อยลง แต่หัวใจยังคงต้องทำงานหนักเพราะเป็นตัวสูบฉีดเลือด หรือปั๊มเลือดไปเลี้ยงร่างกาย ซึ่งนั่นก็ทำให้หัวใจเองก็ต้องการเลือดเพิ่ม เพราะหัวใจต้องทำงานมากขึ้นนั่นเอง” …เป็นคำอธิบายที่ นพ.พินิจ ได้ให้ความรู้ไว้

ที่อธิบายถึง “ภาวะของร่างกาย”
ในกรณีที่ “เกี่ยวกับเรื่องการกิน”

คุณหมอยังระบุไว้ในบทความ คอลัมน์คุยกับหมอ 3 บาท นิตยสารหมอชาวบ้าน อีกว่า… กรณี มีภาวะหลอดเลือดแดงของหัวใจตีบตัน ร่วมด้วย ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เกิดภาวะต่าง ๆ อาทิ หัวใจขาดเลือด หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจล้มเหลวหรือกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน จึงเกิด ช็อกตายกะทันหันขณะกำลังกินอาหาร หรือเมื่ออิ่มนั่นเอง …นี่เป็น “สาเหตุ” ที่คุณหมออธิบายไว้ ที่ไขคำตอบ “คนเราอิ่มตายได้จริงมั้ย?“ ซึ่งทางการแพทย์ชี้ว่า “เกิดขึ้นได้“ เพียงแต่…

ไม่ได้เป็นการท้องแตกตาย” อย่างชูชก

ส่วน “ข้อแนะนำ” เพื่อจะ “ไม่ให้มีอันตรายเพราะกิน” นั้น ทาง นพ.พินิจ ลิ้มสุคนธ์ ก็ได้แนะนำไว้ว่า… ไม่ควรเร่งรีบกินอาหาร ควรกินแต่พอดี ไม่ควรกินให้อิ่มจัดหรืออิ่มจนจุกแน่น และไม่ควรออกแรงหรือออกกำลังกายขณะเพิ่งกินอิ่ม รวมถึงทำงานที่ต้องใช้ความคิดอย่างมาก เพราะจะส่งผลทำให้ปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อและสมองลดน้อยลง…

นี่เป็น “วิธีลดเสี่ยง” ไม่ให้ “อิ่มตาย”

ทั้งนี้ ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” จะสะท้อนต่อข้อมูลอีก
ประเด็นน่าสนใจ ที่ก็เป็น “ภัยสุขภาพกรณีการกิน“จากการมี “ภาวะอาการป่วย“ ซึ่งในทางการแพทย์นั้นมีภาวะหรือโรคหนึ่งที่ถูกเรียกว่า… “โรคกินไม่หยุด“ หรือ “Binge Eating Disorder (BED)“ ซึ่งสำหรับคำอธิบายถึงภาวะอาการหรือโรคดังกล่าวนี้ ทาง นพ.ชาวิท ตันวีระชัยสกุล ได้อธิบายให้ความรู้ความเข้าใจไว้ผ่านทาง เว็บไซต์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยสังเขปนั้นมีว่า… “โรค BED” หรือ “กินไม่หยุด” นี้คืออาการของคนที่กินอาหารปริมาณมากผิดปกติ โดยไม่มีความรู้สึกหิว และไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ซึ่งเป็น “โรคทางจิตเวชชนิดหนึ่ง“ ที่…

สัมพันธ์กับเครียด อาจเกิดโดยไม่รู้ตัว

ลักษณะอาการโรคนี้ที่พบบ่อย ได้แก่… มัก กินอาหารปริมาณมากในเวลาไม่นาน มีความอยากกินตลอดเวลาแม้จะอิ่มแล้วหรือไม่หิว มักกินอาหารด้วยความเร็วมากกว่าปกติ ในบางรายอาจชอบแอบไปกินคนเดียวเพราะรู้สึกอายผู้อื่น พยายามควบคุมน้ำหนักแต่น้ำหนักกลับไม่ลด …นี่อาจเป็นอาการป่วยด้วย “โรคกินไม่หยุด” ซึ่งหากผิดปกติเรื่องกินเช่นนี้ นพ.ชาวิท ตันวีระชัยสกุล แนะไว้ว่า… ควรรีบพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาและวิธีบำบัด ก่อนที่อาการจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ…

“เรื่องกินเรื่องใหญ่“ นี่เป็น เรื่องจริง“
และก็ ไม่ได้มีแค่ไม่ได้กิน-อดตาย“…
“มีภัยกิน“ รวมถึง กินตาย-อิ่มตาย“.